
มือถือเล่นเกม ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของสมาร์ตโฟนที่ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ฝั่งผู้ใช้งานก็ชอบเพราะได้เครื่องสเปคแรง ๆ เพื่อการเล่นเกม ฝั่งผู้ผลิตก็สามารถออกผลิตภัณฑ์มาได้หลายช่วงราคา จากการที่เน้นให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์บางส่วนได้เต็มที่ ส่วนอื่น ๆ ก็สามารถถัวเฉลี่ยเพื่อทำราคาได้หลายช่วง เพราะด้วยตัวจุดขายด้านการเล่นเกมนั้นเป็นจุดที่สามารถสื่อสารได้ง่าย มองสเปคบนหน้ากระดาษก็พอเห็นภาพคร่าว ๆ ได้แล้วนั่นเอง
ในบทความนี้จะมาดูกันว่ามือถือเล่นเกมแบบลื่น ๆ ในงบ 20,000 บาท ณ ตอนนี้มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง บางรุ่นต้องบอกว่าทำราคาออกมาตลาดแตกพอสมควรเลยด้วย

Infinix GT 30 Pro – ราคา 9,999.- (โปรเปิดตัว 7,999.-)
Infinix ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เน้นออกมือถือรุ่นใหม่แบบเน้นความคุ้มค่าของสเปคต่อราคามาก ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ฝั่งของมือถือเล่นเกมก็มีรุ่นราคาเบา ๆ ให้เลือก ซึ่งก็สามารถเล่นเกมได้ดีเกินราคา และมักมีการจับมือร่วมกับค่ายเกมเพื่อปรับจูนระบบให้สามารถเล่นบางเกมได้ที่เฟรมเรตสูง ภาพลื่นกว่ารุ่นอื่นที่สเปคใกล้เคียงกันด้วย ล่าสุดก็เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ นั่นคือ Infinix GT 30 Pro ที่มาพร้อมชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นด้านการเล่นเกมอย่าง MediaTek Dimensity 8350 สามารถใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ดี ภายในมี GPU เป็น Mali-G615 MC6 พร้อมเทคโนโลยี MAGT ที่ถ้าหากตัวเกมรองรับ ก็จะช่วยให้ระบบมีการใช้พลังงานลดลง และมีความหน่วงจากการทัชหน้าจอที่ต่ำลงกว่าปกติ ซึ่งในรุ่นนี้ก็จะมีการระบุมาด้วยว่าสามารถเล่นเกม ROV แบบ 120fps ได้ตลอดวันเลย ชุดระบายความร้อนจะเป็นแบบ 3D Vapor Cloud Chamber ทั้งยังรองรับ 5G ด้วย
ซึ่งจุดที่คุ้มมาก ๆ ก็ยังมีในส่วนของแรมที่ได้มา 8GB สามารถขยายเพิ่ม (แรมผสาน) ได้สูงสุดเป็น 16GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB แบบ UFS 4.0 ด้วย หน้าจอ 6.78″ 1.5K ภาพสวย ๆ รีเฟรชเรต 144Hz Touch Sampling Rate สูงสุด 2160Hz กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 7i กล้องหลังก็จะได้เป็นเลนส์ไวด์ปกติ 108MP และเลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP อยู่ในระดับใช้งานได้ทั่วไป ด้านของแบตเตอรี่ได้มา 5500 mAh รองรับการชาร์จเร็วผ่านสายได้ 45W และยังชาร์จไร้สายได้สูงสุด 30W ด้วย ที่สำคัญคือมีระบบ Bypass Charging ที่จะช่วยถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาวได้อีก ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับผู้ที่เล่นเกมแบบเสียบสายชาร์จตลอดเวลา
