Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตจอใหญ่รุ่นใหม่ในราคาประหยัดจากทาง Samsung ที่เปิดตัวมาพร้อมรุ่นเล็กอย่าง Galaxy Tab A9 โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือสเปคที่ให้มาแบบจัดเต็มทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว, ชิปประมวลผล Snapdragon 695 และลำโพง 4 ตัว ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้มานั้นนับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ใครที่กำลังลองสนใจลองอ่านบทความรีวิวนี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้เลย
สเปคของ Samsung Galaxy Tab A9+
- หน้าจอ : TFT-LCD, ขนาด 11 นิ้ว, ความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล (WUXGA), Refresh Rate 90Hz} อัตราส่วนหน้าจอ 16:10
- ชิปประมวลผล : Snapdragon 695 5G
- แรม : 8GB
- หน่อยความจำ : 128GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง : 8MP, f/1.8, AF
- กล้องหน้า : 5MP, f/2.0
- แบตเตอรี่ : 7040mAh รองรับการชาร์จเร็ว 15W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.1
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 5 (802.11 a/b/g/n/ac) Dual Band
- Bluetooth 5.1
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Gyro Sensor
- Geomagnetic Sensor
- Hall Sensor
- Light Sensor
- ขนาด : 168.7 x 257.1 x 6.9 มม.
- น้ำหนัก : 491 กรัม
- สี : Silver, Navy
- ราคา :
- Wi-Fi : 8,990 บาท
- 5G : 10,990 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องนั้น Galaxy Tab A9+ นั้นจะมาพร้อมหน้าจอ TFT ขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ WUXGA รองรับอัตรารีเฟรชที่ 90Hz นอกจากนี้ยังมีการจัดวางกล้องในแนวนอนช่วยให้การวิดีโอคอลมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวขอบหน้าจอจะมีความหนาเล็กน้อย ช่วยให้การจับถือมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง
ด้านหลังตัวเครื่องจะมาในดีไซน์ดีไซน์เรียบๆ พื้นผิวเป็นโลหะเรียบลื่น ซึ่งสีสันจะมีมาให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือสี Silver และ Navy ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีการจัดวางกล้องไว้ที่มุมด้านบนของตัวเครื่อง
สำหรับขอบโดยรอบเครื่องนั้นที่ด้านบนจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และรูไมโครโฟนอยู่ ที่ด้านล่างจะมีจุดเชื่อมต่อสำหรับใช้เชื่อมต่อกับ Book Cover ที่ทาง Samsung ขายแยกในราคา 1,390 บาท ฝั่งด้านขวาจะมีพอร์ต USB Type-C และรูไมโครณโฟนอยู่ ส่วนลำโพงนั้นจะมีทั้งซ้ายและขวาข้างละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการที่มาพร้อม Galaxy Tab A9+ นั้นจะมาเป็น One UI 5.1 ที่เป็น Android 13 แต่จะแตกต่างจาก One UI ปกติตรงที่มีการปรับแต่ง UI ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนแท็บเล็ต นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก One UI ปกติ แต่เมื่อพูดถึง UI ที่ปรับแต่งมาเพื่อแท็บเล็ตแล้วก็ต้องยอมรับเลยว่า UI ตอนนี้ดูดีกว่าเดิมเยอะเลย
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในส่วนของการใช้งานทั่วไปนั้นด้วยความที่ชิปประมวลผลนั้นมีความแรงมากเกินพอทำให้มีความลื่นไหลเป็๋นอย่างดี แถมด้วยหน้าจอขนาดใหญ่และลำโพง 4 ตัว พลังเสียง Dolby Atmos ทำให้เป็นเครื่องที่เอามาใช้ในด้านความบันเทิงได้เป็นอย่างดี จุดที่นับว่าเสียดายก็คือพาแนลหน้าจอที่ให้มาเป็นจอ TFT ซึ่งสีสันจะไม่ได้สวยสดเท่าจอ IPS ระดับสูง หรือจอ AMOLED แต่นั่นก็จะทำให้แบตเตอรี่ตัวเครื่องมีความอึดถึกทนมากขึ้นเป็นข้อแลกเปลี่ยน ใช้งานเกินวันได้สบายๆ แม้จะถูกหยิบมาใช้งานบ่อยๆ ก็ตาม
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ใครหลายๆ คนต้องการ และเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ใช้งานหน้าจอใหญ่ๆ ได้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยก็คอื DeX Mode ที่แต่เดิมจะจำกัดอยู่ในตระกูล S เท่านั้น ทว่าคราวนี้ได้ลงมาอยู่ในรุ่น A ด้วย ทำให้สามารถใช้งานแบบ Multitask ได้อย่างเต็มที่
