เมื่อช่วงวันที่ 20-22 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ทีมงาน SpecPhone เราได้รับเกีรยติจากทาง ASUS ประเทศไทยให้ไปร่วมงานเปิดตัว ASUS Zenfone 2 อย่างเป็นทางการที่จาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียมาครับ โดยงานนี้ทางอินโดนีเซียเป็นแม่งานใหญ่จัดการทั้งหมด ซึ่งงานนี้บอกเลยว่าเป็นงานใหญ่มากงานหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นการจัดงานที่รวมสื่อสายสมาร์ทโฟนและไอทีจากหลายประเทศในละแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเลย ไม่ว่าจะเป็นจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เวียตนาม เมียนมาร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมเหล่าดีลเลอร์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่าย Zenfone ในอินโดนีเซียมาด้วย เรียกว่าเปิดตัวมาพร้อมขายได้เลยอะไรประมาณนั้น สำหรับในไทยจะไม่มีงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการนะครับ รอขายทีเดียวช่วงเดือนพฤษภาคมเลย
ซึ่งในบทความนี้ผมก็จะมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศงานเปิดตัวครับ ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งถือเป็นตอนแรกของบทความงานเปิดตัว ASUS Zenfone 2 ละกันนะ
เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 20 เมษายนครับ ด้วยสายการบินไทยไปถึงจาการ์ต้าประมาณบ่ายโมงนิดๆ ดีที่เวลาของอินโดนีเซียตรงกับไทย เลยไม่ต้องปรับนาฬิกาหรือปรับตัวกันมากมาย ส่วนเรื่องของสภาพอากาศนี่ก็เป็นฤดูร้อนเหมือนบ้านเรานะ อากาศร้อนพอสมควร แต่ผมว่ามันร้อนคนละแบบกับเมืองไทย คือเหมือนแดดที่นู่นจะละมุนผิวกว่าไทยหน่อยนึง (ของไทยนี่แทบจะถึงขั้นเผาคนให้ละลายได้เลย)
หลังจากนั้นก็มีแจกป้ายชื่อครับ ซึ่งก็จะมีระบุไว้เลยว่าเป็นของใคร จากสื่อไหน รวมถึงมีรหัสระบุข้อมูลย่อยอื่นๆ มาด้วย เช่นว่ามาจากประเทศอะไร พักโรงแรมไหน นั่งโต๊ะไหนตอนวันงานจริง เป็นต้น เมื่อได้รับป้ายชื่อแล้วก็นั่งรถบัสเดินทางมายังโรงแรม Pullman ซึ่งใช้เป็นที่พักของสื่อไทย และใช้เป็นสถานที่จัดงานทั้งหมดด้วย (จุดนี้บอกเลยว่าสบายมากๆๆ เพราะสื่อจากบางประเทศได้ไปพักโรงแรมอื่น ทำให้เวลามีงานก็ต้องนั่งรถบัสเข้ามา Pullman พอเสร็จงานก็นั่งรถกลับไปอีก ส่วนของไทยนี่แทบจะเรียกว่าตื่นนอน อาบน้ำเสร็จ ก็ลงมาที่งานได้เลย) พอช่วงเย็นของวันแรกก็ยังไม่มีงานอะไรเท่าไหร่ครับ เป็นการจัดเลี้ยงต้อนรับสื่อ จากนั้นก็เป็นเวลาว่าง ใครอยากเดินเที่ยวแถวโรงแรมก็ตามสบาย แต่บอกเลยว่าไปได้ไม่ไกลมาก เพราะมันไม่มีรถไฟฟ้าให้บริการ ละแวกนั้นมีแต่รถเมล์ (ซึ่งต้องใช้บัตร) และรถแท็กซี่เท่านั้นเอง ยังดีที่ใกล้ๆ โรงแรมมีห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารต่างๆ พอสมควร เลยพอเดินเล่นได้นิดหน่อย
งานนี้ทาง ASUS ประเทศไทยก็ให้การบริการและดูแลสื่อได้เป็นอย่างดีเท่าที่บริบทจะเอื้ออำนวยครับ ก็พอมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะปัญหาที่เกิดเป็นประจำในอินโดนีเซียอยู่แล้ว เช่น การรอรถบัสที่ค่อนข้างนาน เพราะถนนที่อินโดรถติด (ปัญหาคล้ายๆ บ้านเราเลย) สำหรับส่วนตัวผมเองก็ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ครับ จากที่เคยจัดงานแบบนี้มาก่อนก็เลยพอเข้าใจได้อยู่ อีกอย่างงานนี้ก็เป็นงานแรกที่ทาง ASUS ประเทศไทยเป็นผู้จัดด้วย ก็น่าจะทำให้ได้รับประสบการณ์เพื่อนำไปปรับปรุงในการจัดงานในลำดับต่อๆ ไปนะครับ ^^
