ข่าวลือข่าวหลุดของ Samsung Galaxy S26 Series ยังคงมีหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งขนาด ดีไซน์ สเปคต่างๆ และวันเปิดตัวที่คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคม 2026 ซึ่งล่าสุดนี้ก็มีรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับตัวหน้าจอของรุ่นใหม่นี้ออกมาแล้ว จากการรายงานของ UniverseIce แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้คนดีคนเดิม ระบุว่าหนึ่งในสเปคที่น่าผิดหวังสำหรับเรือธงรุ่นใหม่นี้ ก็คือเรื่องของความสว่างหน้าจอที่ยังอยู่กับที่มาหลายรุ่นแล้ว
ส่วนรุ่นที่ขายตอนนี้คือ Samsung Galaxy S25 ราคา 21,900 บาท (Shopee/ Lazada) รุ่น S25+ ราคา 36,900 บาท (Shopee/ Lazada) และรุ่น S25 Ultra เริ่มต้นที่ 39,900 บาท (Shopee/ Lazada)
Samsung Galaxy S26 Series กับความสว่างจอ 2,600 nits เท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน
ตามข้อมูลที่เปิดเผยออกมา Galaxy S26 Series รวมถึงรุ่นท็อปอย่าง Galaxy S26 Ultra จะยังคงมีความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 2,600 nits ซึ่งเป็นระดับเดียวกับ Galaxy S25 Series รุ่นก่อนหน้า จะบอกว่าแปลกมากก็คงใช่ เพราะว่าหาก Samsung ยังไม่ได้พัฒนาเรื่องความสว่างหน้าจอให้มากขึ้น ก็อาจจะสู้กับมือถือเรือธงจากแบรนด์จีนหลายรุ่น ที่ได้เริ่มเปิดตัวหน้าจอที่มีความสว่างสูงสุดที่สูงกว่า 3,000 nits ไปแล้ว หรือแม้แต่ iPhone 17 Pro Series ก็ยังสว่างกว่า ทำให้เกิดข้อกังวลว่าจอของ S26 อาจดูสว่างน้อยกว่าเมื่อใช้งานกลางแจ้งหรือไม่


อย่างไรก็ตามในด้านคุณภาพของวัสดุนั้นมีการอัปเกรดอย่างแน่นอน โดยแหล่งข่าวระบุว่า Samsung จะนำวัสดุจอภาพ M14 และเทคโนโลยี Polless screen มาใช้ใน Galaxy S26 Series ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหน้าจอและประหยัดพลังงาน แต่ข้อมูลที่ยังไม่แน่นอนคือการรองรับความลึกของสี 10-bit และเทคโนโลยี PWM High-Frequency Dimming หรือการหรี่แสงความถี่สูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยลดการกะพริบของจอในที่แสงน้อย และช่วยถนอมสายตาด้วยนั่นเอง
แม้ว่าความสว่างหน้าจอจะไม่มีการเพิ่มขึ้น แต่ Samsung ก็ได้ตัดสินใจอัปเกรดความเร็วในการชาร์จเพื่อรักษาสถานะความเป็นเรือธง โดยเฉพาะในรุ่น Ultra ที่คาดว่าจะได้ปรับขึ้นจาก 45W เป็น 60W และชาร์จไร้สายเพิ่มขึ้นจาก 15W เป็น 25W รวมถึง Galaxy S26 และ S26+ ก็จะปรับเพิ่มการชาร์จไร้สายจาก 15W เป็น 20W เช่นกัน ก็ต้องรอดูการอัปเดทข้อมูลกันต่อไปว่าจะมีข้อสรุปแบบไหนออกมากันแน่ น่าจะได้เห็นข้อมูลมากขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะใกล้ถึงวันเปิดตัวในปีหน้าแล้ว
ที่มา: gsmarena

