ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวมาอย่างยาวนานว่า Apple กำลังพัฒนาชิปโมเด็ม 5G และชิป Wi-Fi ของตนเองอยู่ เพื่อจะลดต้นทุนการผลิตเครื่องในระยะยาว จากที่ปัจจุบันจะต้องสั่งซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นอย่างเช่น Qualcomm อยู่ ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า Apple อาจจะเริ่มนำชิปของตนเองใส่มาในผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวในปีหน้าอย่าง iPhone SE 4 บ้างแล้ว
เริ่มต้นด้วยชิป Wi-Fi ที่เป็นไปได้ว่าจะได้รับการนำมาใส่ใน iPad รุ่นที่จะเปิดตัวในปีหน้าเป็นครั้งแรก แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเริ่มที่รุ่นใดบ้าง ซึ่งถ้าเร็วสุดก็คาดว่าจะเป็น iPad 11 ที่เป็นไปได้ว่าอาจได้รับการเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ส่วนฝั่งของ iPhone ก็อาจจะได้เห็นอย่างเร็วสุดใน iPhone 18 ที่น่าจะได้รับการเปิดตัวในปี 2026 นู่นเลย
ในขณะที่ชิปโมเด็ม 5G ที่ Apple พัฒนาขึ้นมาเอง ก็น่าจะได้รับการใส่มาใน iPhone SE 4 ที่มีข่าวออกมาว่าน่าจะได้รับการเปิดตัวในช่วงต้นปี 2025 เลย จากนั้นก็นำมาใส่ใน iPhone 17 ที่จะได้รับการเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนของปีเดียวกัน โดยอาจจะเลือกใส่มาให้กับ iPhone 17 Air ที่เก็งกันว่าจะเป็น iPhone รุ่นที่บางเบาที่สุดก่อน จากนั้นก็มีแผนว่าจะค่อย ๆ แทนที่ชิปโมเด็ม 5G ของ Qualcomm ด้วยชิปของ Apple เอง จนเปลี่ยนผ่านมาใช้ชิปของตนเองทั้งหมด ก่อนที่สัญญาซื้อขายกับ Qualcomm จะสิ้นสุดลงในปี 2027
ทั้งนี้ คาดว่าหนึ่งในสาเหตุที่ Apple จะต้องค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนผ่านชิปโมเด็ม 5G โดยที่ยังต้องใช้ของ Qualcomm อยู่ด้วยก็เนื่องมาจากตัวชิปของ Apple เองยังคงไม่รองรับการทำงานร่วมกับคลื่น 5G แบบ mmWave ที่มีใช้งานแล้วในบางประเทศ ทำให้ยังจำเป็นต้องใช้ชิปของ Qualcomm เข้ามาใส่ใน iPhone รุ่นหลัก โดยเฉพาะรุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอยู่ เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับคลื่น mmWave ได้