Xiaomi Redmi Note 5 จัดเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ ด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่า กับราคาค่าตัวเริ่มต้น 5,990 บาท ได้สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.99 นิ้ว Full HD+ ชิปประมวลผล Snapdragon 636 ในขณะที่แบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด จ่ายเงินไป 6,000 บาท บางยี่ห้อยังได้แค่ Snapdragon 450 อยู่เลย และไหนจะกล้องหลังคู่อีก เอาเป็นว่าสิ่งที่สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งควรจะมี Xiaomi Redmi Note 5 ก็มีให้นั่นแหละ ที่สำคัญคือมันมีให้ในราคาที่แบบว่า คุ้ม!! คุ้มจนบางสิ่งที่ขาดไปใน Xiaomi Redmi Note 5 หรือบรรดาข้อเสียต่าง ๆ สามารถมองข้ามไปได้เมื่อเห็นราคามันเลยล่ะ
แต่ความเป็นมหาเทพของ Xiaomi Redmi Note 5 อาจจะต้องสะเทือนก็เป็นได้ เพราะล่าสุด ASUS ได้ปลุกกระแสสมาร์ทโฟนคุ้ม ๆ ในราคาที่เข้าถึงได้อีกครั้ง หลังจากที่หลงทางไปตอน ASUS Zenfone 3, ASUS Zenfone 4 ในปี 2018 นี้ ASUS กลับมาพร้อมกับ ASUS Zenfone 5 รุ่นปี 2018 ที่ปล่อยราคาพรีออเดอร์ได้น่าประทับใจที่ 9,990 บาท ถือเป็นการเรียกศรัทธาจากสาวกได้ดี และนอกจาก ASUS Zenfone 5 (ที่หลายคนเอาไปเทียบกับ Xiaomi Redmi Note 5) ASUS ก็ยังมีอีกหนึ่งว่าที่มหาเทพด้านความคุ้มค่าอย่าง ASUS Zenfone Max Pro M1 ที่วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 5,990 บาท!!
เกริ่นมายืดยาว ขอกลับเข้าสู่เนื้อหาหลักของบทความนี้ นั่นก็คือการเปรียบเทียบ 2 มหาเทพสมาร์ทโฟนสุดคุ้มค่าในช่วงราคาต่ำหมื่น ASUS Zenfone Max Pro M1 กับ Xiaomi Redmi Note 5 รุ่นไหนจะเข้าเป้าเข้าตามากกว่ากัน โดยในบทความนี้ผมจะขอเทียบที่รุ่น Ram 4 GB/ Rom 64 GB เพราะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แถมยังเปิดราคามาเท่ากันที่ 6,990 บาทอีกต่างหาก
สเปค [ชิปประมวลผล + Ram + ROM]
Qualcomm Snapdragon 636 octa-core Kyro 260 ความเร็ว 1.8 GHz บนเทคโนโลยีการผลิตแบบ 14 นาโนเมตร / Ram 4 GB (LPDDR4X) และความจุ 64 GB (eMMC 5.1) ในตัว เป็นสเปคของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้ สรุปง่าย ๆ ว่ามันคือสเปคเดียวกันนั่นเอง แต่ข้อสังเกตจะอยู่ที่ ASUS Zenfone Max Pro M1 ระบุเลยว่ารองรับ MicroSD Card สูงสุด 2 TB และให้ Google Drive ใช้ฟรี ๆ อีก 100 GB นาน 1 ปี ในขณะที่ Xiaomi Redmi Note 5 รองรับที่ความจุสูงสุด 128 GB
ด้านการเล่นเกม แม้ว่าทั้ง 2 รุ่นจะใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 636 เหมือนกัน Ram LPDDR4X ขนาด 4 GB เท่ากัน แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อยว่า ASUS Zenfone Max Pro M1 เมื่อเล่นเกม ROV จะสามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูง (60 fps) ได้เลย ในทางกลับกัน Xiaomi Redmi Note 5 ตอนที่ผมเขียนบทความนี้ยังเล่นได้แค่ 30 fps ครับ ต้องรูทก่อน จึงจะเปิดโหมด 60 fps ได้
อย่างไรก็ตาม ราคาของ MicroSD Card ความจุสูงขนาด 2 TB ก็ไม่ได้ถูก ๆ ครับ และมันแพงกว่าราคาสมาร์ทโฟนแน่นอน เอาแค่ความจุ 128 GB นี่ก็ตีเป็นราคาครึ่งหนึ่งของค่าเครื่อง Xiaomi Redmi Note 5/ ASUS Zenfone Max Pro M1 แล้ว เพราะฉะนั้นสรุปเลยว่า ASUS เป็นต่อเล็กน้อยตรงที่ให้ Google Drive 100 GB ฟรี 1 ปี และถาดซิมเป็นแบบ 3 Slot ใส่ได้ทั้ง MicroSD Card กับ 2 ซิมพร้อมกัน ในขณะที่ Xiaomi Redmi Note 5 เป็นถาดซิมแบบ Hybrid Slot
พอร์ตเชื่อมต่อ + ฟีเจอร์ (ฮาร์ดแวร์)
