Samsung Galaxy A54 สมาร์ทโฟนรุ่นกลางตัวใหม่ล่าสุดประจำปี 2023 จาก Samsung ที่เปิดตัวมาด้วยสเปคที่อีกนิดก็จะถึงขอบเขตเรือธงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz ที่สว่างมากถึง 1,000 nits หรือกล้องหลังที่มีระบบโฟกัสอันรวดเร็วแบบเดียวกับเรือธง แค่นี้ก็นับว่าคุ้มแล้วกับราคาค่าตัวที่ 13,999 บาท นอกจากนี้ยังมีโปรจองที่จะได้รับการอัปเกรดความจุเป็น 256GB ที่ไม่สามารถหาซื้อทั่วไปได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องที่คุ้มที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ และเครื่องนี้ก็ได้มาอยู่ในมือทีมงาน Specphone แล้ว หลังจากที่เราได้เอาไปลองเล่นมาระยะหนึ่ง เราจะมาเล่าให้ฟังว่าตัวเครื่องและการใช้งานเป็นอย่างไร
สเปคของ Samsung Galaxy A54
- หน้าจอ : Super AMOLED, ขนาด 6.4 นิ้ว, ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1000 nits, รองรับ Vision Booster, ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 5
- ชิปประมวลผล : Samsung Exynos 1380
- แรม : 8GB รองรับ RAM Plus 8GB
- ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.8, OIS + VDIS (wide)
- ตัวที่ 2 : 12MP, f/2.2, 123˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3 : 5MP, f/2.4 (macro)
- กล้องหน้า : 32MP, f/2.2
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh พร้อมด้วยระบบชาร์จเร็ว 25W Super Adaptive Fast Charging
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย OneUI 5.1
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.3
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Fingerprint Sensor (ใต้หน้าจอ)
- Gyro Sensor
- Geomagnetic Sensor
- Hall Sensor
- Light Sensor
- Virtual Proximity Sensing
- ขนาด : 158.2 x 76.7 x 8.2 มม.
- น้ำหนัก : 202 กรัม
- สี : Graphite , Lime, Violet, White
- ราคา : 13,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องนั้นหน้าตาเรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก Galaxy S23 ที่เป็นรุ่นเรือธงเลยทีเดียว โดยด้านหลังเครื่องจะมาแบบเรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไร มีการจัดวางกล้องเป็นแนวตรง แต่สิ่งที่นับเป็นเอกลักษณ์คือสีตัวเครื่องซึ่งจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ Graphite, Lime, Violet และ White ซึ่งที่เราได้มาคือสี Lime นั่นเอง โดยในสี Lime นี้จะเป็นสีที่ออกเขียวอ่อนๆ ดูเงางามด้วยกระจกครอบหลังเครื่อง ตัดด้วยขอบสีเขียวเมทัลลิค ช่วยเพิ่มความสวยงามให้ตัวเครื่อง เลนส์กล้องทั้ง 3 มีความนูนสูงขึ้นมาจากตัวเครื่องพอสมควร โดยมีขอบโลหะครอบอยู่ชั้นนอก ช่วยป้องกันตัวเลนส์ได้ในระดับหนึ่ง ถัดมาด้านข้างจะเป็นไฟแฟลช LED และที่ด้านล่างเครื่องจะมีโลโก้ SAMSUNG อยู่ แต่จะมาด้วยสีจางๆ ที่แทบมองไม่เห็น
ในส่วนของหน้าจอนั้นเป็นจอแบบ Punch Hole Display ที่ใช้พาแนลเป็น Super AMOELD มีขนาดอยู่ที่ 6.4 นิ้ว ซึ่งมีขอบจอที่ค่อนข้างบางทุกด้าน ตัวหน้าจอมีความละเอียดอยู่ที่ระดับ FHD+ และมีอัตรารีเฟรชอยู่ที่ 120Hz แต่ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของเครื่องนี้เลยก็คือความสว่างหน้าจอที่สูงถึง 1,000 nits ด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ทำให้ได้ความสว่างที่สูงกว่าปกติมาก ครอบทับด้วยกระจกกันรอบ Gorilla Glass 5 ในรูกล้องจะมีกล้องหน้าความละเอียด 32MP อยู่ และถัดขึ้นไปจะมีลำโพงที่เอาไว้ใช้สนทนาซึ่งจะทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงสเตอริโออีกตัวด้วย
ที่ขอบตัวเครื่องนั้นฝั่งซ้ายจะไม่มีอะไรเลย โดยปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวาไใ่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิด ส่วนด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิมแบบ Hybrid-slot และมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ ส่วนด้านล่างจะมีพอร์ตชาร์จ Type-C, รูไมโครโฟน และลำโพงเครื่องอยู่
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการที่มาในกล่องจะเป็น One UI 5.1 ที่เป็น Android 13 ถึงตัว UI ต่างๆ จะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่ตั้งแต่ One UI 5.0 ขึ้นมา ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเครื่องได้มากขึ้นผ่านแอปฯ Good Lock ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Galaxy Store
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานนั้นอย่างแรกเลยก็คือการจับถือ ต้องบอกว่า Galaxy A54 เป็นเครื่องที่มีความกระทัดรัดดี ขนาดไม่ได้ใหญ่จนถือลำบาก ทำให้เวลาหยิบเครื่องขึ้นมาเล่นระหว่างเดินทางมีความคล่องตัว แถมยังสามารถถือเล่นมือเดียวได้อีกด้วย แต่ด้วยความที่ทั้งตัวเป็นโลหะและกระจกทำให้ตัวเครื่องค่อนข้างมีน้ำหนักพอสมควร หากถือนานๆ ก็จะมีเมื่อยนิดๆ บ้าง สำหรับความลื่นไหลนั้นเวลาเล่นโซเชียลก็มีความลื่นไหลดี ภาพไม่เป็นคลื่นเลย ในการดูหนังเองก็เรียกว่าดี ถึงขนาดหน้าจอจะทำให้ดูได้ไม่สะใจเท่าไร แต่ด้วยลำโพงคู่แบบสเตอริโอทำให้ได้อรรถรสพอสมควร
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่ให้มากับชิปประมวลผล Exynos 1380 และหน้าจอเทคโนโลยี Vision Booster ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งวันแบบสบายๆ แถมเวลาใช้งานหนักๆ ก็ไม่ค่อยร้อนด้วย สำหรับการชาร์จนั้นเราเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่หมดเกลี้ยง (ชาร์จในสภาพปิดเครื่องไว้แบบนั้น) ด้วยอะแดปเตอร์ชาร์จขนาด 25W ของ Samsung โดยใน 10 นาทีแรก แบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 17% และขึ้นมาถึง 50% ภายในเวลา 28 นาที เมื่อรวมระยะเวลาชาร์จจาก 0% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 18 นาที ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาทั่วๆ ไปสำหรับสมาร์ทโฟนของ Samsung
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นด้วยชิป Exynos 1380 นั้นในด้านความแรงถือว่าทำออกมาได้ดี สามารถใช้เล่นเกมได้ทุกรูปแบบ แต่ทว่าในบางเกมจะไม่สามารถปรับกราฟิกสูงๆ ได้ และในบางเกมก็ไม่รองรับกราฟิกสูงๆ ด้วยอย่างเช่น PUBG Mobile ที่ไม่สามาถรปรับกราฟิกได้สูงเกินไปกว่า HD เฟรมเรท High ได้ และต่อให้ปรับกราฟิกต่ำสุดก็ไม่สามารถดันเฟรมเรทขึ้นไปสูงกว่า High ได้เลย ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ทราบว่าทางตัวเกมจะมีการอัปเดตเพิ่มให้ทีหลังไหม ส่วน Genshin Impact นั้นสามาถเล่นเกมแบบลื่นๆ เลยด้วยเงื่อนไขการตั้งค่ากราฟิกที่ระดับต่ำเท่านั้น ถ้าสูงกว่านี้จะเริ่มมีอาการกระตุกเล็กๆ และหากปรับสุด ภาพจะกระตุกรุนแรงมาก แถมยังร้อนเร็วมากๆ อีกด้วย
