หลังจากที่ Apple จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กลุ่มของสมาร์ตวอทช์ก็จะมีรุ่นใหม่ออกมาเป็น Apple Watch Series 10 ในขณะเดียวกันตามหน้าร้านตัวแทนจำหน่ายก็ยังคงมี Series 9 วางขายอยู่เช่นกัน ทำให้หลายท่านอาจจะมีลังเลกันบ้างว่าจะซื้อรุ่นไหนดีถึงจะตอบโจทย์ที่สุด ในบทความนี้เราจะมาดูกันครับว่าจะซื้อ Apple Watch Series 10 ดีมั้ย หรือจะมองเป็นรุ่นอื่นดี เมื่อมองจากดีไซน์และฟีเจอร์ที่มี
แยกซีรีส์ Apple Watch กันก่อน
ในช่วงหลังมานี้ Apple จะแบ่งผลิตภัณฑ์กลุ่ม Watch เป็น 3 สายหลัก ดังนี้
- Apple Watch ปกติ ซึ่งจะแบ่งย่อยลงมาอีกเป็น
- รุ่นธรรมดา จะลงท้ายด้วยลำดับซีรีส์ เช่น Series 10
- รุ่น Nike จะมาพร้อมสายที่เน้นสำหรับการออกกำลังกายมากกว่า ดู active แต่สเปคและความสามารถจะเหมือนกับรุ่นธรรมดา
- รุ่นพิเศษ เช่นรุ่นที่ออกแบบร่วมกับ Hermès (แต่ในรุ่นล่าสุด ตัวเรือนจะเป็นแบบซีรีส์ Ultra แทน)
- Apple Watch SE เน้นใช้ดีไซน์แบบเก่า ตัดฟีเจอร์บางส่วนออก เช่น การวัด ECG การวัดออกซิเจนในเลือด แลัววางจำหน่ายในราคาย่อมเยากว่า
- Apple Watch Ultra เน้นเพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบันขึ้น เหมาะกับใช้ลุย ใช้ออกกำลังกายที่เข้มข้นกว่าปกติ จุดเด่นคือแบตอยู่นานกว่ารุ่นอื่น ๆ และมีฟีเจอร์มากกว่า
ซึ่งสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป รุ่นยอดนิยมก็จะเป็นในข้อ 1 และ 2 ครับ เพราะราคาของรุ่น SE จะเริ่มต้นที่ 7,900 บาทเท่านั้น ส่วนรุ่นปกติก็เริ่มที่ราวหมื่นกลาง ๆ ดังนั้นในบทความนี้เราจะหยิบเฉพาะ Apple Watch Series 10, Series 9 และ Apple Watch SE มาเทียบกันเป็นหลักนะครับ
สิ่งที่ Apple Watch Series 10 เพิ่มเข้ามา เมื่อเทียบกับ Series 9
จากในการเปิดตัว Apple ระบุว่า Series 10 จะมาพร้อมดีไซน์แบบใหม่ที่มีการปรับปรุงจากรุ่นเก่าในหลายจุดทั้งภายในและภายนอก โดยสิ่งที่เด่น ๆ มีดังนี้
- ขยายขนาดตัวเรือนเล็กน้อยเป็น 46 และ 42 มม. จากเดิม 45 และ 41 มม.