คราวนี้มาถึงวันงานจริง นั่นคือวันอังคารกันบ้าง ก่อนเข้างานก็ต้องมีการลงทะเบียนสื่อเข้างานกันก่อน โดยจะมีบูทของแต่ละประเทศเลย สำหรับการลงทะเบียนก็ไม่ยากครับ แค่สแกนบาร์โค้ดจากบัตรประจำตัวสื่อที่ทุกคนห้อยคอกันอยู่นี่ล่ะ ส่วนของอินโดนีเซียที่มีหลายช่องนั้นก็เพราะว่ามีผู้เข้าร่วมงานทั้งสื่อ ดีลเลอร์ และแขกผู้มีเกียรติค่อนข้างหลากหลาย เลยต้องมีหลายช่องซักหน่อย งานนี้บอกเลย คนเยอะมากกกกก
เริ่มมาถึง คุณ Jerry Shen ซีอีโอใหญ่ของ ASUS ก็ขึ้นมากล่าวทักทายและเปิดงานกันเลยครับ ก็เปิดด้วยความสำเร็จต่างๆ ของ ASUS ในรอบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฝั่งของ Zenfone ที่จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ ASUS ทำตลาดจริงจัง จากที่ก่อนหน้านี้ออกมาเป็นกลุ่มของ Transformer ทั้งหลายซะมากกว่า
ส่วนนี้ก็เป็นการเกริ่นถึงความสำเร็จ และยอดขายที่น่าประทับใจของ Zenfone รุ่นแรกในปีที่ผ่านมา ที่น่าตกใจคือยอดขาย Zenfone ที่พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของขายมือถือเครื่องเปล่า (ไม่ติดสัญญา) ในญี่ปุ่นได้ รวมถึงยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาขึ้นสูงถึง 1,500,000 เครื่องทั้งที่เพิ่งวางขายเป็นปีแรกเท่านั้นเอง (แถมยังไม่ได้วางขายแบบเป็นทางการทั่วโลกเลยด้วยซ้ำ) จุดนี้คุณ Jerry ซีอีโอก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านมาด้วยครับ มีพูดเป็นภาษาไทยด้วยนะ
ทีนี้มาเข้าเรื่องของ Zenfone 2 กันบ้าง หลักๆ แล้วก็จะเป็นการบรรยายถึงสเปคโดยรวมว่าเป็นอย่างไรบ้าง พัฒนาขึ้นจากรุ่นเก่า และดีกว่าคู่แข่งบางรุ่นอย่างไร เช่น
- ขอบเครื่องส่วนที่บางสุด บางเพียง 3.9 มิลลิเมตร
- อัตราส่วนของขนาดหน้าจอคิดเป็น 72% ของตัวเครื่อง ใหญ่กว่า iPhone 6 Plus ที่มีอัตราส่วนแค่ 68.3% เท่านั้น
- พูดถึงสเปคโดยรวม ซึ่งหลายๆ ท่านน่าจะพอทราบกันอยู่แล้ว เช่น การใช้ชิป Intel Atom รุ่นใหม่ล่าสุด แรม 4 GB (รุ่นท็อป) เป็นต้น
- การเชื่อมต่อก็จัดเต็มมากๆ สามารถใช้ LTE-A ได้ รองรับดาวเทียม GPS ถึง 5 รูปแบบ รองรับ WiFi 802.11AC ในตัวด้วย
- เทียบประสิทธิภาพของ CPU แล้ว เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดพอสมควร
- แรมที่ให้มาถึง 4 GB ทำให้แรมเหลือเฟือสำหรับการใช้งาน ต่างจากพวกมือถือแรม 2 GB ที่ครองตลาดอยู่ตอนนี้ มีพื้นที่เหลือเยอะกว่า ก็ทำงานได้มากกว่า เปิดแอพได้มากกว่า
สำหรับพวกเรื่องสเปคต่างๆ ก็ไปติดตามกันต่อที่หน้ารวมบทความ ASUS Zenfone 2 ของเรานะครับ
