เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา LG ประเทศไทยได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว LG Optimus G ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการขึ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมในการจำหน่ายสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นใหม่ของปีนี้ในประเทศไทย ซึ่งทางทีมงานเราก็ได้ไปร่วมงานและเก็บภาพมาเป็นบทความ Hands-on ให้ได้ชมกันครับ ก่อนจะไปดูตัวเครื่อง เราไปดูสเปกของ LG Optimus G กันก่อนเลย
สเปก LG Optimus G
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 Pro (APQ8064) Quad-core ความเร็ว 1.5 GHz มาพร้อมกับชิปกราฟิก Adreno 320
- RAM 2 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32 GB
- หน้าจอพาเนล True HD IPS+ ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 768 ให้สีสันสดใสแต่ยังใช้งานได้สบายตา
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย และรองรับ 4G LTE ด้วย
- มาพร้อม Android 4.1 Jelly Bean ใช้งาน UI เป็น Optimus 3.0
- กล้องหลังความละเอียด 13 MP
- แบตเตอรี่ความจุ 2100 mAh
- สเปก LG Optimus G เต็มๆ
ซึ่งถ้าให้พูดถึงสเปกโดยรวมแล้ว พบว่าใกล้เคียงกับ Nexus 4 มากๆ แต่ LG Optimus G จะมีจุดเด่นอยู่ที่จอแสดงผลซึ่งใช้งานพาเนล True HD IPS+ ที่ให้ความสว่างมากกว่า สีสันสดใสกว่า แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างสบายตา กล้องหลังให้ความละเอียดที่มากกว่า และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องที่ให้มาถึง 32 GB มากกว่า Nexus 4 ที่ให้มาสูงสุดเพียง 16 GB เท่านั้น
ก่อนจะไปดูตัวเครื่อง เรามาดูหัวข้อเด่นๆ ที่ทาง LG ประเทศไทย ซึ่งมีคุณศิวกร ดำรงภัทร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดขึ้นมาบรรยายกันก่อนครับ โดยเริ่มต้นด้วยการพูดถึงภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนว่ามีการเติบโตขึ้นมากในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Android ที่โตแบบก้าวกระโดด ผิดกับแพลตฟอร์ม Non-Android ที่มีการเติบโตน้อยมาก หรือถึงขั้นถดถอยในบางราย อย่างตัวของ LG เองนั้น สมาร์ทโฟน L Series ถือว่าเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จในปีที่แล้ว ด้วยยอดขายกว่า 15 ล้านเครื่องทั่วโลก อีกทั้งในปีที่ผ่านมา LG เองก็เป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมเข้ามาสู่วงการสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น LG Optimus 4X HD ที่เป็นสมาร์ทโฟนชิป Quad-core ตัวแรก หรือจะเป็น LG Optimus VU ที่เป็นสมาร์ทโฟนจออัตราส่วน 4:3 เครื่องแรกๆ ของโลก ปิดท้ายด้วย LG Nexus 4 ที่เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง LG กับ Google
ส่วนในปีนี้ LG ก็จะรุกตลาดสมาร์ทโฟนระดับท็อปต่อ ด้วยการส่ง LG Optimus G ที่มีคุณสมบัติเด่นหลายๆ ด้าน โดยสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดก็คือหน้าจอที่เปลี่ยนไปใช้งานพาเนล True HD IPS+ ซึ่งให้ภาพที่คมชัดสวยงาม สีสันสดใส แต่นอกเหนือจากสีสันสวยงามแล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องความบางของชั้นกระจกภายในเนื้อจอที่ออกแบบมาได้บางลงกว่าเดิม ปิดท้ายด้วยการออกแบบที่แสดงถึงความใส่ใจต่อผู้บริโภค นั่นคือการออกแบบจอให้แสดงผลได้อย่างสบายตากว่าคู่แข่ง โดยจากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้หลังทดลองใช้งานไป 1 ชั่วโมง พบว่าผู้ใช้ให้คะแนนความพึงพอใจกับพาเนลจอแบบใหม่นี้สูงกว่าจอของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ด้านของแบตเตอรี่ก็ได้รับการปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าของแบรนด์อื่นๆ โดยผู้ใช้จะสามารถใช้งาน LG Optimus G ได้นานเกือบ 3 ปี โดยที่แบตเตอรี่ไม่เสื่อมสภาพเลย
ด้านของซอฟต์แวร์ LG เองก็ใส่ฟีเจอร์เด่นเพิ่มเข้ามา 3 จุดด้วยกัน ดังนี้
- QSlide ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแอพพลิเคชันได้พร้อมๆ กันบนหน้าจอมากกว่า 1 แอพ