ส่วนด้านของ OS จะได้เป็น XOS 15 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 15 รองรับการอัปเดตได้ 2 เวอร์ชัน อัปแพตช์ความปลอดภัย 3 ปี ซึ่งจากสเปคโดยรวมก็ถือว่าคุ้มเอาเรื่อง แม้กับราคาเต็ม 9,999 บาทก็ตาม ซึ่งถ้าซื้อภายในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ ก็จะได้ราคาพิเศษจากโปรเปิดตัวเหลือเพียง 7,999 บาท เท่านั้น แต่ถ้าต้องการความจุเยอะขึ้นก็จะมีรุ่นแรม 12GB รอม 512GB ในราคาปกติ 12,999 โปรเปิดตัวอยู่ที่ 10,999 บาทให้เลือกด้วย
realme P3 Ultra 5G – ราคา 13,999.- (โปรเปิดตัว 11,999.-)
รุ่นต่อมาที่น่าสนใจก็คือ realme P3 Ultra ที่จะได้ชิป MediaTek Dimensity 8350 เหมือนกัน คะแนนทดสอบ AnTuTu ได้ระดับ 1,450,000+ คะแนน ได้แรม 12GB สตอเรจ 256GB แต่จะได้หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นมานิดนึงเป็น 6.83″ AMOLED 120Hz ขอบโค้ง ขอบเขตสี 100% DCI-P3 แสดงสีได้ 1.07 พันล้านสี กระจก Gorilla Glass 7i มี Touch Sampling Rate สูงสุด 2500Hz ซึ่งสเปคของจอโดยรวมจะสูงขึ้นมาจากรุ่นแรกพอสมควร และที่เป็นไฮไลท์เลยคือแบตเตอรี่ 6000 mAh รองรับการชาร์จไว Ultra Charge สูงสุดถึง 80W และยังรองรับ Bypass Charging ด้วย ซึ่งจะเป็นการจ่ายไฟตรงเข้าเครื่องแบบไม่ผ่านแบต ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่และทำให้อุณหภูมิสะสมภายในเครื่องลดลงด้วย เรียกได้ว่าเป็นมือถือเล่นเกมที่ตอบโจทย์ผู้ต้องการมือถือแบตอึด ชาร์จไว เล่นไปชาร์จไปได้แบบไม่งอแง ภายในตัวเครื่องที่มีความบางประมาณ 7.38 มม. เท่านั้น รองรับ 5G ทั้งสองซิม Bluetooth 5.4 และตามสเปคระบุว่าสามารถอัปเดต OTA เพื่อใช้งาน Bluetooth 6.0 ได้ในอนาคตด้วย
ด้านซอฟต์แวร์ก็จะมีระบบต่าง ๆ ช่วยเสริมการเล่นเกม เช่น GT Boost ที่ใช้ AI ช่วยจัดการด้านการใช้พลังงานให้กินแบตน้อยลง GT Mode เพื่อปรับจูนความลื่นไหล ประสิทธิภาพ และการตอบสนองของเครื่องให้เหมาะสม Geek Power Tuning สำหรับปรับจูนความแรง CPU กับ GPU นอกจากนี้ยังมี AI เข้ามาช่วยการทำงานในด้านต่าง ๆ คล้ายกับในเครื่องรุ่นราคาสูง ๆ ส่วนกล้องหลักก็จะได้เป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX896 ความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS และมีเลนส์อัลตร้าไวด์มาให้ใช้งาน มีโหมดถ่าย portrait ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยจัดการภาพ รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps และมี AI ช่วยลบสิ่งรบกวนในภาพ ลดความเบลอของภาพถ่าย เป็นต้น โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นมือถือเล่นเกมที่ค่อนข้างครบเครื่อง อาจจะเน้นเรื่องกล้องน้อยกว่าส่วนอื่นนิดนึง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี และมีจุดเด่นมาก ๆ ในเรื่องแบตเตอรี่