ในส่วนของการชาร์จนั้นเราได้ทำการทดสอบโดยจะเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรรี่หมดด้วยชุดชาร์จ 25W ของ Samsung เอง (แต่ตัวเครื่องรองรับชาร์จเร็ว 15W นะ) ใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 5% ครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 18% และถึง 50% ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 18 นาที เมื่อรวมระยะเวลาชาร์จตั้งแต่แบตเตอรี่หมดจนเต็มจะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 3 ชั่วโมง 5 นาที ซึ่งในความเป็นจริงนับว่าใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนานเอาเรื่องทีเดียว แต่เมื่อแลกกับระยะเวลาใช้งานที่ค่อนข้างถึกแล้วก็นับว่าพอยอมหยวนๆ กันได้ แต่ทางที่ดีแนะนำให้ชาร์จทุกคืนตอนนอนจะดีกว่า เผื่อเวลาฉุกเฉินที่ต้องใช้แล้วแบตดันหมดขึ้นมาจะขำไม่ออก
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นด้วยการที่ตัวเครื่องได้ชิปประมวลผลเป็น Snapdragon 695 5G มานั้นนับว่าเป็นชิปที่ใช้ได้ทีเดียว ถึงแม้จะปรับกราฟิกสูงๆ ไม่ค่อยได้ แต่ก็สามารถเล่นได้แทบทุกเกม และที่น่าสนใจคือความร้อนที่ไม่ค่อยสูงเมื่อมีการใช้งานหนักๆ โดยเกมที่เราเอามาทดลองนั้นจะมี RoV, PUBG Mobile, Genshin Imapct และ Eggy Party ทุกเกมสามารถเล่นเกมได้หมด ต่อให้ปรับสุดเท่าที่จะสามารถทำได้เกมก็ไม่กระตุกเลย (ยกเว้น Genshin Imapct ที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องปรับต่ำสุดเพื่อความลื่นไหล)
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นแน่นอนว่าเมื่อเป็นแท็บเล็ตแล้วคุณภาพของรูปยังไงก็สู้มือถือไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถึงจะสู้ไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว แถมที่น่าตกใจก็คือตัวกล้องมีโหมดกลางคืนมาให้ด้วย แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์เท่าไร เนื่องจากถ้าแสงน้อยลงไจนถึงระดับหนึ่งตัวกล้องจะใช้เวลาในการจับภาพนาน 6 วินาที ไม่ว่าจะถ่ายออกมายังไงก็สั่นอย่างแน่นอน เนื่องด้วยตัวเครื่องมีน้ำหนักในระดับหนึ่ง ถือยังไงก็ไม่นิ่งแน่นอนถ้าไม่ใช้ขาตั้งช่วย แต่เมื่อเอามาถ่ายในสภาพแสงปกติหรือแสงเพียงพอ ก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว ทั้งแสง สีสัน ความคมชัด การทำ HDR ก็ถือว่าทำออกมาใช้ได้ทีเดียว
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy Tab A9+
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่า Samsung Galaxy Tab A9+ นั้นเป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงสำหรับคนที่งบไม่เยอะอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง หรือเล่นโซเชียล ก็ทำได้ดี แถมด้วยราคาที่ไม่ได้แพงจนเกินไปก็เลยทำให้ตัวเครื่องมีความน่าสนใจมากยิงขึ้น โดย Galaxy Tab A9+ นั้นจะมีมาให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่น Wi-Fi และรุ่น 5G ซึ่งถ้าไม่ค่อยได้เอาออกไปไหน ใช้งานอยู่กับที่ เลือกรุ่น Wi-Fi ก้เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องหิ้วออกไปนอกสถานที่บ่อยๆ การเพิ่มเงินอีก 2,000 บาท เพื่อเพิ่มโมดูล 5G เข้ามาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลย หากผู้อ่านสนใจสามารถเข้าไปซื้อหรือลองเล่นก่อนได้ที่ Samsung Experience Store และตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา แต่หากไม่สะดวกก็สามารถสั่งซืท้อผ่าน samsung.com ได้เลย
จุดเด่น
- ได้หน้าจอใหญ่ถึง 11 นิ้ว แบบ 90Hz
- ได้ชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G ที่ถึงจะแรงแต่ก็สามารถจัดการพลังงานได้ดี
- มี DeX Mode ให้ใช้งานแล้ว
- แบตเตอรี่ขนาด 7040mAh อึด ถึก ทน ใช้งานได้เกินวัน
- มีตัวเลือกให้ทั้ง Wi-Fi และ 5G เพื่อให้เข้ากับการใช้งาน
ข้อสังเกต
- หน้าจอที่ให้มาเป็นจอ TFT-LCD ทำให้สีสันไม่ได้สวยสดเท่าไร
- ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดใหญ่ ทำให้น้ำหนักตัวเยอะตามไปด้วย
- ตัวเครื่องรองรับชาร์จเร็วแค่ 15W ทำให้ใช้เวลาชาร์จนานพอสมควร