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นตามมาด้วยเล็กน้อย พร้อมมีการปรับไปใช้พาเนล OLED มุมกว้าง ทำให้สามารถมองหน้าจอได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
- ตัวเรือนบางลงประมาณ 1 มม. และเบาลง
- เปลี่ยนวัสดุของรุ่นสแตนเลสสตีลมาใช้เป็นไทเทเนียมแทน ทำให้ได้ความทนทานสูงขึ้น น้ำหนักเบาลงกว่าเดิม
- รุ่นธรรมดามีสีดำ Jet Black เพิ่มเข้ามา
- สามารถทนต่อความลึกขณะดำน้ำ และวัดอุณหภูมิน้ำได้ เหมาะสำหรับใช้ใส่ว่ายน้ำและดำน้ำแบบ snorkel มากขึ้น
- มาพร้อมชิป SiP S10 จัดการพลังงานได้ดีขึ้น
- ชาร์จได้เร็วขึ้น (0-80% ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 15 นาที)
- ลำโพงในตัวเรือน สามารถใช้เล่นเพลงได้แล้ว จากที่ปกติใช้ได้แค่คุยโทรศัพท์
ทั้ง 9 ข้อคือสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Apple Watch Series 10 ซึ่งถ้ามีข้อไหนตรงกับโจทย์การใช้งานของคุณ ก็แทบจะแบเบอร์เลยครับว่าควรเลือกซื้อ Apple Watch Series 10 ไปเลย เช่นพวกฟังก์ชันด้านการต้านทานความลึกของน้ำ หรือต้องการซื้อสีใหม่ล่าสุดไม่ซ้ำใคร แต่ถ้าเป็นเรื่องน้ำหนักที่เบาลง อันนี้ส่วนตัวผมมองว่าอาจไม่ได้กระทบกับการใช้งานจริงมากนัก เพราะน้ำหนักที่เบาลงก็มากสุดประมาณ 10 กรัมเท่านั้น รวมถึงตัว Apple Watch เองก็จัดว่าเป็นสมาร์ตวอทช์ที่น้ำหนักเบาอยู่แล้วด้วย ส่วนความบางก็แค่ประมาณ 1 มม. เท่านั้น ทำให้โจทย์ในเรื่องของความบางเบาอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักมากนักในการตัดสินใจเลือกซื้อ (แต่แน่นอนว่าถ้างบถึง ซื้อรุ่นบางกว่าเบากว่าย่อมดีกว่าอยู่แล้ว)
ส่วนเรื่องหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น จากในการเปิดตัวก็จะชูโรงว่าทำให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลบนจอได้สะดวกขึ้นจากการปรับสเกลให้ใหญ่ขึ้นตามขนาดจอ ประกอบกับการเปลี่ยนไปใช้พาเนล OLED ที่มุมมองกว้างมากขึ้นเมื่อเทียบกับพาเนล OLED เดิมของ Series 9 อันนี้อาจจะต้องไปลองเล่นตัวเรือนจริงที่ตาม Apple Store หรือหน้าร้านตัวแทนจำหน่ายก่อนครับว่าต่างกันขนาดไหน
แล้ว Apple Watch Series 9 ยังมีตรงไหนน่าสนใจอยู่บ้าง
ก็จะอ้างอิงมาจากข้อแรกครับ คือถ้าฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาของ Series 10 ยังไม่โดนใจคุณมากนัก หรือต้องการแค่สมาร์ตวอทช์ที่ทำงานร่วมกับ iPhone ได้ดี ใช้ดูการแจ้งเตือน ใช้ฟังเพลง ใช้ตรวจจับระหว่างออกกำลังกายหรือช่วยตรวจสอบสุขภาพขั้นพื้นฐาน การเลือกซื้อ Apple Watch Series 9 ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ เพราะฟีเจอร์หลักต่าง ๆ ก็ยังมีให้ใช้งานได้แบบค่อนข้างครบ ทั้งหน้าจอ OLED แบบ Always-on ระบบวัด ECG วัดออกซิเจนในเลือด ฟังก์ชันติดตามการนอนหลับ ฟังก์ชันการวัดอุณหภูมิร่างกายที่ทำงานร่วมกับฟังก์ชันติดตามรอบเดือน รวมถึงยังมีชิป UWB2 เหมือนกันและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ไม่ต่างกันมากนักอีกด้วย
นอกจากนีั้หลังจากที่ Series 10 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เราน่าจะได้เห็นการจัดโปรโมชันลดราคา Series 9 ของร้านตัวแทนจำหน่ายที่น่าดึงดูดใจเข้าไปอีก อย่างช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ก็เริ่มมีบางร้านจัดโปรของ Apple Watch Series 9 GPS 41 มม. ของใหม่เหลือราคาเริ่มต้นที่หมื่นนิด ๆ เท่านั้น
ดังนั้นถ้าหากคุณอยากได้ Apple Watch ราคาดี ใช้งานได้แทบไม่แตกต่างจากรุ่นใหม่ล่าสุดมากนัก Series 9 ก็ยังเป็นรุ่นที่น่าหาซื้อมาใช้งานพอตัวทีเดียว เรื่องสายนาฬิกาก็สามารถใช้ร่วมกันได้แทบทั้งหมด แบ่งเป็นกลุ่มขนาดขนาดตัวเรือนไป
ถ้าเป็น Apple Watch มือสองล่ะ?