ราคาเปิดตัว realme P3 Ultra จะอยู่ที่ 13,999 บาท และมีโปรเปิดตัวอยู่ที่ 11,999 บาท
iQOO Neo 10 – ราคา 15,900.-
iQOO Neo 10 จัดว่าเป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้ชิป Snapdragon 8s Gen 4 ที่วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ในด้านของความแรงก็เรียกได้ว่าสูสีกับ Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งเป็นชิปรุ่นเรือธงก่อนที่จะมีการเปิดตัว SD8 Elite เลย ทำให้แทบไม่ต้องห่วงเรื่องการเล่นเกม เพราะความแรงอยู่ในระดับที่สามารถใช้เล่นเกมปัจจุบันในกราฟิกระดับสูงได้สบาย ๆ โดยที่สามารถจัดการด้านการใช้พลังงานได้ดีตามสไตล์ของชิปรุ่น s ทั้งยังมีชิป Q1 ของ iQOO เองมาช่วยเรื่องกราฟิก เพื่อเร่งเฟรมเรตและอัปสเกลภาพ ทำให้ได้ภาพในเกมที่ลื่นไหล คมชัด ทำงานร่วมกับแรม LPDDR5X ที่มีให้เลือกทั้งรุ่น 12GB และ 16GB ชิปสตอเรจ UFS 4.1 ส่วนระบบระบายความร้อนก็จะมีแผง Vapor Chamber ขนาดใหญ่ครอบคลุมจุดที่มีความร้อนสูง ทำให้สามารถถ่ายเทความร้อนออกสู่ภายนอกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้านการเชื่อมต่อก็จะมีเสาอากาศรอบทิศทางรอบตัวเครื่อง ทำให้ไม่ว่าจะจับเครื่องจากมุมไหน ก็ยังสามารถรับสัญญาณได้ดี และที่สำคัญคือรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 ด้วย
หน้าจอ AMOLED 1.5K รีเฟรชเรต 144Hz มี Touch Sampling Rate สูงสุด 3000Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3 และมีระบบเซ็นเซอร์ปรับอุณหภูมิสีของภาพบนจอแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม สีสันเป็นธรรมชาติตลอดเวลาที่ใช้งาน กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP65 สามารถใช้งานหน้าจอได้แม้จะจอเปียกน้ำ ส่วนที่เป็นไฮไลท์สุด ๆ ก็คือแบตเตอรี่เทคโนโลยี Silicon-Carbide ความจุ 7000mAh รองรับการชาร์จเร็ว FlashCharge ได้สูงสุดถึง 120W ส่วนถ้าชาร์จผ่านโปรโตคอล PPS และ PD จะได้สูงสุดที่ 100W อีกทั้งยังรองรับ Bypass Charging ด้วย ทำให้ iQOO Neo 10 น่าจะเป็นมือถือเล่นเกมในงบหมื่นกลาง ๆ ที่ครบเครื่องขีดสุดสำหรับสายเล่นเกมเลย จากชิปที่แรง แรมเยอะ จอลื่น แบตอึดและชาร์จเข้าได้เร็วมาก ส่วนเรื่องกล้องก็จะได้เป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX882 ความละเอียด 50MP มีกันสั่น OIS และเลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP มีอัลกอริธึมช่วยประมวลผลภาพ ซึ่งภาพที่ได้ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สามารถใช้งานทั่วไปได้ดี
