ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ Apple ทำการพัฒนา FaceID เพิ่มซึ่งคาดว่าจะเอามาใช้บน iPhone 13 ด้วย โดยการพัฒนานี้จะเพิ่มความสามารถให้ FaceID สามารถสแกนใบหน้าได้ถึงแม้จะใส่หน้ากากอยู่ ซึ่งถ้าทำได้จริงจะช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องมาคอยกรอกรหัสหรือไม่จำเป็นต้องซื้อ Apple Watch เพิ่มเลย
จากข้อมูลที่ได้มานั้น Apple ได้ทำเคสสำหรับทดสอบขึ้นมาใส่ให้ iPhone 12 เพื่อใช้งานการทดสอบ FaceID รุ่นใหม่ ซึ่งการที่ต้องสร้างเคสพิเศษนี้ขึ้นมานั้นก็เพราะถ้าทำแบบนี้ก็จะสามารถเปลี่ยนการใช้งาน FaceID ดั้งเดิมที่อยู่ใน iPhone 12 ให้มาใช้ FaceID ตัวใหม่ที่ติดอยู่กับเคสได้ ซึ่งจากที่ในข่าวว่าไว้นั้นได้มีการบอกเอาไว้ด้วยว่า FaceID ตัวใหม่นี้มีขนาดเท่ากับที่อยู่ในไฟล์ CAD ของ iPhone 13 ที่ปล่อยออกมาเมื่อเดือนมิถุนายนเลย
จากภาพที่ถูกปล่อยออกมานั้นจะเห็นได้ว่าการวางตำแหน่งกล้องรวมถึงขนาดติ่งมีการเปลี่ยนแปลง โยดที่ขนาดติ่งลดลงไปจากที่อยู่ใน iPhone 12 อีกทั้งยังย้ายกล้องจากด้านขวามาอยุ่ทางซ้ายแทน นี่ทำให้สามารถบอกได้ว่าน่าจะเป็นต้นแบบติ่งแบบใหม่ของ iPhone ด้วยด้วยการที่เป็นตัวทดลองทำให้ไม่สามารถเอามาให้เห็นจริงๆ ได้ และเพื่อการนั้นฝั่งต้นทางเลยได้ทำภาพตัวอย่างที่เป็นไฟล์ CAD ออกมาให้เราดูแทน
ซึ่งในการทดลอง Apple ได้ให้พนักงานทำการสวมหน้ากากและแว่นตาแล้วค่อยไปทดสอบ FaceID ตัวใหม่ ซึ่งทำการสอบสอบในขณะที่ใส่หรือถอดหน้ากาก และสวมหรือถอดแว่นขณะใส่หน้ากาก ทั้งยังคอยเปลี่ยนสถานที่ทดสอบ, ดีไซน์หน้ากาก และด๊ไซน์แว่นเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งผลที่ได้นั้นคือ FaceID สามารถทำการปลดล็อคได้ทั้งหมด ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Apple Watch แล้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังได้ทำการทดสอบในสถานการณ์ที่แว่นขึ้นฝ้าด้วย เนื่องจากเวลาใส่หน้ากาก หลายๆ ครั้งแว่นมักจะขึ้นฝ้าทำให้ FaceID ไม่สามารถตรวจจับใบหน้าได้ ถ้าการทดสอบนี้เป็นไปได้ด้วยดีก็จะช่วยให้ชาวแว่นทั้งหลายสามารถใช้ iPhone ได้สะดวกมายิ่งขึ้นไปอีก
ที่มา : frontpagetech