หลังจากที่มีข่าวลือสเปค และการรอคอยมาอย่างยาวนาน ในที่สุด Samsung ก็ได้เผยโฉม Samsung Galaxy Z TriFold อย่างเป็นทางการ พร้อมวางขายและหมดอย่างไวไปแล้วในบางประเทศ โดยรุ่นนี้จะเป็นรุ่นหน้าจอพับที่มีดีไซน์พับคล้ายหนังสือ หรือพูดง่ายๆ ก็คือจอพับสามทบ เหมือนเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นแท็บเล็ตได้เลยทีเดียว แต่เมื่อพับหน้าจอเก็บก็จะกลับมาเป็นมือถือที่เน้นพกพาสะดวกได้เหมือนเดิม ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของ Samsung ที่พัฒนาจากจอพับธรรมดาให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น
ส่วนรุ่นปัจจุบันที่วางขายอยู่ก็คือ Samsung Galaxy Z Fold 7 มีราคาอยู่ที่ 63,900 บาทในรุ่น 12/256GB (Shopee/ Lazada) และราคา 68,900 บาทในรุ่น 12/512GB (Shopee/ Lazada)
เจาะลึกสเปค Samsung Galaxy Z TriFold

ดีไซน์และการออกแบบของ Samsung Galaxy Z TriFold คือกลไกการพับที่แตกต่างจากรุ่นพี่อย่าง Z Fold เพราะว่ารุ่นนี้มาพร้อมกับบานพับคู่ที่ออกแบบให้พับเข้าหากันในแบบ G-shaped หรือการพับม้วนเข้าด้านในสลับกัน โดยต้องพับด้านซ้ายก่อน ตามด้วยด้านขวา และจะช่วยให้หน้าจอหลักถูกพับเก็บไว้ด้านในเมื่อไม่ได้ใช้งานเหมือนกับตัว Fold ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการกระแทก หรือรอยขีดข่วนได้ดีกว่าการพับแบบหันหน้าจอออกด้านนอก แต่จะใช้งานแบบโหมด Flex ไม่ได้ ต้องกางออกสุดก่อนถึงจะใช้ได้

เมื่อพับเก็บจะมีหน้าจอด้านนอกขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ 120Hz สว่างได้ 2,600 นิต ให้ความรู้สึกเหมือนใช้งานมือถือทั่วไปได้เลย และเมื่อกางออกจนสุด ก็จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10 นิ้ว 120Hz สว่างได้ 1,600 นิตด้วยหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ระดับ QXGA+ และที่น่าสนใจก็คือความบางของตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยมถึงแม้จะพับเยอะก็ตาม เพราะเมื่อกางออกจะบางเพียง 3.9 มิลลิเมตร และเมื่อพับเก็บจะมีความบาง 12.9 มิลลิเมตร แต่ก็จะมีน้ำหนักหน่อยที่ 309 กรัม
ด้านสเปคภายใน Samsung Galaxy Z TriFold ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy เป็นชิปตัวท็อปรุ่นปีที่แล้วที่ปรับจูนมาเพื่อซัมซุงโดยเฉพาะ ทำงานคู่กับ RAM 16GB และความจุให้เลือกคือ 512GB และ 1TB แบบ UFS 4.1 และมีแบตขนาด 5,600mAh ใหญ่กว่าทุกรุ่นที่เป็นตัวจอพับของ Samsung พร้อมรองรับชาร์จไว 45W และชาร์จไร้สาย รวมถึงชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับด้วย

ส่วนการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 5G, Wi-Fi 7, UWB และ Bluetooth 5.4 โดยใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ capacitive ในปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง นอกจากนี้ยีมีฟีเจอร์การทำงาน Multitasking พร้อมกันได้ถึง 3 แอปและฟีเจอร์ระดับโปรอย่าง Samsung DeX ที่ทำงานได้เหมือนคอมฯ ครบทั้งหมด
ในส่วนของกล้อง Galaxy Z TriFold มีกล้องหลักความละเอียด 200MP กล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP ที่ซูมได้ 3 เท่า และกล้อง Ultrawide 12MP สามารถถ่ายได้คมชัดไม่แพ้รุ่นเรือธงตัวอื่นๆ เลย ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 10MP
คำถามเกี่ยวกับ Samsung Galaxy Z TriFold

คำถามแรกที่หลายคนสงสัยคือมันใช้งานเหมือนมือถือทั่วไปได้หรือไม่ คำตอบคือได้ เมื่อพับเก็บ Galaxy Z TriFold จะทำงานเหมือนมือถือปกติผ่านหน้าจอ Cover Display ขนาด 6.5 นิ้วได้ทั้งโทรออก ตอบข้อความ ใช้แอป และถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องกางเครื่องออก แต่ด้วยความที่มีบานพับถึงสองจุด การพับเก็บจึงมีขั้นตอนเฉพาะ คือต้อง พับแผงด้านซ้ายเข้ามาก่อน แล้วค่อยตามด้วยด้านขวา ถ้าเผลอพับผิด Samsung ได้ใส่ระบบแจ้งเตือนบนหน้าจอพร้อมระบบสั่นเตือนไว้เพื่อป้องกันความเสียหาย

ความพิเศษของรุ่นนี้คือเป็นมือถือ Samsung รุ่นแรกที่สามารถรัน Samsung DeX ได้โดยตรงบนหน้าจอของตัวเอง โดยไม่ต้องต่อจอนอกหรือทีวี ด้วยหน้าจอขนาด 10 นิ้ว เราเลยใช้งานอินเตอร์เฟซแบบเดสก์ท็อปได้ทันที นอกจากนี้ ในโหมดปกติยังรองรับการเปิดแอปพลิเคชันแบบเต็มจอได้พร้อมกันถึง 3 แอป โดยแต่ละแอปจะแสดงผลในขนาดเท่าหน้าจอมือถือปกติ หรือจะปรับแต่งการวางแนวตั้งแนวนอนได้ตามใจชอบ
สำหรับจุดสำคัญอย่าง S Pen ก็ต้องบอกว่า Galaxy Z TriFold รุ่นนี้ไม่รองรับ และด้านความทนทาน ตัวเครื่องมาพร้อมมาตรฐาน IP48 และถึงแม้จะใช้ระบบบานพับที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้งานด้วยความระมัดระวังอยู่ดี
นอกจากนี้ Samsung ยังการันตีการอัปเดตระบบ Android นานถึง 7 เวอร์ชัน โดยตัวเครื่องจะมาพร้อม Android 16 และ One UI 8 ตั้งแต่แกะกล่อง ส่วนคำถามที่ว่าคุ้มมั้ยที่จะซื้อแทน Galaxy Z Fold รุ่นปกติ? ก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหน้าจอใหญ่จริงๆ กว่ารุ่นจอพับปกติ แต่ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากกว่า และราคาที่สูงกว่ามาก ดังนั้นสำหรับการใช้งานส่วนใหญ่ Galaxy Z Fold รุ่นปกติยังคงเป็นทางเลือกที่ใช้งานได้จริงและคุ้มค่ากว่า
ราคาและการวางจำหน่าย Samsung Galaxy Z TriFold เปิดตัวครั้งแรกในเกาหลีใต้เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2025 ด้วยราคาเริ่มต้น 3,590,400 วอน หรือคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ ประมาณ 76,500 บาท และมีแผนจะวางจำหน่ายในตลาดระดับโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา จีน และตะวันออกกลาง ในช่วงต้นปี 2026
ที่มา: sammobile