ตัวระบบปฏิบัติการจะเป็น Funtouch OS 15 ที่มี AI มาให้ใช้งานด้วย รองรับการอัปเกรด Android ได้ 3 เวอร์ชัน อัปเดตแพตช์ความปลอดภัย 4 ปี ส่วนของราคา รุ่นแรม 12GB รอม 256GB จะอยู่ที่ 15,900 บาท ส่วนรุ่นแรม 16GB รอม 512GB จะอยู่ที่ 17,900 บาท ซึ่งถ้ามีงบอยู่ 20,000 ก็แนะนำเลือกรุ่นแรม 16GB ไปเลยดีกว่า โดยเฉพาะถ้าหากต้องการใช้งานยาว ๆ เนื่องจากตัวชิปเองก็มีประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานไปได้อีกหลายปี ดังนั้นการเลือกรุ่นความจุเยอะ ๆ ไว้ตั้งแต่แรกเลยถ้าจ่ายไหว ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
POCO F7 – ราคา 13,999.-
เป็นรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวแบบสด ๆ ร้อน ๆ ในไทย กับราคาที่ต้องบอกว่าทำตลาดแตกอีกเช่นเคยตามสไตล์ของ POCO ด้วยการอัดชิป Snapdragon 8s Gen 4 ที่ความแรงชน ๆ กับชิปรุ่นท็อปของปีก่อนอย่าง Snapdragon 8 Gen 3 มาในราคาเปิดเริ่มต้นที่ 13,999 บาท แล้วยังมีโปรเปิดตัวลดไปอีก 500 บาท ยังไม่รวมว่าสามารถใส่โค้ดส่วนลดได้อีกในกรณีที่ซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้น่าจะเป็นมือถือที่สายเกมหลายคนให้ความสนใจเลย โดยเฉพาะถ้าอยากได้เครื่องที่มีราคาไม่ข้าม 15,000 บาท
สเปคในจุดอื่นก็ให้มาตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี แรม 12GB สตอเรจเริ่มต้นที่ 256GB เป็นแบบ UFS 4.1 ความเร็วสูง มีระบบช่วยแทรกเฟรมภาพเพื่อให้ได้เฟรมเรตในเกมที่สูง ระบบอัปสเกลภาพ ซึ่งขณะนี้ยังใช้ได้เฉพาะกับเกม Genshin Impact เท่านั้น แต่น่าจะมีการอัปเดตเพิ่มเติมในอนาคต ระบบระบายความร้อนก็จะมีแผง 3D Dual-Channel IceLoop เช่นเดียวกับในรุ่น Ultra จึงน่าจะช่วยในการถ่ายเทความร้อนจากชิปตำแหน่งต่าง ๆ ในเครื่องขณะเล่นเกมได้ดี อีกปัจจัยที่จัดเต็มมาไม่แพ้กับรุ่นท็อปคือแบตเตอรี่ความจุถึง 6500 mAh รองรับการชาร์จเร็ว HyperCharge สูงสุด 90W แล้วยังสามารถใช้เป็นพาวเวอร์แบงค์ชาร์จแบตย้อนกลับไปให้มือถือหรืออุปกรณ์อื่นผ่านพอร์ต USB-C ได้กำลังไฟสูงสุด 22.5W ด้วย เรียกว่าสามารถใช้ชาร์จมือถือ ชาร์จ iPhone ชาร์จหูฟังได้สบาย หน้าจอก็จะได้เป็น AMOLED 6.83″ 1.5K Touch Sampling Rate สูงสุด 2560Hz กระจก Gorilla Glass 7i กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
กล้องหลัง 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX882 พร้อมเลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP กล้องหน้า 20MP ฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็จะให้มาในระดับพื้นฐาน เนื่องจากไม่ได้เป็นรุ่นที่เน้นกล้องมากนัก ด้านการเชื่อมต่อก็จะมีชิป Surge T1S ช่วยบริหารจัดการ ตามสเปคระบุว่ารองรับได้สูงสุดถึง Wi-Fi 7 และ Bluetooth 6.0 ซึ่งคงต้องรอทดสอบกันอีกทีว่ารุ่นที่ขายในไทยจะเปิดให้ใช้งานได้สูงสุดตามสเปคหรือไม่ AI ก็มีให้ใช้งานตามมาตรฐานของมือถือปี 2025 เรียกว่าเป็นมือถือที่ครบเครื่องสำหรับการใช้เล่นเกมเลยทีเดียว