ในกรณีที่คุณต้องการ Apple Watch ราคาเบาจริง ๆ หรือแค่อยากได้มาลองใช้งานก่อน เพื่อดูว่าจะไปต่อได้มั้ย ถูกใจหรือเปล่า การเลือกซื้อ Apple Watch มือสองก็ยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เช่นกัน ซึ่งราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามรุ่นปีและตามสภาพตัวเรือน เท่าที่ผมลองค้นดูใน Facebook Marketplace ก็จะเจอแต่ละรุ่นอยู่ในช่วงราคาประมาณนี้
- Apple Watch Series 9 45mm ราคาเริ่มประมาณ 10,000 ต้น ๆ ส่วนรุ่น 41mm ก็จะเริ่มประมาณ 8,000 บาทขึ้นไป
- Apple Watch Series 8 ราคาประมาณ 6,000 บาทขึ้นไป
- Apple Watch SE 2 ราคาประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป
ถ้าหากเป็นรุ่นเก่ากว่านี้ ส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ เพราะมีความเสี่ยงว่าสุขภาพแบตเตอรี่จะลดลงไปตามอายุการใช้งานที่มากกว่า รวมถึงราคาก็ต่างกันไม่มากนักด้วย เว้นแต่ว่างบจำกัดจริง ๆ ก็เป็นอีกกรณี
ส่วนพวกฟังก์ชันการทำงาน เชื่อว่าครอบคลุมโจทย์ของผู้ใช้งานทั่วไปได้ค่อนข้างครบถ้วนทีเดียว ซึ่งจริง ๆ ในเรื่องฟังก์ชันก็เริ่มอยู่ตัวมาตั้งแต่สมัย Apple Watch Series 6 แล้ว ตัวชิป SiP เองก็มีความสามารถ มีประสิทธิภาพที่ไม่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากนัก โดยสามารถเข้าไปลองเทียบฟังก์ชัน เทียบสเปคของแต่ละรุ่นได้จากบนหน้าเว็บไซต์ของ Apple เองได้เลย
ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการหา Apple Watch มาลองใช้งานก่อน หรืออยากได้ในราคาเบา ๆ การเลือกซื้อแบบมือสองสภาพดี ไม่ติดล็อก iCloud มาใช้งานก็เป็นทางเลือกที่ดีอยู่เหมือนกัน โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องซื้อ Apple Watch Series 10 ที่เป็นรุ่นใหม่ที่สุดในขณะนี้
Apple Watch SE 2nd ยังน่าเล่นมั้ย?
Apple Watch SE เป็นซีรีส์ที่เน้นจับตลาดราคาย่อมเยาลงมา จากราคาเริ่มต้นในปัจจุบันที่ 7,900 บาท ซึ่งก็สามารถแข่งกับสมาร์ตวอทช์จากแบรนด์อื่นบางรุ่นได้เลย เพราะได้รูปลักษณ์ของความเป็น Apple Watch แบบครบถ้วน ส่วนฟังก์ชันพื้นฐานก็ให้มารองรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย หน้าจอก็เป็น Retina LTPO OLED ที่ให้ความสวยงามใกล้เคียงกัน จะต่างกันก็ที่ไม่สามารถเปิดติดตลอดเวลาได้เท่านั้นเอง
ส่วนพวกฟังก์ชันด้านสุขภาพของ Apple Watch SE 2 ก็จะรองรับการตรวจจับแบบหลัก ๆ ได้ลดหย่อนลงมาจากซีรีส์หลักเล็กน้อย จะมีฟังก์ชันที่หายไปก็เช่น
- การวัดคลื่นหัวใจ ECG
- การวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด
- การติดตามอุณหภูมิร่างกาย พร้อมการคาดคะเนช่วงตกไข่ของรอบเดือน
- เซ็นเซอร์การวัดอัตราชีพจรจะเป็นรุ่นเก่ากว่าอยู่ 1 gen
- ไม่ระบุมาตรฐานการกันฝุ่น (รุ่นปกติจะอยู่ที่ IP6X)
- ความจุในตัวอยู่ที่ 32GB
- ไม่มีชิป UWB
ซึ่งเชื่อว่าหลายฟังก์ชัน อาจจะเป็นสิ่งที่ท่านอาจไม่ได้ใช้งานอยู่เป็นประจำ ดังนั้นถ้าหากโจทย์การใช้งานนั้นตรงกับสิ่งที่ให้มา แล้วต้องการ Apple Watch ในราคาเบา ๆ หรือต้องการหาซื้อสมาร์ตวอทช์ให้บุตรหลาน ซื้อให้ผู้สูงอายุในบ้านใช้ Apple Watch SE 2 ก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ เพราะในตัวก็ยังมีฟังก์ชันสำคัญอย่างระบบตรวจจับการล้มและการชนกันมาให้ใช้ในแบบเดียวกับรุ่นหลักเลย
แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีกระแสข่าวลือออกมาค่อนข้างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า Apple อาจจะเปิดตัว Apple Watch SE 3rd ในช่วงต้นปี 2025 ที่จะถึงนี้ โดยอาจมีการปรับขนาดตัวเรือนและหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และมีการใส่ฟังก์ชันเพิ่มเข้ามา แต่ก็ต้องบอกว่ายังไม่ได้รับการยืนยันนะครับว่าจะมีการเปิดตัวจริง และมีความสามารถตามนี้จริง คงต้องรอติดตามกันต่อไป หรือถ้ารอได้ก็รอดีกว่า
แล้ว Apple Watch Ultra 2 ล่ะ?
