เปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 แตกต่างกันอย่างไรและรุ่นไหนเหมาะกับใครมากกว่ากันในปี 2023
ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาหลังจากการเปิดตัว iPhone 14 Series รุ่นใหม่ล่าสุดกันไปแล้ว นอกจากนั้นก็ยังมีการเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ออกมาด้วยนั่นก็คือ Apple Watch SE (รุ่นที่ 2), Apple Watch 8 และ Apple Watch Ultra ถ้าไม่นับรุ่นที่เหมาะกับสายลุยแบบเอ็กซ์ตรีมอย่าง Ultra แล้ว ก็เหลือรุ่นที่ใช้งานแบบทั่วไปอยู่สองรุ่นคือ SE และรุ่นที่ 8 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ก็มีความแตกต่างทั้งด้านขนาด สเปค ฟีเจอร์การใช้งาน และราคาที่ต่างกันลิบลับเลยด้วย สำหรับคนที่สนใจจะซื้อ Apple Watch ในตอนนี้และยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีระหว่าง Apple Watch SE vs Apple Watch 8 ให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 ทั้งขนาด สเปค ฟีเจอร์ และอื่นๆ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร รุ่นไหนเหมาะกับใคร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนมากกว่ากันในปี 2023
เปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8
- เปรียบเทียบตัวเครื่อง
- เปรียบเทียบหน้าจอ
- เปรียบเทียบฟีเจอร์และเซ็นเซอร์การวัดค่าต่างๆ
- เปรียบเทียบแบตเตอรี่ และราคาล่าสุด
สรุปสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 รุ่นไหนเหมาะกับใครมากกว่ากัน
ขนาดต่างกัน ความแข็งแรงก็ต่างกันตามไปด้วย
เปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 กันที่ขนาดและตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นกันก่อนเลย ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีขนาดตัวเรือนให้เลือกต่างกันทั้งรุ่นเรือนเล็กและใหญ่เลย นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ใช้วัสดุต่างกัน รวมไปถึงความแข็งแรงในการใช้งานที่ต่างกันตามไปด้วย อย่างแรกก็คือ Apple Watch SE นั้นมีให้เลือกอยู่ด้วยกันสองขนาดคือ 40 มม./ 44 มม. มาพร้อมตัวเรือนแบบอะลูมิเนียม และฝาหลังเป็นวัสดุผสมไนลอนและผลึกแซฟไฟร์ที่ให้สีสันเข้ากันทั้งเรือน ส่วนกระจกหน้าเป็นแบบ Ion-X ทั้งรุ่น GPS และ GPS + Cellular ทำให้รุ่นนี้มีน้ำหนักที่เบามากๆ เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป
ส่วนอีกรุ่นคือ Apple Watch 8 ก็มีให้เลือกสองขนาดเหมือนกันแต่เป็นขนาด 41 มม./ 45 มม. ที่ใหญ่กว่าตัว SE และมีฐานแบน อีกทั้งยังมีตัวเรือนให้เลือกสองแบบคือแบบอะลูมิเนียมพร้อมกระจกหน้า Ion-X ในรุ่น GPS กับ GPS + Cellular และแบบสแตนเลสสตีลพร้อมด้านหน้าแบบผลึกแซฟไฟร์ที่มีความแข็งแรงที่มีในรุ่น GPS + Cellular เท่านั้น ส่วนด้านหลังเป็นวัสดุผสมไนลอนและผลึกแซฟไฟร์เหมือนกัน นอกจากนี้ยังกันฝุ่นได้ที่ระดับ IP6X อีกด้วย จึงทำให้รุ่นนี้มีน้ำหนักที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมากกว่า แต่ก็ยังถือว่าใช้งานในชีวิตประจำวันได้เหมือนกัน โดยทั้งสองรุ่นสามารถทนน้ำได้ 50 เมตรเท่ากันด้วย
Apple Watch SE Apple Watch 8 ขนาด 40x34x10.7 มม. (40 มม.)
44x38x10.7 มม. (44 มม.)41x35x10.7 มม. (41 มม.)
45x38x10.7 มม. (45 มม.)น้ำหนัก 40 มม.
26.4 กรัม (รุ่น GPS)
27.8 กรัม (รุ่น GPS + Cellular)
44 มม.
32.9 กรัม (รุ่น GPS)
33.0 กรัม (รุ่น GPS + Cellular)41 มม.
31.9 กรัม (อะลูมิเนียม, รุ่น GPS)
31.9 กรัม (อะลูมิเนียม, รุ่น GPS + Cellular)
42.3 กรัม (สแตนเลสสตีล)
45 มม.