- QMemo ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจดโน้ตบนจอได้ทุกขณะระหว่างการใช้งาน
- Dual Screen Dual Play ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถส่งภาพขึ้นสู่จอทีวีได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถใช้งานมือถือทำงานอื่นๆ ได้ แม้จะสตรีมมิ่งวิดีโอขึ้นจอทีวีอยู่ก็ตาม
หน้าตาโดยรวมของ LG Optimus G นั้น ใช้ธีมการออกแบบเป็นแนวเดียวกับที่เราได้เห็นใน Nexus 4 มาแล้ว นั่นคือด้านหน้าจะดูเรียบง่ายแต่ดูหรู ส่วนด้านหลังจะเห็นเป็นเกล็ดสะท้อนแสง ช่วงแรกเรามาดูด้านหน้ากันก่อนครับ
ด้านหน้าของ LG Optimus G นั้นมาในทรงเดียวกันกับ LG Optimus 4X HD เลย นั่นคือตัวเครื่องจะออกแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน แต่มีการปรับลำโพงสนทนาไปไว้ส่วนบนสุดของเครื่องคล้าย Nexus 4 ส่วนปุ่มสำหรับใช้งานเครื่องนั้นออกแบบมาเป็นปุ่มแบบ capacitive ติดขี้นมาเป็นไฟ LED ตรงส่วนล่างของเครื่อง
อย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นว่าฝาหลังของ LG Optimus G ใช้ธีมการออกแบบคล้ายๆ กับ Nexus 4 นั่นคือใช้เป็นลาย glitter สะท้อนแสงเพื่อเพิ่มความหรูหราในด้านของดีไซน์ให้กับตัวเครื่องขึ้นไปอีก ส่วนด้านล่างจะมีช่องลำโพงติดตั้งอยู่ วัสดุโดยรวมน่าจะแข็งแรงพอสมควรทีเดียว แต่ไม่แน่ใจว่าฝาหลังจะแข็งแรงขนาดไหนนะครับ
ส่วนด้านข้างของตัวเครื่อง LG Optimus G นั้นก็มีรายละเอียดดังนี้ ด้านบนมีเพียงช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรอยู่เยิ้องไปทางซ้ายมือของหน้าจอ ด้านล่างมีเพียงช่อง micro USB และช่องรับเสียงของไมโครโฟนเท่านั้น ฝั่งขวาของเครื่องมีปุ่มเปิด/ปิด/ล็อคหน้าจออยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้นิ้วหัวแม่มือกดได้พอดี ส่วนด้านซ้ายจะมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงติดตั้งอยู่ รวมไปถึงมีถาดใส่ซิมการ์ดอยู่ด้านข้างด้วย
หน้าตาของ UI ภายในเครื่องก็เป็น launcher จาก LG เอง ในชื่อ Optimus 3.0 ติดตั้งแอพพลิเคชันมาให้พร้อมใช้งานส่วนใหญ่ได้ทันที
โดยจุดเด่นของ LG Optimus G ที่เด่นกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็คือฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า QSlide ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานแอพพลิเคชันได้สองแอพพร้อมๆ กัน โดยใช้หลักการสลับ active-inactive ด้วยการเฟดหน้าจอให้จางลง เช่นเวลาเราแชทกับเพื่อนใน LINE อยู่ แล้วจำเป็นจะต้องกดเครื่องคิดเลข ก็สามารถเลือกเปิดแอพเครื่องคิดเลขจากในแถบ QSlide apps ที่แถบ Notifications ได้เลย จากนั้นหน้าต่างของแอพเครื่องคิดเลขก็จะลอยขึ้นมาเหนือ LINE ทำให้ผู้ใช้สามารถกดเครื่องคิดเลขได้ทันทีโดยไม่ต้องสลับแอพเลย
จากนั้นเมื่อใช้งานเสร็จ ก็สามารถปรับให้ตัวเครื่องคิดเลขจางลงไปได้โดยการสไลด์แถบเลื่อนที่อยู่ตรงมุมขวาบนของแอพเท่านั้นเอง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งานหลายๆ แอพพร้อมกันเป็นอย่างยิ่งทีเดียว โดยแอพที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ QSlide ได้ก็เช่น Video, เว็บเบราเซอร์, Memo สำหรับจดโน้ต เป็นต้น
ปิดท้ายด้วยการเทียบกับ Nexus 4 ที่ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้วเท่าๆ กันครับ เท่าที่ลองใช้งาน LG Optimus G ดู พบว่าสีสันจอนั้นสดและสวยงามกว่ามากทีเดียว (จากในภาพคือเปิดจอความสว่างแค่เกือบครึ่งเดียวเท่านั้น) มุมมองจอก็ค่อนข้างกว้าง การใช้งานทั่วไปไหลลื่นดีเนื่องด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลที่มีความแรงเป็นเบอร์ต้นๆ ในปัจจุบัน ประกอบกับแรมที่ให้มาถึง 2 GB ทำให้สามารถสลับใช้งานแอพพลิเคชันได้อย่างสบายๆ
ส่วนราคานั้น LG Optimus G เปิดราคาในไทยอยู่ที่ 19,900 บาท พร้อมของแถมเป็นเคสนำเข้าจากเกาหลีและฟิล์มกันรอยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนใครต้องการโปรโมชันผ่อน ก็มีให้เลือกผ่อน 0% สูงสุดนานถึง 10 เดือนอีกด้วย ใครที่สนใจสามารถสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของ LG ทั่วประเทศครับ