ทีนี้มาส่วนของกล้องถ่ายรูปกันบ้าง ในแง่ของฮาร์ดแวร์นั้น ASUS Zenfone 2 มาพร้อมกับกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ซึ่งจัดว่าอัพเกรดจาก Zenfone รุ่นแรกเยอะพอสมควรแล้ว แต่เอาเข้าจริง มันยังมีการปรับเปลี่ยนภายในอีกหลายส่วนทีเดียว อย่างตัวของเซ็นเซอร์รับภาพก็เปลี่ยนไปใช้ของ Toshiba แทน ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีคนสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเลือกใช้ Toshiba ไม่ใช้ของ Sony ที่หลายแบรนด์นิยมเลือกใช้กัน ส่วนนี้ก็มีการอธิบายสาเหตุอยู่ครับ นั่นคือเป็นเพราะว่าเซ็นเซอร์ของ Toshiba สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และได้คุณภาพที่ดีแทบจะไม่แตกต่างจาก Sony แล้ว ประกอบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ ASUS ใส่มาใน Zenfone 2 อีก เช่นชุดเลนส์ 5 ชิ้นใหม่ ฟิลเตอร์ Blue Glass ก็ทำให้ประสิทธิภาพและการใช้งานจริงออกมาได้ลงตัว (เผลอๆ ต้นทุนน่าจะน้อยกว่าด้วยนะ) ส่วนกล้องหน้านี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกัน เพราะได้ค่ารูรับแสงที่ f/2.0 เท่ากับกล้องหลัง แถมยังเก็บภาพได้มุมกว้าง 85 องศาอีกด้วย จัดว่าทำมาได้ใกล้เคียงหรือดีกว่ามือถือรุ่นท็อปในตลาดบางตัวซะอีก
ในแง่ของซอฟต์แวร์ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยี PixelMaster เวอร์ชัน 2.0 ขึ้นมาครับ แน่นอนว่าประสิทธิภาพมันต้องดีขึ้นแหละ แต่นอกเหนือจากประสิทธิภาพแล้ว ยังมีการเพิ่มโหมดถ่ายภาพเข้ามาหลายโหมด้วย เช่น
กล้องหลัง
- โหมด Super HDR ที่ช่วยให้เก็บภาพถ่ายย้อนแสง ช่วยเก็บไฮไลท์ต่างๆ ในภาพได้ดีกว่าเดิม
- โหมด Low-light ที่ได้ภาพความละเอียดสูงขึ้น (3 MP จากในรุ่นแรกที่ได้สูงสุดแค่ 2 MP)
- โหมด Super Resolution ที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพความละเอียด 52 ล้านพิกเซลได้ (ถ่ายภาพ 13 MP มา 4 ภาพ แล้วนำมาประมวลผลรวมกัน)
กล้องหน้า
- โหมด Low-light
- โหมด Beautification ที่ปรับแต่งได้มากกว่าเดิม สามารถปรับแต่งระหว่างพรีวิวก่อนถ่ายได้ด้วย
- โหมด Selfie แบบพาโนรามา ที่ทำให้เก็บภาพได้มุมกว้างขึ้น
ซึ่งก็มีภาพตัวอย่างสาธิตการใช้งานโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเหมือนกันครับ เช่นโหมด Super HDR ที่ช่วยให้สามารถเก็บไฮไลท์ส่วนที่มืดในภาพได้ดีขึ้น รวมถึงโหมดถ่ายภาพในที่มีแสงน้อย ซึ่งก็มีการเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือการเปิดตัวอุปกรณ์เสริมที่ออกมาพร้อมกับ Zenfone 2 ครับ ตามนี้เลย
Zenflash
เป็นแฟลชเสริมให้กับ Zenfone 2 ครับ ซึ่งให้ความสว่างได้สูงถึง 100 เท่าของหลอด LED ที่ใช้ในแฟลชปกติเลย เรียกได้ว่าช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานให้ได้ใกล้เคียงกับแฟลชของกล้อง DSLR เลยทีเดียว ตัวจริงน้ำหนักเบามาก วิธีใช้ก็คือเอามาเสียบกับช่อง Micro USB จากนั้นระบบจะเรียกใช้งานเองเลย
Lolliflash
อันที่แล้วเป็นแฟลชกล้องหลัง อันนี้เป็นแฟลชสำหรับช่วยถ่ายเซลฟี่ครับ โดยใช้วิธีการกดเปิดทิ้งไว้ (มีความสว่างให้เลือก 3 ระดับ) เพื่อช่วยเพิ่มแสงให้สามารถถ่ายได้สว่างขึ้น หน้าเนียนกว่าเดิม สามารถเสียบลงไปในช่องเสียบหูฟังเพื่อใช้งานร่วมกับกล้องหน้าได้ทันที มีแบตเตอรี่ในตัว นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นซิลิโคนปิดหน้า สำหรับใช้เป็นฟิลเตอร์ ไม่ว่าจะใส่สีเข้าไปเช่นสีน้ำเงิน สีชมพูก็ได้ หรือจะใส่เพื่อช่วยลดความสว่างลงก็ได้เช่นกัน ชิ้นนี้สาวๆ น่าจะชอบนะ