38.8 กรัม (อะลูมิเนียม, รุ่น GPS)
39.1 กรัม (อะลูมิเนียม, รุ่น GPS + Cellular)
51.5 กรัม (สแตนเลสสตีล)วัสดุ อะลูมิเนียม
กระจกหน้า Ion-X
ทนน้ำ 50 เมตรอะลูมิเนียม กระจกหน้า Ion-X
สแตนเลสสตีล ด้านหน้าผลึกแซฟไฟร์
ทนน้ำ 50 เมตร
ทนฝุ่นระดับ IP6Xสี มิดไนท์, สตาร์ไลท์, เงิน มิดไนท์, สตาร์ไลท์, เงิน, แดง, กราไฟต์, ทอง
หน้าจอแบบเดียวกันแต่ต่างกันที่ฟีเจอร์ใช้งาน
สำหรับการเปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 ที่หน้าจอของทั้งสองรุ่นนี้มีความเหมือนกันตรงที่หน้าจอเป็น Retina แบบ LTPO OLED พร้อมความสว่างได้ 1,000 นิตทั้งคู่ แต่ความแตกต่างของทั้งสองรุ่นนี้ก็คือตัว Apple Watch 8 นั้นมีฟีเจอร์ Always-on Display หรือหน้าจอติดตลอดเวลา และยังมีจอภาพแบบขอบจรดขอบ จึงทำให้หน้าจอนั้นดูกว้างใหญ่กว่ารุ่น SE ถึงเกือบ 20% เลยทีเดียว ไม่วาจะพิมพ์ตอบกลับหรือปัดหน้าจอก็ทำได้ง่ายกว่า ในขณะที่ตัว Apple Watch SE จะหน้าจอสว่างขึ้นมาเมื่อยกข้อมือขึ้นมาเท่านั้น จึงอาจเหมาะกับคนที่ไม่ได้อยากดูจอตลอดเวลาแค่เอาไว้ดูเมื่อใช้งานเฉยๆ ส่วนการใช้งานอื่นๆ ทั้งการปรับแต่งหน้าปัด รับสายและอื่นๆ ทำได้เหมือนกันหมด
Apple Watch SE Apple Watch 8 หน้าจอ Retina แบบ LTPO OLED Retina แบบ LTPO OLED
Always-on Display
ขอบจอแคบสว่าง 1,000 นิต 1,000 นิต ขนาดพิกเซล 40 มม.
324×394, 759 ตร.มม.
44 มม.
368 x 448, 977 ตร.มม.41 มม.
352×430, 904 ตร.มม.
45 มม.
396×484, 1,143 ตร.มม.
รุ่นเริ่มต้นกับรุ่นใหญ่วัดอะไรก็ต่างกัน
มาดูที่จุดต่างกันมากที่สุดของการเปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 จากทั้งสองรุ่นนี้ และถือว่าเป็นจุดสำคัญในการเลือกซื้อ กับความเหมาะสมในการใช้งานของทั้งสองรุ่นนี้แล้วก็ว่าได้ แต่ก่อนอื่นเรามาดูจุดที่ทั้งสองรุ่นนี้มีเหมือนกันก่อน นั่นก็คือตัวชิป SiP รุ่น S8 แบบ Dual-core ความจุ 32GB กับชิประบบไร้สาย W3 พร้อม Digital Crown ที่มีการตอบสนองแบบสั่นและ GPS ย่าน L1 ที่เป็นจุดหลักๆ ที่เหมือนกันทั้งหมด นอกจากนี้ก็ยังมีเซนเซอร์บางอย่างที่ทำงานได้เหมือกันด้วย แต่จะมีทั้งฟีเจอร์และเซ็นเซอร์การวัดค่าที่ต่างกันหลายอย่างทีเดียว โดยเราจะแบ่งเซนเซอร์และฟีเจอร์ต่างๆ ได้ตามตารางดังนี้
Apple Watch SE Apple Watch 8 ชิป SiP รุ่น S8 แบบ Dual-core
ความจุ 32GB
ชิประบบไร้สาย W3SiP รุ่น S8 แบบ Dual-core
ความจุ 32GB
ชิประบบไร้สาย W3
ชิป U1 (Ultra-Wideband)เซ็นเซอร์
และฟีเจอร์การใช้งานGymKit
ลำโพงและไมโครโฟน รุ่นที่ 2
เข็มทิศ
มาตรวัดความสูง
ไจโรสโคป
การตรวจจับการชนกัน
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 2
การตั้งค่าครอบครัว
การใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
SOS ฉุกเฉิน
โทรฉุกเฉินทั่วโลก
ตรวจจับการล้ม
ตรวจสอบเสียงรบกวน
ติดตามการเดิน
แจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจ
การนอนหลับ
ติดตามรอบเดือน
ปรับแต่งการออกกำลังกาย
แอปแผนที่
รีโมทกล้อง
การทานยา
กระเป๋าสตางค์
Siri
ค้นหาของต่างๆ
แอปบ้าน
โหมดประหยัดพลังงาน
เชื่อมต่อแอปต่างๆGymKit
ลำโพงและไมโครโฟน รุ่นที่ 3
เข็มทิศ
มาตรวัดความสูง
ไจโรสโคป
การตรวจจับการชนกัน
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3
วัดอุณหภูมิ
วัดออกซิเจนในเลือด
การตั้งค่าครอบครัว
การใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
SOS ฉุกเฉิน
โทรฉุกเฉินทั่วโลก
ตรวจจับการล้ม
ตรวจสอบเสียงรบกวน
ติดตามการเดิน
แจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจ
การนอนหลับ
ติดตามรอบเดือน
การคาดคะเนช่วงไข่ตก
แอปออกซิเจนในเลือด
ปรับแต่งการออกกำลังกาย
แอปแผนที่
รีโมทกล้อง
การทานยา
