Samsung Galaxy Tab S9 Ultra 5G แท็บเล็ตตัวท๊อปไซส์ใหญ่ใน Galaxy Tab S9 Series ที่เปิดตัวในงาน Galaxy Unpacked 2023 พร้อมๆ กับ Galaxy Z Flip5 และ Galaxy Z Fold5 ซึ่งใน Tab S9 Series นี้เป็นครั้งแรกที่มาพร้อมมาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น IP68 นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว ซึ่งนับว่าใหญ่มาก ใหญ่ระดับโน็ตบุ๊คเลยทีเดียว และจากที่เราได้เอาไปลองใช้งานมานั้นจะเป็นอย่างไรไปชมกันได้เลย
สเปคของ Samsung Galaxy Tab S9 Ultra 5G
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X, ขนาด 14.6 นิ้ว, ความละเอียด 2960 x 1848 พิกเซล (WQXGA+), Refresh Rate 120Hz, รองรับปากกา S-Pen (Gesture/Remote Control)
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- แรม : 12GB
- หน่อยความจำ : 256GB / 512GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 13MP, f/2.0, AF (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2 (ultrawide)
- กล้องหน้า :
- ตัวที่ 1 : 12MP, f/2.2 (wide)
- ตัวที่ 2 : 12MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)
- แบตเตอรี่ : 11200 mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W Super Fast Charge
- ระบบปฏิบัติการ : One UI 5.1.1 บนพื้นฐาน Android 13
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Sub-6GHz
- Wi-Fi 6e
- Bluetooth 5.3
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- USB Type-C 3.2 Gen 1
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Fingerprint Sensor
- Gyro Sensor
- Geomagnetic Sensor
- Hall Sensor
- Light Sensor
- ขนาด : 208.6 x 326.4 x 5.5 มม.
- น้ำหนัก : 737 กรัม
- สี : Graphite
- ราคา :
- 256GB : 49,900 บาท
- 512GB : 55,900 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในด้านดีไซน์นั้นหน้าจอนับว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ด้วยจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่สุดๆ ถึง 14.6 นิ้ว ซึ่งมีความละเอียดระดับ WQXGA+ และมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz โดยการออกแบบหน้าจอนั้นจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานแนวนอนเป็นหลักด้วย Notch ที่วางอยู่บนขอบแนวนอน และใน Notch นั้นจะมีกล้องกลักและกล้องอัลตร้าไวด์อยู่ภายใน สำหรับขอบหน้าจอนั้นเมื่อเทียบกับตัวจอแสดงผลแล้วนับว่าน้อยมาก ทำให้เวลาจับถือมือจะเลยออกมาที่ตัวหน้าจอเล็กน้อย
สำหรับหลังเครื่องจะมีในโทนเดียวกันกับ Galaxy Tab S9 Series ทุกรุ่น ด้วยสี Graphite ดีไซน์เรียบๆ มีการวางกล้องหลังทั้ง 2 ตัวเอาไว้ที่มุมด้านบน และถัดไปด้านข้างจะเป็นจุดติด / เก็บปากกา S-Pen นอกจากนี้จะมีข้อความอยู่ที่มุมบนเป็นโลโก้ Samsung และข้อความ “Sound By AKG” เพื่อบอกว่าลำโพงเครื่องouhได้รับการปรับแต่งจากทาง AKG สำหรับคนที่สงสัยถึงลวดลายที่ริมขอบเครื่องด้านซ้ายและขวาแล้ว มันคือจุดสำหรับไว้ให้สัญญาณผ่านตัวเครื่องนั่นเอง เนื่องจากสัญญาณไม่สามารถผ่านตัวเครื่องที่เป็นโลหะได้ จึงต้องมีจุดที่ไม่ใช่โลหะเพื่อให้สัญญาณสามารถผ่านได้นั่นเอง
สำหรับขอบตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยมที่มีความหนาเพียง 5.5 มม. ซั่งนั้นนับว่าเป็นความหนาที่เรียกได้ว่าบางจัดเมื่อเทียบกับตัวเครื่องและแบตเตอรี่ที่ให้มา โดยปุ่มทั้งหมดไม่ว่าจะปุ่มเปิด-ปิดหรือปุ่มปรับระดับเสียงจะรวมอยู่ที่ขอบด้านบนริมฝั่งซ้าย ถัดไปด้านข้างจะมีรูไมโครโฟนอยู่อีก 2 ตัว และมีช่องใส่ซิม/MicroSD อยู่ที่ขอบบนริมขวา ด้านล่างจะมี POGO Pin และตัวล็อคสำหรับเสียบเคสคีย์บอร์ด ด้านซ้ายมีรูไมโครโฟนและลำโพง 2 ตัว ส่วนที่ด้านขวาจะมีพอร์ต USB-C และลำโพงอีก 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการใน Galaxy Tab S9 Ultra จะมาพร้อม One UI 5.1.1 ที่พัฒนาบนพื้นฐาน Android 13 ซึ่ง One UI ใน Galaxy Tab นั้นจะมี UI ที่แตกต่างไปจาก One UI บนสมาร์ทโฟน Galaxy เล็กน้อย เนื่องจากจะมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการเป็นแท็บเล็ตมากยิ่งขึ้น และหากไม่พอใจกับ UI ที่ทาง Samsung เซ็ตมาให้ก็สามาถรไปโหลดแอปฯ Good Lock มาเพิ่มเพื่อปรับแต่งเครื่องให้เป็นไปตามที่ต้องการได้เลย (ฟรีด้วยนะ)
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานต่างๆ นั้นสำหรับการเล่นโซเชียลและความบันเทิงนั้นบอกเลยว่าลื่นและเต็มตามากๆ แต่ที่ดูโดดเด่นสุดก็คือการใช้ดูหนัง / ดูคลิปต่างๆ ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่สุดๆ ถึง 14.6 นิ้ว และลำโพง 4 ตัวที่ปรับแต่งโดย AKG ทำให้ได้อรรถรสเต็มที่ ดูได้ไม่ปวดตา ไม่ต้องเพ่งตามองด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่ถ้าใช้มือถือนานๆ รับรองมีปวดแน่ ทว่าถึงแม้มันจะหนัก 737 กรัม แต่เมื่อมองขนาดแบตเตอรี่แล้วก็นับว่าไม่ได้เยอะมากนัก แถมยังมีการออกแบบจุดศูนย์ถ่วงได้ดีอีกด้วย นอกจากนียังมีอีกสิ่งที่ทำให้ Samsung Galaxy Tab S9 Ultra มีความพิเศาเหนือแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ เลยก็คือความสามารถในการกันน้ำ-กันฝุ่นระดับ IP68 ทำให้ถึงต่อให้เผลอทำตกน้ำไปก็หายห่วง
นอกจากนี้เราได้เอาไปลองใช้งานแบบต่างๆ ทั้งตัดต่อ จดโน็ต หรือเอามาเขียนบทความ เครื่องนี้ก็ทำได้สบาย ตัดคลิปสั้น 1 นาที ใช้เวลาเรนเดอร์ออกมาเป็น 1080P ไม่ถึง 20 วินาที (เอาไปอัพขึ้น Reels, Tiktok) ส่วนในการใช้เขียนบทความต้องบอกเลยว่าหน้าจอใหญ่ระดับโน๊ตบุ๊คทำให้ได้มุมมองแบบเดียวกับบนคอม จะแบ่งจอใช้งานก็ทำได้สบาย เพียงแต่ตอนที่ได้เครื่องมาไม่ได้เคสคีย์บอร์ดมาด้วย เลยต้องไปพึ่งคีย์บอร์ดแบบไร้สายแทน ซึ่งพอใช้งานไปสักพักก็จะให้ความรู้สึกคล้ายคอมพิวเตอร์กลายๆ เลยครับ
สำหรับตัวแบตเตอรี่ในตัวเครื่องจะมีขนาด 11200mAh เอาไปลองใช้ทำงานนอกสถานที่ 1 วันนอกจากนั้นก็ใช้เป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก รระยะเวลาแบตเตอรี่ 1 ชาร์จเต็มๆ ผู้เขียนสามารถดึงได้ราวๆ 4 วันเต็มๆ ซึ่งบอกเลยว่าสมแล้ว ส่วนการรชาร์จนั้นตัวเครื่องจะรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 45W แต่เราได้ใช้ชุดชาร์จ 25W แท้จาก Samsung มาชาร์จแทนเนื่องจากเป็นชุดชาร์จที่ราคาไม่แพงใครๆ ก็ซื้อได้ โดยได้เริ่มชาร์จตอนแบตเตอรรี่เหลือ 1% ใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 9% เมื่อครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่ 25% ถึง 50% ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 7 นาที และถึง 80% ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 51 นาที เมื่อรวมเวลาชาร์จจาก 1% – 100% จะใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 33 นาที ซึ่งเมื่อมองระยะเวลาที่ใช้ไปในการชาร์จแล้วต้องบอกว่า “มันก็ต้องประมาณนี้แหละ” กับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขนาดนั้น
การเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมนั้นด้วยตัวชิป Snapdragon 8 Gen 2 นั้นบอกเลยว่าสามารถใช้เล่นเกมได้ทุกเกม แต่ด้วยขนาดหน้าจอและน้ำหนักแล้วบอกเลยว่าลำบากใช้ได้ แค่ถือเล่นแปปเดียวก็ปวดแขนเลย แต่ถ้าสามารรถวางหรือตั้งเล่นได้ก็สบายไป โดยเกมที่เราได้เอามาลองเล่นนั้นจะมี RoV, PUBG Mobile, Genshin Impact และ Digimon World – Tamer Adventure (เป็นเกม Exclusive บน Galaxy Store) ซึ่งเกือบทุกเกมยกเว้น Digimon ต้องถือเล่นเป็นหลักและบอกเลยว่าพอเล่นเสร็จผู้เขียนถึงกับต้องทายาแก้ปวดที่แขนกันเลยทีเดียว ซึ่งทางผู้เขียนก็ได้ลองหาทางแก้ด้วยการลองเอาจอยคอนโทรลเลอร์มาเชื่อมต่อแล้ว แต่ทว่าตัวเกมจะมองไม่เห็นจอย ต้องมีการเรียกผ่านโปรแกรมเสริมอีกชั้น ซึ่งบอกเลยว่ายุ่งยากสุดๆ จึงไม่ค่อยแนะนำให้เอามาเล่นเกมที่ต้องถือเป็นหลัก
การถ่ายภาพ
ในด้านการถ่ายภาพนั้นโดยพื้นฐานเราจะไม่ได้คาดหวังอะไรกับกล้องบนแท็บเล็ตมากนักเพราะคุณภาพของรูปที่ได้มักจะขัดกับราคาเครื่องอยู่แล้ว ทว่ารูปของแท็บเล็ตระดับเรือธงนั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดา โดยบนตัวเครื่องจะมีกล้องหน้าและกล้องหลังอย่างละ 2 ตัวเป็นกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์เหมือนกัน ถึงความละเอียดจะไม่เท่ากันก็ตาม สำหรับกล้องหลังจะประกอบไปด้วยกล้องความละเอียด 13MP และ 8MP ตามลำดับ ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้องความละเอียด 12MP ทั้งคู่ และที่น่าสนใจคือมีไฟแฟลช LED มาให้ด้วยนั่นเอง สำหรับคุณภาพรูปนั้นทั้งรายละเอียดและความคมชัดก็ทำออกมาได้ดี ไม่ได้ต่างจากสมาร์ทโฟนราคาหลักหมื่นเลย แถมยังละลายหลังได้เนียนไม่กินขอบอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy Tab S9 Ultra 5G
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นบอกเลยว่า Samsung Galaxy Tab S9 Ultra 5G เป็นแท็บเล็ตที่เหมาะกับการเอามาใช้ทำงานมากกว่าไม่ว่าจะเป็นสายครีเอเตอร์หรือไม่ก็สายเอกสาร ด้วยขนาดและน้ำหนักตัวเครื่องไม่ค่อยเหมาะจะเอาไปเล่นเกมเท่าไร ถึงแม้ชิปจะแรงพอก็ตาม แต่ด้วยราคาที่นับว่าสูงพอๆ กับขวัญใจสายครีเอเตอร์อย่าง iPad Pro 12.9 อยู่พอสมควร ทว่าทาง Samsung จะมีราคาเครื่องที่ถูกกว่าและอุปกรณ์เสริมถูกกว่าด้วย จะบอกว่าเหมาะกับคนที่อยากประหยัดแต่อยากได้ความสามารถในระดับเดียวกันก็ได้
จุดเด่น
- จอ Dynamic AMOED 2X 120Hz ขนาดใหญ่ถึง 14.6 นิ้ว
- ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2
- มีความจุให้เลือกสูงสุด 512GB แถมยังเพิ่ม MicroSD ได้อีกถึง 2TB
- ได้แบตเตอรี่มาใหญ่ถึง 11200mAh ที่สามารถใช้งานได้หลายวันโดยไม่ต้องชาร์จ
- มีลำโพง 4 ตัวที่ได้รับการปรับแต่งโดย AKG
- รองรับการใช้งานทุกรูปแบบจะตัดต่อหรือวาดรูปก็ได้
- มาพร้อมปากกา S-Pen ในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่และน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะทำให้ถือใช้งานลำบาก
- ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ทำให้ต้องใช้เวลาในการชาร์จค่อนข้างนาน
- อุปกรณ์เสริมหายาก จะเจอง่ายแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ samsung.com/th รวมถึงสามารถซื้อเคสแบบ Book Cover Keyboard Slim เพิ่มได้ในราคา 6,990 บาท หรือถ้าไม่อยากได้ Keyboard ก็สามารถซื้อเป็นเคส Smart Book Cover ได้ในราคา 3,490 บาท
สำหรับผู้ที่สงสัยว่า Samsung Galaxy Tab S9 Ultra ใหญ่ขนาดไหน ผู้เขียนเลยเอามาเทียบกับขนาดตัวที่เรียกได้ว่าใหญ่เพราะอ้วน (120KG ใส่เสื้อ 5XL) ซึ่งเมื่อถือแล้วความกว้างนี่เท่าๆ กับตัวผู้เขียนดังภาพเลยทีเดียว