สำหรับราคารุ่นเริ่มต้นรอม 256GB จะอยู่ที่ 13,999 บาท มีโปรเปิดตัวลดเหลือ 13,499 บาท ในขณะที่รุ่นรอม 512GB จะอยู่ที่ 14,999 และราคาเปิดตัว 14,499 บาท โดยทั้งสองรุ่นจะได้แรมเท่ากัน ทำให้ถ้าให้แนะนำ ก็ควรขยับไปซื้อรุ่น 512GB เลย กับส่วนต่าง 1,000 บาทที่คุ้มค่ากับการจ่ายเพิ่ม เพราะได้ความจุเพิ่มเป็นเท่าตัว และถ้าใส่โค้ดส่วนลด น่าจะได้ราคาประมาณ 12,xxx เท่านั้นเอง สำหรับรุ่น 512GB จึงไม่แปลกที่จะกลายเป็นกระแสฮือฮาขั้นสุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
POCO F7 Ultra – ราคา 20,900.-
และมือถือเล่นเกมรุ่นสุดท้ายที่จะแนะนำในบทความนี้ก็คือ POCO F7 Ultra ที่แม้ราคาจะเกินงบมาเล็กน้อย แต่ถ้าใช้โค้ดส่วนลดดี ๆ ก็น่าจะราคาต่ำกว่า 20 ใบเทาได้อยู่ โดยอาจจะได้ราว ๆ 17,000 – 19,000 บาทแล้วแต่โค้ดที่ได้และโปรโมชันพิเศษของแต่ละช่วงเวลา จุดเด่นสุด ๆ ของรุ่นนี้ก็คือจะได้ชิประดับเรือธงสุดของฝั่ง Android ในขณะนี้ นั่นคือ Snapdragon 8 Elite ที่ไม่ต้องห่วงเรื่องความแรง และการรองรับของตัวเกมเลย เพราะเป็นชิปรุ่นเดียวกับที่ใช้ในมือถือระดับท็อปหลาย ๆ รุ่น อีกทั้งยังรองรับการสนับสนุนไปได้อีกหลายปี แต่มาในราคาประมาณ 20,000 บาท เรียกว่าถ้าต้องการความแรงแบบสุดหลอดในราคาสบายกระเป๋า POCO F7 Ultra ยืนหนึ่งแน่นอน อีกทั้งยังมีชิป VisionBoost D7 ที่มาช่วยประมวลผลกราฟิก สำหรับใช้บูสต์เฟรมเรตให้นิ่งสูงสุดระดับ 120fps อัปสเกลภาพให้คมชัด และเพิ่มรายละเอียด สีสัน ความสว่างให้กับภาพ HDR บนจอ AMOLED 6.67″ 2K 120Hz ค่า Touch Sampling Rate สูงสุด 2560Hz รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision ซึ่งถ้าจะให้ใช้งาน ใช้เล่นเกมได้ไหลลื่นก็ต้องมาพร้อมระบบระบายความร้อนที่ดี โดยจะได้เป็น 3D Dual-Channel IcdLoop ที่เป็นแผงขนาดใหญ่ช่วยในการควบคุมอุณหภูมิสะสมภายใน
แบตเตอรี่ก็จะได้ความจุ 5300 mAh มีชิปช่วยควบคุมการใช้พลังงานและการชาร์จ รองรับการชาร์จเร็ว HyperCharge สูงสุด 120W และแบบไร้สายได้เร็วสุดถึง 50W ส่วนของกล้องก็ให้มาครบสามช่วงเลนส์ ได้แก่เลนส์ไวด์ปกติ 50MP เซ็นเซอร์ Light Fusion 800 เลนส์เทเล 50MP ซูมออปติคอลได้สูงสุด 2.5 เท่า (เทียบระยะ 60 มม.) ซูมไกลสุดได้ 20 เท่า รองรับการถ่ายมาโครใกล้สุด 10 ซม. ทั้งสองเลนส์มีกันสั่น OIS มาให้ และเลนส์อัลตร้าไวด์ 32MP มุมกว้าง ก็ถือว่าทำให้ POCO F7 Ultra เป็นมือถือเรือธงราคาย่อมเยาที่ใช้งานได้รอบด้าน แต่อาจจะเน้นเรื่องกล้องน้อยหน่อยตามคอนเซ็ปท์ของแบรนด์ POCO เองที่จะเน้นอัดความแรงของประสิทธิภาพเป็นหลัก และลดทอนด้านอื่นลงบ้างเพื่อให้สามารถทำราคาได้
