ในปีนี้ ข่าวลือที่หนาหูที่สุดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็คือเรื่องของ iPhone ราคาประหยัด โดยเท่าที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวออกมาว่าตัวเครื่องน่าจะใช้บอดี้ภายนอกเป็นพลาสติกเพื่อลดต้นทุน แต่การใช้งานโดยรวมนั้นจะต่างจาก iPhone ปกติไม่มากนัก ส่วนเรื่องราคาก็คาดการณ์กันหลายช่วง ตั้งแต่ช่วงประมาณ? 4,000 – 6,000 บาท ไปจนถึงช่วงหมื่นต้นๆ
เรื่องนี้ทาง JP Morgan สำนักวิเคราะห์ด้านการลงทุนชื่อดังได้เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ของตนว่า ถ้า iPhone ราคาประหยัดจะออกมาสู่ตลาดจริงๆ ราคานั้นน่าจะอยู่ในช่วง $350 – $400 (10,000 – 12,000 บาท) เพื่อเป็นการอุดช่องโหว่ราคาของสมาร์ทโฟนในตลาด ดังกราฟด้านล่าง
ซึ่งจากกราฟ ชี้ให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนกลุ่มช่วงราคาระดับกลางๆ คือช่วงหมื่นต้นๆ จนถึงหมื่นกลางๆ เป็นกลุ่มที่มียอดขายน้อยที่สุด ส่วนกลุ่มมือถือที่มียอดจำหน่ายสูงสุดนั้นเป็นกลุ่มเครื่องราคาตั้งแต่ 3,000 กว่าบาทขึ้นไปถึงเกือบหนึ่งหมื่นบาท และอีกช่วงก็คือช่วงราคารุ่นท็อปคือราวๆ 21,000 บาทขึ้นไปเลย ซึ่งทาง JP Morgan ให้ความเห็นเชิงคาดการณ์ว่า ถ้า Apple ตั้งใจจะลงมาเล่นตลาดมือถือรุ่นล่าง (กว่า iPhone) จริง ก็น่าจะเปิดราคามาในช่วงหมื่นต้นๆ โดยถ้า iPhone ราคาประหยัดออกมาในช่วงราคานี้จริง คาดว่าในอีก 1 ปี Apple จะกินส่วนแบ่งในตลาดนี้ไป 20-25% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับ Samsung ที่ในปัจจุบันครองส่วนแบ่งในตลาดนี้อยู่ราวๆ 35% ด้วยกัน (และถ้าผ่านไป 1 ปี ยอดส่วนแบ่งก็อาจจะลดลงอีก)
ในด้านกลยุทธ์การวางราคาของ Apple นั้น JP Morgan ได้ให้ความเห็นเพิ่มน้ำหนักให้ข้อสันนิษฐานของตนด้วยการยกการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ของ Apple ในอดีต ได้แก่
iPad mini ที่ตั้งราคาเริ่มต้นสูงถึง $329 (ในไทยคือ 11,200 บาท) ซึ่งในช่วงแรกก็มีข้อสงสัยว่าจะขายได้หรือไม่ เพราะแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วรุ่นอื่นในตลาด เช่น Nexus 7 และ Kindle Fire มีราคาที่ถูกกว่ามาก แต่สุดท้ายแล้วยอดขาย iPad mini ก็ออกมาดีเกินคาด แถมยังช่วยอุดช่องว่างราคา Apple เองได้ดี ประกอบกับตัว iPad mini เองก็เป็นแท็บเล็ตรุ่นเล็กที่มีคุณภาพโดยรวมเหนือกว่าหลายๆ รุ่นในตลาด อย่างที่ Phil Schiller ยืนยันว่า iPad mini นั้นเหนือกว่าแท็บเล็ต 7 นิ้วในตลาดรุ่นอื่นๆ
iPod nano ย้อนไปช่วงแรกที่เปิดตัว iPod nano ก็เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกัน เพราะ Apple ตั้งราคา iPod nano สูงถึง $199 (ราวๆ 6,000 บาท) ในขณะที่ iPod รุ่นปกติซึ่งมีฟีเจอร์มากกว่ามีราคาอยู่ที่ $299 (ราวๆ 9,000 บาท) ซึ่งในเวลาต่อมา iPod nano ก็ได้รับการยอมรับ เนื่องจากมันมีคุณภาพที่เหนือกว่าเครื่องเล่น MP3 ทั่วไปซึ่งมีีราคาต่ำกว่า
ซึ่งเหตุผลต่างๆ ที่ JP Morgan ยกมานี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า iPhone ราคาประหยัดที่น่าจะเปิดตัวนี้ คงจะมีราคาที่สูงกว่ามือถือรุ่น low-end ในตลาด แต่มาพร้อมกับคุณภาพและฟีเจอร์ที่เหนือกว่า ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ซื้อยอมจ่ายเงินได้ แม้จะมีราคาที่ดูสูงเกินไปเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน
ที่มา : 9to5mac, AllThingsD, JP Morgan