ในส่วนของกล้อง ก็มีการเชิญ Robert Jahns เจ้าของ IG สายอาร์ตชื่อดัง @nois7 มาพูดคุยกันด้วย ถึงความประทับใจในกล้อง Zenfone 2 ทั้งยังโชว์ภาพตัวอย่างที่เขาถ่ายที่ปารีสให้ชมอีกต่างหาก
อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ก็มีอีกครับ เช่นเคส View Flip ที่คราวนี้ได้รับการพัฒนาให้การแสดงผลตรงช่องวงกลมด้านหน้าทำได้ดีขึ้น รวมถึงมีการเปิดตัว ZenPower แบตเสริมความจุกว่า 10500 mAh ในขนาดที่เล็กเพียงแค่บัตรเครดิตเท่านั้น ทำให้ง่ายต่อการพกพา ส่วนในแง่ของการใช้งานจริงก็หายห่วงเลยครับ สามารถใช้ชาร์จ Zenfone 2 ได้สองรอบ แถมยังชาร์จเร็วด้วย เพราะมันจ่ายไฟได้สูงถึง 2.4A ในโหมด quick charging (2.0A ในแบบธรรมดา) และยังจะมีเคสซิลิโคนสำหรับ ZenPower ออกมาจำหน่ายอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้สามารถถือตัวเครื่องไป ชาร์จแบตด้วย ZenPower ไปพร้อมกันโดยไม่ต้องกลัวฝาหลังเป็นรอยแล้ว
สำหรับในเรื่องของฟีเจอร์ quick charging นั้น ASUS ก็ตั้งชื่อให้ว่าเป็น BoostMaster ที่สามารถชาร์จแบตได้ 60% ได้ภายในเวลา 39 นาที
สำหรับเรื่องราคา ก็มีการเปิดเผยเป็นราคาอินโดนีเซียมาครับ ตามนี้
- ราคาเคสฝาพับ View Flip Cover Deluxe: 159,000 Rp (ประมาณ 400 บาท)
- ราคาหูฟัง ZenEar S: 699,000 Rp (ประมาณ 1,750 บาท)
- ราคาหูฟัง ZenEar: 79,000 Rp (ประมาณ 200 บาท)
- ราคา ZenPower: 269,000 Rp (ประมาณ 670 บาท)
- ราคา Lolliflash: 119,000 Rp (ประมาณ 300 บาท)
- ราคา Zenflash: 239,000 Rp (ประมาณ 600 บาท)
ทั้งนี้ ราคาและการวางจำหน่ายในไทย คงต้องมารอดูกันอีกทีนะครับ
ส่วนนี้ก็เป็นการเปิดตัวราคา Zenfone 2 รุ่นต่างๆ 4 รุ่นย่อยในอินโดนีเซียครับ สำหรับราคาในไทย ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ก็น่าจะเป็นไปตามนี้ครับ
>> เคาะราคาแล้ว!! Asus Zenfone 2 ราคาขายที่ไทย ตัวท็อปจัดเต็มที่ 10,990 บาท <<
ปิดท้ายด้วยภาพหมู่ CEO และผู้บริหาร รวมถึงดีลเลอร์รายใหญ่ในอินโดนีเซียครับ งานนี้บอกเลย ต้องเลนส์ไวด์ เพราะคนเยอะจริงๆ
สำหรับช่วงเย็นของวันที่สอง ก็มีงานเลี้ยงกาล่าดินเนอร์กันครับ อาหารก็ตามสไตล์งานกาล่าล่ะนะ ใครไม่อิ่มก็ไปหาร้านทานต่อได้อยู่ เพราะโรงแรมอยู่ในละแวกเดียวกับห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารอยู่ละ
สำหรับวันที่สาม นั่นคือวันพุธก็เป็นวันเดินทางกลับแล้วครับ โดยเราต้องรีบออกจากโรงแรมตั้งแต่ 8:30 น. กันเลย เพราะกลัวปัญหาการจราจรของอินโดนีเซีย ที่รถมักจะติดเป็นประจำ แต่เหมือนจะโชคค่อนข้างดีพอสมควร เพราะถนนเส้นที่เราเดินทางไปสนามบิน จัดว่ารถไม่ติดเท่าไร พอขยับได้เรื่อยๆ เลยไปถึงสนามบินตั้งแต่เก้าโมงกว่า ส่วนไฟลท์บินกลับก็เป็นราวๆ เที่ยงครับ ถึงไทยโดยสวัสดิภาพประมาณบ่ายสามครึ่ง พอมาถึงก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนเลย ว่าไทยร้อนกว่าอินโดซะอีก T T
สำหรับในทริปงานเปิดตัว Zenfone 2 ครั้งนี้ ก็ต้องขอขอบคุณทาง ASUS ประเทศไทยด้วยนะครับ ที่ชวนทาง SpecPhone ไป แล้วยังอำนวยความสะดวกให้ต่างๆ นานาอีก ก็หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกในโอกาสถัดๆ ไปนะครับ ขอบคุณครับ ^^