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นเรียกว่าเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรุ่นนนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยระบบโฟกัสใหม่ที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยกล้องที่มห้มานั้นจะมีทั้งหมด 3 เลนส์ที่ปนะกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่มาพร้อมระบบกันสั่น OIS และ VDIS, กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 12MP และกล้อง Macro ความละเอียด 5MP ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้องความละเอียด 32MP ซึ่งจากทีไ่ด้เอาไปลองถ่ายมานั้น ในส่วนของกล้องหลังเรียกได้ว่าดีในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันแดดจัดหรือตอนกลางคืนแสงน้อยๆ ก็สามารถเก็บรายละเอียดมาได้อย่างครบถ้วนและคมชัด ในเรื่องการละลายหลังเองก็๋เรียบเนียน แต่จุดที่น่าเสียดายก็คือกล้องหน้าเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อย ในสภาพที่ไม่ได้มืดมากนัก แต่ภาพที่ได้ก็นับว่าเบลอพอสมควร หากอยากเซ,ฟี่ในที่แสงน้อบอาจจะต้องพึ่งขาตั้งกล้องช่วยสักหน่อย สำหรับการถ่ายวิดีโอนั้นตัวเครื่องรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K @30fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และด้วยการที่มีระบบกันสั่น VDIS ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอได้นิ่งสนิทไม่ว่าจะอยยู่ในสภาพแสงไหนก็ตาม
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy A54
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอา Samsung Galaxy A54 ไปลองใช้งานมาระยะหนึ่ง ต้องบอกเลยว่า Galaxy A54 เครื่องนี้เป็นเครื่องที่เรียกได้ว่าคุ้มที่สุดของ Samsung เลยก็ว่าได้ เพราะสเปคหลายๆ อย่างก็ใกล้เคียงกับเรือธง แต่ราคาเครื่องดันไม่เกิน 15,000 บาท จะเอามาใช้เล่นเกมก็ได้ ถ่ายรูปก็สวย พกพาก็สะดวก ครบทุกอย่าง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวัยรุ่นหรือวันทำงานที่ต้องการสมาร์นโฟนขนาดพกพาแต่มากความสามารถ ถึงแม้จะมีหลายๆ คนที่ไม่ค่อยโอเคกับการที่ใช้ชิปประมวลผล Exynos เท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเครื่องที่ดีเครื่องหนึ่งเลย
สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ samsung.com/th และสามารถไปลองจับตัวเครื่องจริงได้ที่ Sasmung Shop และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ได้แล้ว
จุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่องเป็นแบบเดียวกับสมาร์นโฟนของ Samsung ที่เปิดตัวในปี 2023 ทำให้ดูไม่ล้าสมัยเร็ว
- หน้าจอมีเทคโนโลยี Vision Booster ทำให้มีความสว่างมากกว่า แสดงผลได้ดีกว่า แต่กินไฟน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ
- กล้องหลัง 50MP ที่มาพร้อมระบบกันสั่น OIS และ VDIS ทำให้เวลาถ่ายภาพหรือวิดีโอมีความนิ่งอย่างมาก
- ระบบโฟกัสมีความรวดเร็วกว่าทุกรุ่นที่ผ่านๆ มา
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่สามารถใช้งานเกินวันได้สบายๆ
- มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับขนาดตัว
- กล้องหน้าเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อยแล้วจะสูญเสียความคมชัดไปพอสมควร
- ชิป Exynos 1380 ยังไม่ได้รับการปรับแต่งให้เข้ากับเกมหลายๆ เกม ทำให้ไม่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้ทั้งหมด