จริง ๆ ต้องบอกว่าไลน์ของ Apple Watch Ultra นั้นคือแยกตัวเองออกไปอีกตลาดเลยครับ ทั้งเรื่องของความสามารถที่ใส่มาให้ตอบโจทย์สายเทรล สายออกกำลังกายหนัก ๆ สายผจญภัยไปเลย รวมถึงเรื่องราคาที่โดดขึ้นไปเริ่มที่เกือบ 30,000 บาทด้วย จึงอาจจะนำมาใช้เทียบกับ Apple Watch รุ่นปกติไม่ได้เต็มที่นัก นอกจากถ้ามีแผนจะซื้อ Apple Watch Series 10 รุ่นตัวเรือนไทเทเนียมที่ราคาก็ไปเริ่มต้นที่ 20,000 กลาง ๆ อยู่แล้ว อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบละครับ เพราะทั้ง Series 10 และ Ultra 2 ก็ใช้ตัวเรือนที่เป็นไทเทเนียมเหมือนกัน แต่รุ่นแรกจะเน้นความหรูหรามากกว่า ส่วนรุ่นสองจะเน้นลุยกว่า จอใหญ่และแบตอึดกว่า
จากทั้งหมด ซื้อ Apple Watch Series 10 จะคุ้มมั้ย?
จากการเทียบจุดเด่นของ Apple Watch แต่ละรุ่นแล้ว จะเห็นว่าต่างก็มีจุดขายที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่แตกต่างกันไปครับ ถ้าให้แจกแจงออกมาเป็นข้อ ๆ ก็น่าจะเป็นดังนี้
Apple Watch Series 10
- ต้องการสมาร์ตวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้ได้ทั้งมือใหม่และผู้ที่จะเปลี่ยนแทนรุ่นเดิมที่ใช้อยู่
- ต้องการ AW รุ่นที่ตัวเรือนบางและเบาลงไปอีกนิดนึง
- ต้องการ AW ที่ชาร์จเร็ว เหมาะกับผู้ที่ใส่ติดตัวตลอดเวลา จะถอดบ้างก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อชาร์จ
- ต้องการ AW สำหรับใส่ดำน้ำไม่ลึกมากนัก (สามารถวัดความลึกได้สูงสุด 6 เมตร)
Apple Watch Ultra 2
- ต้องการ AW ที่แบตอึดกว่าเป็นเท่าตัว
- นำไปใส่ทำกิจกรรมที่ extreme กว่า
Apple Watch SE 2
- ต้องการ AW สำหรับใช้งานพื้นฐานในราคาไม่แพงนัก ใช้ดูการแจ้งเตือน ใช้ตรวจจับการหกล้ม
- ไม่ได้ใช้งานฟังก์ชันด้านสุขภาพบางตัว เช่น วัด ECG วัดออกซิเจนในเลือด
- ต้องการ AW สำหรับให้ผู้สูงอายุใช้งาน เพื่อการจัดการอุปกรณ์แบบเป็นครอบครัว
Apple Watch มือสอง
- ต้องการ AW แบบฟังก์ชันเต็มมาใช้งานในราคาเบา ๆ
- อยากลองเริ่มต้นใช้งาน AW หรือต้องการทดสอบว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์หรือไม่ เนื่องจากข้อจำกัดหลักคือเรื่องระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่
- ถ้าต้องการเลือกมือสองมาใช้งาน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรดูเป็นรุ่นใหม่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไว้ก่อน