ในส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อ Xiaomi Redmi Note 5 มีพอร์ตเหมือนกันกับ ASUS Zenfone Max Pro M1 ไม่ว่าจะเป็น Micro USB สำหรับเชื่อมต่อ, ชาร์จไฟ มีไมโครโฟน 2 ตัวเหมือนกัน และยังคงมีพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร ไม่ได้ตัดทิ้งเหมือนสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ Xiaomi Redmi Note 5 เหนือกว่าคือเซ็นเซอร์อินฟาเรดบริเวณด้านบนตัวเครื่อง สามารถสั่งเปิด – ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยรีโมทได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ASUS Zenfone Max Pro M1 ก็มีหมัดเด็ดเป็น PMIC internal NXP smart amplifier ในส่วนของระบบเสียง และยังมาพร้อมกับลำโพง 5 Magnet ที่เคยอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ๆ ของ ASUS
การเชื่อมต่อแบบไร้สาย
ในหัวข้อนี้จะพูดถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ได้แก่ Wi-Fi, Bluetooth และ LTE โดยในส่วนของ LTE สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น รองรับ 4G LTE เหมือนกัน แต่ตามหน้าสเปคของ Xiaomi Redmi Note 5 จะเป็นชิป X12 LTE ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 600 Mbps ส่วน ASUS Zenfone Max Pro M1 รองรับ LTE Cat 13 ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 400 Mbps (2CA) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ความเร็วของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย พูดกันตามตรงว่า ณ ตอนนี้มีโอกาสน้อยมากที่ความเร็ว 4G จะพุ่งทะลุ 400 Mbps ครับ
ส่วนเรื่องการรองรับความถี่ของค่ายโทรศัพท์ในประเทศไทย ทั้ง 2 รุ่นสามารถใช้งานร่วมกับ AIS, TrueMove H ได้สบาย ๆ รวมถึงคลื่นใหม่ของ dtac อย่าง dtac Turbo TDD 2300 MHz ได้อีกด้วย
ด้านการเชื่อมต่อ Wi-Fi จะมีความแตกต่างชัดเจน ตรงนี้ Xiaomi Redmi Note 5 ทำได้ดีกว่า เพราะรองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac หมายความว่าจะสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Wi-Fi ความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ส่วน ASUS Zenfone Max Pro M1 จะรองรับแค่ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n ความถี่ 2.4 GHz เท่านั้น
สำหรับ Bluetooth และระบบดาวเทียม ทั้งสองรุ่นให้มาเท่ากัน คือ Bluetooth 5.0/ Bluetooth HID ด้านระบบดาวเทียมก็ครบครันทั้ง GPS, AGPS, Glonass และ BeiDou
หน้าจอ
Xiaomi Redmi Note 5 มาพร้อมกับหน้าจอ IPS Full Screen ขนาด 5.99 นิ้ว ความละเอียด 2160 x 1080 FHD+, 403 PPI เฉดสี NTSC 83% ส่วน ASUS Zenfone Max Pro M1 มีหน้าจอขนาด 6 นิ้ว IPS แบบ 18:9 เช่นเดียวกัน ความละเอียดก็เท่ากัน แต่เหนือกว่าเล็กน้อยด้วยเฉดสี NTSC 85% และทีเด็ดอย่าง Contrast Ratio ที่สูงมากในระดับ 1,500:1 ทำให้หน้าจอของ Zenfone Max Pro M1 มีความสดมากกว่า คมชัดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ข้อสังเกตอีกอย่างจะอยู่ที่กระจกหน้าจอ Xiaomi Redmi Note 5 จะมาพร้อมกระจก Gorilla Glass แต่กระจกหน้าจอ Zenfone Max Pro M1 ไม่ได้ระบุว่าเป็น Gorilla Glass
กล้องถ่ายภาพ
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันก็คงเป็นเรื่องของกล้องถ่ายภาพ สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ แต่มีความละเอียดไม่เท่ากัน โดยของ Xiaomi Redmi Note 5 กล้องหลังคู่มีความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล f/1.9 กับ 5 ล้านพิกเซล f/2.0 ส่วน ASUS Zenfone Max Pro M1 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 กับกล้องรองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายโหมดหน้าชัด – หลังเบลอเช่นเดียวกัน
ส่วนกล้องหน้า ต้องออกตัวก่อนว่าเรายังไม่ได้ทดสอบกล้องของ Zenfone Max Pro M1 นะครับ เพราะฉะนั้นจึงวัดกันแค่ที่สเปคเพียงอย่างเดียว สำหรับกล้องหน้าของ Xiaomi Redmi Note 5 มีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล f/2.0 มาพร้อมโหมด Beautify 4.0 ส่วนกล้องหน้า ASUS Zenfone Max Pro M1 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และดูจะเป็นต่อเล็กน้อยด้วยการติดแฟลชแบบ Soft Light มาให้