POCO F7 Ultra ที่ขายในไทยจะมีให้เลือกด้วยกันสองความจุคือรุ่นแรม 12GB รอม 256GB ที่ราคาตั้งต้น 20,990 บาท ซึ่งน่าจะสามารถหาซื้อหลังหักส่วนลดแล้วได้ในราคาประมาณ 18,000-19,000 บาท และรุ่นแรม 16GB รอม 512GB ราคา 22,990 บาท ที่น่าจะหาได้ในราคาประมาณ 20,000 นิด ๆ
สรุป มือถือเล่นเกมรุ่นแนะนำในงบ 20,000 บาท
สเปคของมือถือในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะถูกออกแบบมาให้เน้นในด้านของชิปเซ็ต ที่จะรวมทั้งส่วน CPU, GPU ที่มีประสิทธิภาพสูง มีประสิทธิภาพที่ดูคุ้มมาก ๆ กับราคาเครื่อง หากมองในแง่ปัจจัยด้านความแรงเป็นหลัก พร้อมกับมี NPU มาให้ใช้งานด้าน AI ในระดับหนึ่ง และในส่วนของแรม ก็ควรเลือกรุ่นที่ให้มาพื้นฐานตั้งแต่ 8GB เป็นต้นไป เพื่อที่จะได้ลดการใช้แรมเสมือนที่จะแบ่งพื้นที่สตอเรจในเครื่องมาใช้เป็นแรมร่วมด้วย ซึ่งในแง่ของประสิทธิภาพก็อาจจะทำได้ไม่สูงเท่ากับการใช้แรมแท้ ๆ ของระบบ
อีกปัจจัยต่อมาที่มักได้รับความสำคัญก็คือแบตเตอรี่ ที่จะได้แบตความจุค่อนข้างสูง บางรุ่นได้เทคโนโลยี Silicon-Carbide (SiC) มาด้วย ทำให้สามารถอัดความจุได้เยอะโดยที่ตัวเครื่องไม่หนามากนัก มาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบสุด ๆ แต่เทคโนโลยีที่น่าจะช่วยในการเล่นเกมได้มากจริง ๆ ก็คือ Bypass Charging ซึ่งจะช่วยในการถนอมแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการเล่นเกม หรือใช้ดูหนังฟังเพลงแบบเสียบสายชาร์จติดต่อกันนาน ๆ ทำให้ถ้าหากมือถือรุ่นไหนมีเทคโนโลยีนี้อยู่ น่าจะเป็นแต้มต่อให้กับผู้ที่กำลังมองหามือถือเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
ส่วนในเรื่องที่มือถือกลุ่มนี้อาจจะด้อยลงมาหน่อยก็คือเรื่องของกล้องที่อาจจะได้มาสองเลนส์ เรื่องระบบประมวลผลภาพ เรื่อง AI ช่วยถ่ายภาพ ลูกเล่นการปรับแต่งโทนสีก็อาจจะยังทำไม่ได้เท่ากับรุ่นที่เน้นกล้องจริง ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีการแบ่งสายทำตลาดอยู่แล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์กล้องก็มีการพัฒนา ทางผู้ผลิตก็มีการปรับปรุงขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ ก็ทำให้มือถือเกมมิ่งหลายรุ่นสามารถใช้ถ่ายรูปได้ดีในระดับหนึ่งเลย ดีกว่ามือถือในลักษณะเดียวกันของหลายปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นถ้าหากคุณกำลังต้องการหาซื้อมือถือซักเครื่องในงบ 20,000 บาท กลุ่มของมือถือเกมมิ่งนี้ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว แม้คุณอาจจะไม่ได้ซื้อมาเพื่อใช้เล่นเกมเป็นหลักก็ตาม แต่สิ่งที่จะได้เต็ม ๆ ก็คือเรื่องความลื่นไหล พลังการประมวลผล ความรวดเร็วในการสลับแอป และระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ในราคาน่าดึงดูดใจ