กระเป๋าสตางค์
Siri
ค้นหาของต่างๆ
แอปบ้าน
โหมดประหยัดพลังงาน
เชื่อมต่อแอปต่างๆการเขื่อมต่อ LTE และ UMTS (รุ่น GPS + Cellular)
WiFi 2.4GHz
Bluetooth 5.3LTE และ UMTS (รุ่น GPS + Cellular)
WiFi 2.4GHz, 5GHz
Bluetooth 5.3
*จุดที่เป็นตัวหนาคือจุดที่ต่างกัน
แบตอึดพอกันแต่การชาร์จและราคาต่างกัน
ปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบ Apple Watch SE vs Apple Watch 8 ที่การใช้งานของแบตเตอรี่นั้นทาง Apple ได้มีการอ้างอิงจากการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2022 ว่าสามารถใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมงทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น GPS หรือ GPS + Cellular แต่การวัดเหล่านี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้ 18 ชั่วโมงเป๊ะๆ เพราะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยว่าใช้งานหนักหน่วงหรือใช้งานน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ก็ยังมีโหมดประหยัดพลังงานที่ทำให้ใช้งานได้นานขึ้นด้วย ส่วนการชาร์จสามารถชาร์จด้วย Apple USB-C ทั้งคู่ แต่ว่า Apple Watch 8 รองรับการชาร์จเร็วที่ 20W ด้วย ทำให้รุ่นนี้สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลาประมาณ 1.30 นาที แต่ว่ารุ่น SE นั้นจะชาร์จเต็มได้ในเวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของราคาของทั้งสองรุ่นนี้ต่างกันเยอะทีเดียว แค่รุ่นเริ่มต้นก็ต่างกันถึง 6,000 บาทแล้ว มีราคาแต่ละรุ่นเริ่มต้นดังนี้
สั่งซื้อแต่ละรุ่นพร้อมเลือกสายที่นี่
Apple Watch SE | Apple Watch 8 | |
แบตเตอรี่ | สูงสุด 18 ชั่วโมง USB-C | สูงสุด 18 ชั่วโมง USB-C รองรับชาร์จเร็ว |
ราคา | รุ่น GPS เริ่มต้น 9,900 บาท รุ่น GPS + Cellular เริ่มต้น 11,900 บาท | รุ่น GPS เริ่มต้น 15,900 บาท รุ่น GPS + Cellular เริ่มต้น 19,900 บาท |
สรุปสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 รุ่นไหนเหมาะกับใครมากกว่ากัน
สำหรับการเปรียบเทียบสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 จากทั้งตัวเรือน สเปคต่างๆ รวมไปถึงการใช้งานและฟีเจอร์ทั้งหมดนั้น ก็พอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่า Apple Watch SE นั้นเหมาะกับการใช้งานแบบเป็นรุ่นเริ่มต้น เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ Apple Watch ที่เอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป โดยที่ไม่ได้เน้นการวัดที่ครบเครื่องทั้งหมด รวมไปถึงการดูหน้าจอที่ไม่จำเป็นต้องเปิดตลอดเวลา อาจจะซื้อให้เด็กๆ หรือผู้ใหญ่ในครอบครัวใช้งาน เพราถึงแม้ว่าจะไม่มี iPhone ก็ยังเชื่อมต่อเพื่อตั้งค่าแบบครอบครัวเพื่อการควบคุมและแจ้งเตือนระยะไกลได้เหมือนกัน
ส่วนใครที่อยากใช้งานแบบเต็มที่ทุกฟีเจอร์ก็แนะนำว่า Apple Watch 8 นั้นเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการวัดค่าต่างๆ ในการออกกำลังกายหรือออกไปข้างนอก อีกทั้งยังมีรุ่นที่เป็นสแตนเลสสตีลที่แข็งแรงกว่า และถ้าไม่นับเรื่องการวัดค่าต่างๆ แล้ว รุ่นนี้ก็มีตัวเรือนใหญ่และหน้าจอที่กว้างกว่า ดูหรือพิมพ์ข้อความได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังมี Always-on Display และการชาร์จเร็วที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้มากขึ้นอีกขั้น แต่ทั้งหมดนี้แนะนำว่าให้ไปลองใส่และใช้งานจริงดูก่อนว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน ที่สำคัญคืองบประมาณในการซื้อที่ราคาเริ่มต้น (ยังไม่รวมสายแบบอื่นๆ) ทั้งสองรุ่นนี้ต่างกันค่อนข้างเยอะเลย
ขอบคุณข้อมูลสเปคสเปค Apple Watch SE vs Apple Watch 8 จาก Apple