แม้ว่าที่ผ่านมา กระแสของ Apple จะดูตกไปบ้าง โดยเฉพาะช่วงยุคหลัง Steve Jobs ที่หลายคนฟันธงเลยว่าจะเริ่มเข้าสู่จุดตกต่ำของ Apple นอกจากนี้เมื่อมีรายงานยอดขาย iPhone ช่วงไตรมาสที่ผ่านมาปรากฏสู่สายตาสาธารณะชน ก็เห็นแนวโน้มว่ามีคนซื้อ iPhone น้อยลง ทำให้หลายฝ่ายตีความกันไปอีกว่า Apple ถึงขาลงแล้ว (ทั้งๆ ที่มันเป็นช่วงปกติอยู่ ที่คนจะรอ iPhone ตัวใหม่ออกช่วงปลายปี)
แต่ล่าสุดดูเหมือนจะกลับกันเป็นตรงข้ามกับที่หลายฝ่ายคาดเดากัน เมื่อปิดตลาดหุ้นแล้วผลออกมาคือ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโลก (เมื่อนับจากตัวเงินเพียวๆ) ตั้งแต่ที่ Microsoft เคยทำได้ในปี 1999 โดยปิดตลาดด้วยมูลค่าทางการตลาดที่สูงถึง 618,940 ล้าน USD ?(ล่าสุดพุ่งขึ้นไปที่ 623,500 ล้าน USD แล้ว) จากสถิติที่ Microsoft เคยทำไว้เมื่อ 30 ธันวาคม 1999 ด้วยมูลค่าทางการตลาดราว 618,890 ล้าน USD ทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดของโลก แต่….
แต่ถ้านำเรื่องของมูลค่าเงินที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลามาคำนวณด้วย จะพบว่าบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดสูงสุดนั้นยังไม่ใช่ Apple ในปัจจุบันครับ หากแต่เป็น IBM ในปี 1967 ที่จะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องด้วยมูลค่าตัวเงินที่ $1 ในสมัยนั้นเทียบได้เท่ากับ $6.85 ในสมัยนี้ ซึ่ง IBM ในยุคนั้นมีมูลค่าการตลาดอยู่ที่ 192,300 ล้าน USD โดยเมื่อคูณกับค่าเงินในปัจจุบันแล้วจะพบว่า IBM มีมูลค่ากับตลาดเทียบกับในสมัยนี้ได้เท่ากับ 1.3 ล้านล้าน USD เลยทีเดียว เรียกได้ว่าทิ้งห่าง Apple ไปไกลมากโขอยู่
แต่ทั้งนี้ ทาง New York Times ก็คำนวณว่า ถ้าหา Apple สามารถรักษาการเติบโตด้านมูลค่าทางการตลาดต่อไปได้เรื่อยๆ มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2020 บริษัท Apple จะมีมูลค่าทางการตลาดรวมกว่า 3 ล้านล้าน USD ซึ่งมากกว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ?(GDP) ของประเทศฝรั่งเศสหรือบราซิลเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นสรุปได้ว่า IBM ยังคงครองความเป็นเจ้าของสถิติบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดสูงที่สุดของโลกอยู่(เมื่อเทียบด้วยค่าเงินที่เท่ากัน) แต่ตัว Apple ถ้ายังโตต่อไปเรื่อยๆ รับรองว่าทำลายสถิติของ IBM ได้ไม่ยากแน่นอน
ที่มา : Tech Crunch, Mac rumors