ถ้าพูดถึงแอปฯแปลภาษา คงไม่มีใครไม่นึกถึง Google Translate ที่มีทั้งในแอปพลิเคชัน และบนบราวเซอร์เป็นหลัก ถึงแม้จะมีโปรแกรม หรือเครื่องแปลภาษาที่มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่เราก็ยังต้องการความรวดเร็วและความเสถียรในการแปลภาษาอยู่ดี
ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่าความเป็นมาคร่าวๆของแอปฯแปลภาษาของ Google ตัวนี้กัน ว่ากว่าจะมาถึงในรูปแบบปัจจุบันนี้ มันผ่านอะไรมาบ้าง
ประวัติ Google Translate
Google Translate ถือว่าเป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้ความสะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2006 ซึ่งในตอนนั้น Google ยังใช้การแปลภาษาแบบทีละคำแล้วนำมาต่อกัน โดยใช้ AI ที่ชื่อว่า Statistical Machine Translation (SMT) ซึ่งสามารถแปลได้จริง แต่ไม่สามารถเรียงประโยคได้อย่างถูกต้อง
มาถึงในปี 2010 Google เริ่มสร้างแอปฯลงใน Android และ iOS รวมไปถึงการปล่อยลงบราวเซอร์ให้คนได้เข้าไปค้นหาและแปลกันได้ไวยิ่งขึ้น
ปี 2014 Google ได้ใช้ Word Lens เข้ามาช่วยในการแปลภาษาโดยใช้เสียงที่พูดเข้าไปแล้วแปลออกมา และภาพที่ถ่ายแล้วสามารถแปลออกมาได้เลย แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่ได้เสถียรและรองรับภาษาได้มากนัก
จนกระทั่งปี 2016 Google ได้พัฒนา AI ขึ้นมา 1 ตัว ชื่อว่า Neural Machine Translation (NMT) ที่จะช่วยเก็บข้อมูล โดยให้มนุษย์อย่างเราเข้าไปสอนแทน โดย AI อันนี้จะคอยจดจำจากการแปลของเราที่คอยป้อนเข้าไปเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แล้วจดจำเพื่อนำมาแปลภาษาเป็นประโยค แทนที่จะแปลเป็นทีละคำแบบเมื่อก่อน ผลที่ได้คือจะทำให้การแปลนั้นลื่นและดู เป็นธรรมชาติมากขึ้น จนมาถึงปัจจุบันนี้ที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ และในปี 2020 ก็ได้เพิ่มภาษามาอีก 5 ภาษา และก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่อัพเดทขึ้นมาให้เราได้ใช้กัน เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Google แปลภาษา
แอปฯ แปลภาษาของ Google นั้น ถึงแม้ว่าจะเอาไว้แปลภาษา แต่ก็สามารถทำงานอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพูด การพิมพ์ การแปลบทความ ไปจนถึงแปลทั้งหน้ากระดาษเลยก็ยังได้ จึงไม่แปลกที่แอปฯ นี้จะมีคนใช้งานกันอย่างล้นหลาม โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ จะมีอยู่ดังนี้
- การแปลคำ : แปลจากภาษาหนึ่ง เป็นอีกภาษาเป็นคำๆ
- การแปลประโยค : สามารถแปลประโยค และจัดเรียงได้เกือบจะเทียบเท่า ภาษาที่ถูกต้องจริงๆ
- การแปลเว็บ : สามารถกดแปลได้ทั้งหน้าเว็บ ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม (ขึ้นอยู่กับภาษาที่มีด้วย)
- การแปลเอกสาร : สามารถแปลเอกสารได้ทั้งหน้า โดยการใส่ไฟล์เข้าไป และ Google จะแปลออกมาเป็นประโยคได้ทั้งหน้าเลย รองรับไฟล์ .doc, .docx, .odf, .pdf, .ppt, .pptx, .ps, .rtf, .txt, .xls, .xlsx
- การแปลด้วยเสียง : สามารถพูด และแปลออกมาได้ทันทีที่พูดออกไป (แปลได้เฉพาะภาษาที่รองรับ ภายในแอปฯ เท่านั้น)
- การแปลจากเทปเสียง : สามารถถอดเทปเสียง เพื่อแปลได้โดยการใช้ฟีเจอร์ Transcribe
- การแปลภาษาจากภาพ : สามารถแปลภาษาจากภาพได้ ด้วยการใช้แอปฯ Google Lens โดยการใช้งาน เพียงแค่ยกมือถือและเปิดกล้องไปยังข้อความ Google ก็จะแปลออกมาได้ทันที
- การแปลด้วยลายมือ : สามารถแปลภาษาได้ โดยการเขียนข้อความลงบนหน้าจอมือถือ Google จะจับข้อความและแปลออกมาได้ทันที
- การแปลภาษาแบบออฟไลน์ : สามารถแปลภาษาได้ โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต
แปลภาษาทั้งหน้าเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมของ Google ฟรี
หลังจากที่ Google ได้เปิดตัว Google Translate Website Translator ให้แปลภาษาได้ทั้งหน้าเว็บไซต์กันมาแล้ว เพียงแค่คัดลอก URL มาแปะลงไปก็สามารถแปลได้เลย แต่สุดท้ายก็ได้ปิดหน้าแปลนี้ลงไป จนมาถึงในปีนี้ ที่มีสถานการณ์ Covid-19 เกิดขึ้น Google จึงได้เปิดให้แปลได้อีกครั้งแบบฟรีๆ โดยสามารถแปลได้มากถึง 100 กว่าภาษา แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกกรณี
ซึ่งการใช้งานก็จะมีขั้นตอนนิดหน่อย โดยเราต้องไปกรอกข้อมูลเล็กน้อย เพื่อบอกว่าเราแปลเพื่ออะไร ไม่ได้ใช้ในเชิงพาณิชย์ใช่หรือไม่ ส่วนใหญ่จะให้ใช้ในทางการศึกษาและรัฐบาลที่ไม่หวังผลกำไร สามารถกดเข้าไปกรอกเอกสารได้ตามลิงก์นี้เลย กดที่นี่ และถ้าเกี่ยวกับเรื่อง Covid-19 ก็จะยิ่งทำให้สามารถแปลได้ง่ายขึ้น ส่วนใครที่อยากใช้งานแปลหน้าเว็บฯ ในทุกกรณีก็สามารถทำได้ด้วยการเข้าไปตามนี้เลย กดที่นี่ (แต่ถ้าใช้ในเชิงพาณิชย์เสียเงินนะ)
Google Translate ฟีเจอร์ถอดเทปจากเสียงพูด
ฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่ให้เราแปลภาษาจากเทปเสียงได้เลย ชื่อว่า Transcribe ซึ่งฟีเจอร์นี้ทำให้เรากด และสามารถพูดเพื่อแปลภาษาได้เลย แบบเรียลไทม์ โดยวิธีการใช้งานนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงแค่กดปุ่มค้างเอาไว้ แล้วเราจะสามารถพูดยาวแค่ไหนก็ได้ Google ก็จะแปลออกมาตามที่เราพูดไป
การแปลภาษาของฟีเจอร์นี้ค่อนข้างใช้ได้เลย แปลได้แม่นยำและเป็นประโยคเรียงมาให้เลย โดยเราไม่จำเป็นต้องมาเรียงคำเอง หรือพูดทีละคำอีก ฟีเจอร์นี้เปิดตัวมาและรองรับเพียง 8 ภาษาในตอนนี้คือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฮินดี, โปรตุเกส, รัสเซีย, สเปน, และไทย แต่ตอนนี้มีให้บริการแค่ใน Android ใน iOS ยังไม่มีออกมาให้ใช้
Dark Mode บนแอปฯ ในเวอร์ชัน 6.5
ในช่วงนี้ที่กระแส Dark Mode มาแรง หลังจากที่ Facebook ก็ได้มีเวอร์ชัน Dark Mode กันไปแล้ว หลายๆแอปพลิเคชันก็ได้ให้ความสนใจกับ หน้าจอที่เป็นสีดำกันมากขึ้น นอกจากจะได้ความสวยงามแล้ว ระหว่างการใช้งาน ก็ทำให้เราสามารถประหยัดแบตฯ ได้อีกด้วย
ล่าสุดทางฝั่ง Google ก็ได้เผยออกมาว่าในเวอร์ชัน 6.5 ของแอปฯช่วยแปลภาษา ก็ได้เปลี่ยนเป็น Dark Mode บ้างแล้ว ซึ่งปล่อยออกมา ทั้ง iOS และ Android แล้ว และทำออกมาได้สวยงามดูดีมากๆ ใครที่ชอบสีมืดๆ แต่สวยงามแบบนี้ก็ต้องรอกันอีกนิด รับรองว่าได้ใช้ชัวร์ๆ
เข้าเว็บไซต์ผ่าน Google แปลภาษา
นอกจากการแปลภาษาได้ปกติแล้ว Google แปลภาษานั้น ยังสามารถเข้าเว็บในนั้นได้ด้วย ตั้งแต่เว็บปกติ ไปจนถึงเว็บที่โดนปิดกั้น ก็สามารถเข้าได้หมด โดยวิธีการใช้งาน เพื่อวาร์ปไปยังเว็บที่อยากดู ให้เข้าไปยังหน้าเว็บของ Google แปลภาษา translate.google จากนั้นให้พิมพ์ลิงก์ URL เว็บที่ต้องการเข้าไป (ตัวอย่างเช่น www.specphone.com) เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว จะมีไอคอนรูปเว็บขึ้นมาให้กด ตรงด้านมุมขวาบนของคำแปลฝั่งขวา ของกล่องข้อความ Google แปลภาษา ก็กดเข้าไปได้เลย
หากเข้าหน้าเว็บไปแล้วไม่ขึ้นหน้าเว็บแบบปกติ ให้เรากดเลือก View แล้วเลือก “Original” ตรงด้านขวาบนของหน้าเว็บ
สามารถแปล Transcribe ได้แบบ Real Time
อันนี้เป็นการอัพเดทใหม่ของ Google Translate เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยการอัพเดทนี้ จะเป็นการช่วยให้สามารถแปล Transcribe ได้อย่างทันทีเลยโดยอัตโนมัติ แถมยังแปลได้เกือบในทันทีด้วย นั่นก็คือ เวลาที่เราต้องการถอด Transcribe เสียงบนแอปฯ Google Translate จะสามารถทำได้ในทันทีเลย ไม่ต้องเสียเวลารอเหมือนแต่ก่อนแล้ว แถมเมื่อถอดเสียงเรียบร้อยแล้ว ยังสามารถเก็บคำแปลนั้นได้ด้วย โดยการกดรูปดาว ที่มุมขวาบนของแอปฯ ก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ ที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องแปลคำยาวๆ จากที่อัดมาเป็น Transcribe ได้ดีเลย
เก็บคำแปลทั้งหมด ด้วยการถ่ายภาพ ผ่าน Google Lens
นอกจากจะมีแอปฯ แปลภาษาของ Google แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งแอปฯ ที่สามารถแปลภาษาด้วยเช่นกัน แต่ทำแยกออกมา เนื่องจากเอาไว้แปลโดยการถ่ายภาพเท่านั้น จึงมีแอปฯ Google Lens เปิดตัวขึ้นมา และให้ใช้งานได้ทั้งระบบ Android และ iOS ที่มีทั้งฟีเจอร์ให้ถ่ายรูป แล้วแปลออกมาเป็นข้อความ จากนั้นจะ Copy ไปทั้งประโยค หรือบางส่วนก็ได้ หรือจะคัดลอกเพื่อลิงก์เข้ากับคอมฯ ที่ใช้ Account เดียวกันก็ยังได้ สะดวกมากๆ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ออกมาแล้ว และกำลังจะออกมาให้ใช้งานกัน แอปฯแปลภาษาของ Google นั้น ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการใช้งานง่ายและ ค่อนข้างสะดวก รวมไปถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้สามารถแปลได้อย่างถูกต้อง และเป็นรูปประโยคมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ก็อาจจะยังไม่ได้รูปประโยคที่เป๊ะนัก ยังต้องพัฒนากันต่อไป แต่ในตอนนี้แอปฯ ตัวนี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างทั่วโลก ก็ต้องดูกันต่อไปว่า Google จะทำอะไรออกมาให้เราได้ลองเล่นกันอีกบ้าง ถ้ามีอะไรใหม่ๆ specphone ก็จะมาคอยอัพเดทให้รู้กันนะครับ