ต่อด้วยการถ่ายวีดีโอและฟีเจอร์บางส่วน Xiaomi Redmi Note 5 รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD 30 fps ตรงนี้ ASUS Zenfone Max Pro M1 ทำได้ดีกว่าเพราะถ่ายวีดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 4K และยังรองรับ Full HD 60 fps อีกด้วย
Software
ในหัวข้อนี้ สำหรับผมอยู่ที่ความชอบล้วน ๆ เลยครับ ถึงแม้ว่าระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อม Android Oreo เหมือนกัน แต่ User Interface แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง Xiaomi Redmi Note 5 ใช้เป็น MIUI 9 (รองรับการอัพเดตเป็น MIUI 10 ในอนาคต) ส่วน ASUS Zenfone Max Pro M1 มาพร้อมกับ UI แบบ Pure Android ที่มีการปรับแต่งน้อยมาก คล้ายกับ Android One หรือพวก Pixel นั่นเอง
ผลของการที่ ASUS เลือกใช้ Rom แบบ Stock Android เลยทำให้ผลการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu ทำคะแนนได้ดีกว่า Xiaomi Redmi Note 5 ที่มีสเปคเท่ากัน แต่ก็เป็นส่วนต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วก็ Zenfone Max Pro M1 จะบูทเครื่องได้เร็วกว่าด้วย
แบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่และการชาร์จไฟ สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นจัดอยู่ในประเภทแบตเตอรี่ความจุสูงทั้งคู่ ASUS Zenfone Max Pro M1 ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh ส่วน Xiaomi Redmi Note 5 มีแบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh การที่ Zenfone Max Pro M1 มีแบตเตอรี่ความจุสูงกว่า เลยทำให้ตัวเครื่องมีความหนามากกว่า Redmi Note 5 ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของน้ำหนักตัวเครื่อง สมาร์ทโฟนทั้งคู่มีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 180 กรัม
ด้านการชาร์จไฟ อะแดปเตอร์ที่ติดมาให้ในกล่องของทั้ง 2 รุ่นเป็นอะแดปเตอร์ 10W (5V: 2A) ชาร์จผ่านพอร์ต Micro USB ในการทดสอบของทาง ASUS เคลมว่า Zenfone Max Pro M1 ชาร์จไฟกลับได้เร็วกว่า Redmi Note 5 (ในรูปเป็น Redmi Note 5 Pro ของต่างประเทศ ซึ่งก็คือ Redmi Note 5 บ้านเรานั่นเอง) แม้ว่าจะใช้อะแดปเตอร์ที่จ่ายไฟได้ 10W เหมือนกัน อีกทั้ง Zenfone Max Pro M1 มีแบตเตอรี่ความจุสูงกว่าเสียด้วย
เครดิต: https://www.asus.com/Phone/ZenFone-Max-Pro-ZB602KL/Features/
ถ้าหากรู้สึกว่าการชาร์จไฟยังเร็วไม่พอ Xiaomi Redmi Note 5 รองรับการใช้งานร่วมกับอะแดปเตอร์ Quick Charge 3.0 ครับ เปลี่ยนอะแดปเตอร์แล้วจะชาร์จไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ ASUS Zenfone Max Pro M1 ไม่รองรับ Quick Charge และทำการล็อคการชาร์จให้รองรับมากสุดแค่ 10W ด้วยเหตุผลด้านการจัดการพลังงาน ทาง ASUS แจ้งว่าแบตเตอรี่ความจุสูงในระดับ 5,000 mAh หากชาร์จเร็วกว่านี้ จะทำให้เก็บประจุได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ภาพรวม
สุดท้ายแล้วจะเลือกซื้อ ASUS Zenfone Max Pro M1 หรือ Xiaomi Redmi Note 5 อันนี้ก็อยู่ที่เพื่อน ๆ แล้วล่ะครับ ว่าชอบรุ่นไหนมากกว่ากัน อย่าลืมว่ายังมีรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่ผมไม่ได้เอ่ยถึง อย่างดีไซน์ของตัวเครื่อง หรือแม้แต่การถ่ายภาพจริง ๆ เพราะนี่คือการเปรียบเทียบเฉพาะสเปคเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ ทั้ง ASUS Zenfone Max Pro M1 และ Xiaomi Redmi Note 5 ยังถือว่าเป็นสองมหาเทพด้านความคุ้มค่าในช่วงราคาต่ำหมื่นที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะครับ