เวลาเราต้องการฟังเพลงจากมือถือแบบต้องการให้ได้ยินกันหลายๆ คน แน่นอนว่าคงต้องเปิดผ่านลำโพงในตัวเครื่อง ซึ่งคุณภาพเสียงก็คงจะไม่ถึงใจนัก เนื่องด้วยลำโพงที่มีขนาดเล็กเกินไปของมือถือ แถมยังทำให้แบตมือถือหมดเร็วด้วย ทำให้ในช่วงหลังเรามักได้เห็นลำโพงขนาดพกพาสะดวกออกมาเป็นตัวเลือกให้เราเลือกซื้อมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งแบบมีสายและไร้สาย อย่างในคราวนี้เราก็มีลำโพงพกพาอีกหนึ่งตัวมาให้ได้ชมกันครับ นั่นคือ Jawbone MINI JAMBOX ลำโพงบลูทูธรุ่นเล็กที่ออกแบบมาให้พกพาสะดวกยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ (รีวิว Jawbone JAMBOX และ BIG JAMBOX) เอาเป็นว่าเรามาชมรีวิว Jawbone MINI JAMBOX กันครับว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
กล่องบรรจุของ Jawbone MINI JAMBOX เป็นกล่องกระดาษแข็งหน้าตาโอเคเลยครับ ขนาดพกพาสะดวก ส่วนสเปคคร่าวๆ ของ?Jawbone MINI JAMBOX มีดังนี้
- ลำโพงเบสแบบ Passive Radiator 1 ตัว
- วัสดุภายนอกเป็นอะลูมิเนียม
- บอดี้ยาว 6 นิ้ว ขนาดกำลังพกพาสะดวก
- แบตเตอรี่ Li-ion สามารถใช้งานติดต่อกันได้นาน 10 ชั่วโมง
- น้ำหนัก 255 กรัม
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 4.0 LE ได้ไกลสุด 10 เมตร หรือจะใช้ช่องเสียบแจ็ค 3.5 มิลลิเมตรก็ได้ สามารถเชื่อมต่อสองอุปกรณ์ได้พร้อมกัน
- ชาร์จไฟผ่านช่อง Micro USB
- มีแอพสำหรับใช้จัดการไฟล์เพลง และปรับแต่งการทำงานได้ด้วย
- ในไทยจะมีให้เลือก 5 สีคือสีดำ, เงิน, แดง, ม่วงและน้ำเงิน
- ราคา 7,490 บาท
เปิดกล่องออกมาก็จะพบกับ?Jawbone MINI JAMBOX วางอยู่ตรงกลางกล่องพอดีๆ ครับ โดยตัวที่ได้มารีวิวคือสีเงิน ดูหรูหราใช้ได้เลย
อุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่องก็จะมีเอกสารคู่มือแนะนำการใช้งาน, สาย Micro USB และสาย Mini 3.5 to Mini 3.5 สำหรับเชื่อมต่อระหว่างลำโพง?Jawbone MINI JAMBOX กับมือถือหรือเครื่องเล่นเพลงของเรา
หน้าตาของ?Jawbone MINI JAMBOX มาในทรงเรียบๆ เหลี่ยมๆ ด้านหน้าเจาะเป็นช่องเพื่อให้เสียงออกมาจากลำโพง โดยช่องเหล่านี้ก็จะมีหลากหลายรูปแบบอีกด้วย วัสดุภายนอกทั้งหมดเป็นอะลูมิเนียมเนื้อเรียบ ให้ความแข็งแกร่งดีมากๆ ผิวสัมผัสก็เนียนมือครับ แต่ตรงมุมจะค่อนข้างแหลมพอสมควร คงต้องระวังเวลาจับถือกันบ้าง
จากภาพด้านบน จะเห็นว่ารูปแบบของช่องลำโพงนั้นมีให้เลือกหลายรูปแบบทีเดียวครับ ถ้าเป็นในสหรัฐฯ Jawbone เองจะมีจุดเด่นในเรื่องที่ผู้ใช้สามารถออกแบบ ปรับแต่งและผสมสีสัน ลวดลายได้ตามที่ต้องการ แต่ก็ต้องมาลุ้นกันว่าในไทยจะมีแบบไหนมาให้เลือกบ้าง เพราะในไทยเราจะเป็นการนำเข้ามาจากทางตัวแทนจำหน่ายอีกที ไม่ได้มีโรงงานผลิตแบบ customize ครับ
บนเว็บไซต์ของ Jawbone ก็จะมีหน้าตา?Jawbone MINI JAMBOX แบบผ่าให้ดูหน้าตาภายในให้ได้ชมกันด้วยครับ โดยลำโพงตัวริมทั้งสองข้างก็คือชุดที่ให้เสียงย่านกลางและสูงตามปกติ ส่วนตรงกลางคือลำโพงเบสโดยเฉพาะ ดังนั้นรับรองได้ว่าผู้ใช้งาน?Jawbone MINI JAMBOX จะได้เสียงเต็มอิ่ม ครบทั้งสามย่านเสียงหลักๆ แน่นอน
หงายมาดูด้านหลัง ก็จะเห็นการทำลวดลายเหมือนกับด้านหน้าเลย เพียงแต่แค่ไม่มีการเจาะช่องลำโพงเท่านั้นเอง
ที่ฐานของลำโพง?Jawbone MINI JAMBOX จะมีแป้นยางรองอยู่ที่มุมเพื่อกันลื่นเวลาวางกับพื้น ซึ่งจากที่ลองใช้งานระหว่างรีวิว?Jawbone MINI JAMBOX ก็พบว่ามันช่วยในการยึดเกาะได้ดีทีเดียว
ด้านบนของ?Jawbone MINI JAMBOX จะมีปุ่มสั่งงานด้วยกัน 3 ปุ่มได้แก่ Play/Pasue ซึ่งทำหน้าที่ในการบอกสถานะแบตเตอรี่ของตัวลำโพงที่เหลืออยู่ได้ รวมถึงยังใช้สั่งเปิดเพื่อคุยโทรศัพท์ผ่านทางลำโพง?Jawbone MINI JAMBOX ได้เลย (ต้องเชื่อมต่อกับมือถือผ่านทาง Bluetooth อยู่ด้วย) ถัดมาก็เป็นปุ่มลดและปุ่มเพิ่มเสียงตามลำดับ ตัวปุ่มกดสามารถกดได้ง่าย ไม่ต้องกดลึกมากนัก
ฝั่งขวาของ?Jawbone MINI JAMBOX (หันด้านหน้าเข้าหาตัว) จะเป็นแถบพลาสติกที่มีพอร์ตเชื่อมต่อและปุ่มสำคัญๆ อยู่ ดังนี้
- ปุ่มเปิด/ปิด ถ้าเปิดใช้งานอยู่จะมีไฟสีขาวล้อมรอบปุ่ม
- ปุ่มจับคู่ระหว่างลำโพงกับมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งานร่วมกับ?Jawbone MINI JAMBOX
- ช่องรับเสียงของไมโครโฟนในตัว
- ช่อง Micro USB สำหรับชาร์จไฟ
- ช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ลำโพง?Jawbone MINI JAMBOX สามารถจับคู่ผ่านทาง Bluetooth ร่วมกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ รวมถึงเครื่องเล่น MP3 ที่มี Bluetooth ในตัวได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่มเปิดลำโพงก่อน จากนั้นก็กดปุ่มจับคู่ (ปุ่มที่สอง) เรียบร้อยแล้วก็เปิดใช้งาน Bluetooth บนมือถือหรืออุปกรณ์ที่ต้องการ แล้วก็จัดการจับคู่เข้ากับลำโพง ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
โดยบน iOS จะมีตัวเลือกขึ้นมาบนแถบ Control Center ด้วยว่าจะให้เสียงออกจากลำโพงตัวเครื่อง หรือออกจากลำโพง?Jawbone MINI JAMBOX ที่เพิ่งจับคู่กันไป
ตัวแอพ Jawbone มาพร้อมกับความสามารถในการปรับแต่งการทำงานของ?Jawbone MINI JAMBOX ได้ด้วย เช่นการปรับหน้าที่ของปุ่ม Play ตามที่มีมาให้เลือกในแอพ
นอกจากจะจะใช้เป็นลำโพงแล้ว Jawbone MINI JAMBOX ก็ยังมีแอพพลิเคชัน Jawbone มาให้ใช้งานกันทั้งบน iOS และ Android ด้วย แต่สำหรับบน iOS จะค่อนข้างมีอะไรให้เล่นมากกว่าบน Android พอสมควรทีเดียว เพราะจะมีฟีเจอร์เสริมเข้ามาในส่วนของการเล่นเพลงและการปรับแต่งการทำงานด้วย โดยในด้านของเพลง ผู้ใช้สามารถสร้าง playlist รายการเพลงได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะจากเพลงในเครื่อง หรือเพลงจากบริการสตรีมมิ่งเพลงต่างๆ เช่น Spotify, Rdio หรือ Deezer ซึ่งในบ้านเราคงเหมาะกับการสร้าง playlist จากเพลงในเครื่องเสียมากกว่า
โดยตัวแอพ Jawbone เองสามารถใช้เป็นแอพเล่นเพลงได้เช่นเดียวกับแอพ Music ของ iOS เลยครับ แถมมีฟีเจอร์ LiveAudio เพิ่มเข้ามาให้ใช้งานด้วย ซึ่ง LiveAudio จะช่วยให้เสียงดูมีมิติมากยิ่งขึ้น เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงได้ดีทีเดียว ทั้งเรื่องของพลังเสียงและการจำลองทิศทางเสียงที่ทำให้รู้สึกใกล้เคียงกับการได้รับฟังดนตรีสดๆ หรืออยู่ในสถานการณ์จริงของภาพยนตร์เลยทีเดียว ซึ่งเท่าที่ลองใช้งาน ก็จัดว่าช่วยเพิ่มความสนุกในการฟังขึ้นมาได้พอสมควรครับ เนื่องจากตัวลำโพงมีขนาดเล็ก เน้นในด้านพกพามากกว่า พลังเสียงจึงไม่เต็มเท่ากับลำโพงรุ่นใหญ่
ผู้ใช้งานสามารถสร้าง playlist ได้เองตามที่ต้องการจากเพลงที่มีอยู่ในเครื่องเลย?
ด้านของพลังเสียง?Jawbone MINI JAMBOX นับว่าโอเคเลยครับ ให้เสียงครบทั้งโทนสูง กลาง ต่ำ ใช้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้สบายๆ เสียงที่ออกมามีคุณภาพดีกว่าลำโพงมือถือแน่นอน เผลอๆ จะดีกว่าลำโพงโน้ตบุ๊คหลายรุ่นซะด้วยซ้ำไป ระยะเวลาการใช้งาน ถ้าใช้แบบเรื่อยๆ เปิดเพลงบ้าง ปิดบ้างก็ใช้งานได้เป็นวันอยู่นะ ตัวผมเองก็ยังไม่เคยลองใช้งานติดต่อกันยาวๆ เท่าไรนัก โดยรวมแล้วน่าพอใจทีเดียวครับ จะมีก็แต่เรื่องแรงสั่นที่บางครั้งค่อนข้างแรงหน่อย โดยเฉพาะตอนที่ปล่อยเสียงเบสออกมาหนักๆ ถึงขั้นทำให้โต๊ะสั่นได้เล็กน้อยอยู่เหมือนกัน
ก็หอมปากหอมคอไปแล้วนะครับสำหรับรีวิว?Jawbone MINI JAMBOX ลำโพงบลูทูธรุ่นเล็ก พลังเสียงไม่ธรรมดาตัวนี้ สำหรับใครที่สนใจก็เตรียมพบกันได้ตามหน้าร้านขายมือถือและอุปกรณ์เสริมมือถือชั้นนำ เช่น .life, iStudio, iBeat, Jaymart, Power Buy และร้านมั่นคงแก็ตเจ็ตด้วย รวมถึงในงาน Thailand Mobile Expo 2014 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์นี้ด้วย สนนราคาที่ 7,490 บาทจ้า