Samsung Galaxy A04 น้องเล็กสุดในซีรี่ส์ A จากทาง Samsung ซึ่งเป็นรุ่นที่ลดสเปคจาก Samsung Galaxy A04s ลงมาถึงที่สุด ให้เป็นรุ่นที่เน้นความประหยัดเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งคนที่ต้องการมือถือราคาประมาณนี้ต้องการมือถือแบตอึดๆ จึงได้ทำให้ Galaxy A04 นั้นมีแบตเตอรี่ที่อึดแบบสุดๆ แถมยังดีไซน์ตัวเครื่องออกมาให้ดูสวยงามไม่เหมือนเครื่องราคาถูกเลยสักนิด สำหรับคนที่อยากรู้ว่าตกลงแล้ว Galaxy A04 เครื่องนี้เป็นอย่างไรบ้างเราไปดูรายละเอียดต่างๆ กันได้เลย
สเปคของ Samsung Galaxy A04
- หน้าจอ : PLS-LCD, ขนาด 6.5 นิ้ว, ความละเอียด 1600 x 720 พิกเซล (HD+)
- ชิปประมวลผล : Spreadtrum Unisoc SC9863A
- แรม : 3GB
- ความจุ : 32GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50 MP, f/1.8, AF (wide)
- ตัวที่ 2 : 2 MP, f/2.4, (depth)
- กล้องหน้า : 5 MP, f/2.2
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จ 10W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย OneUI Core 4.1
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 5 Dual-band
- Bluetooth 5.0
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo
- ช่องเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มม.
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Light Sensor
- Proximity Sensor
- ขนาด : 164.4 x 76.3 x 9.1 มม.
- น้ำหนัก : 192 กรัม
- สี : Black และ Green
- ราคา : 3,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
Samsung Galaxy A04 นั้นมาพร้อมหน้าจอแบบ Infinity-V Display ที่เป็นพาแนล PLS-LCD (หรือที่เราเรียกรวมๆ ว่าจอ IPS นั่นแหละ) ซึ่งมีขนาดจอแสดงผลอยู่ที่ 6.5 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ช่วยให้การจับถือมีความสบายมือ ภายในติ่งจะมีกล้องหน้าความละเอียด 5MP อยู่ และเมื่อมองถัดขึ้นไปเล้กน้อยจะเจอกับลำโพงสำหรับยใช้สนทนาอยู่
ในส่วนของดีไซน์ด้านหลังตัวเครื่องนั้นเรียกว่าดีไซน์ Ambient Edge ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความสวยงามขึ้น ภายในจะมีลวดลายแบบโค้งมนต์ปิดทับด้วยพื้นผิวแบบมัมเงา ช่วยเพิ่มความงามให้กับตัวเครื่องได้มากเลย นอกจากนี้ด้วยการที่ขอบตัวเครื่องเป็นแบบโค้งทำให้การจับถือสบายมือขึ้นด้วย ในส่วนของกล้องนั้นจะมีทั้งหมด 2 กล้องนูนขึ้นมาจากพื้นผิวเล็กน้อย โดยที่ด้านข้างจะมีไฟแฟลชแบบ LED อยู่
ในส่วนของโดยรอบตัวเครื่องนั้นที่ด้านบนจะมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงอยู่ ฝั่งซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ Triple-slot ส่วนปุ่มทั้งหมดจะรวมอยู่ฝั่งขวาทั้งปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิด ทที่ด้านล่างจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่อง
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการที่ใช้บน Galaxy A04 เป็น OneUI Core 4.1 ที่พัฒนาขึ้นมาบน Android 12 ซึ่ง Samsung ได้ทำการปรับแต่งให้มีความลื่นไหลแม้จะสเปคจะต่ำมากก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่ง UI ได้ตามสไตล์ของตัวเอง
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานทั่วๆ ไปนั้นในด้านการเล่นโซเชียลจะมีความลื่นไหลพอสมควรถึงแม้ชิปประมวลผล Unisoc SC9863A ที่ใช้จะเป็นชิประดับเริ่มต้นก็ตาม ใสเรื่องของการดูหนังนั้นเป้นที่น่าแปลกใจสุดๆ เลยว่าเครื่องนี้ได้ Widevine ระดับ L1 มาในขณะที่มือถือในเรทเดียวกันมักจะได้แค่ระดับ L3 ซึ่งก็ช่วยให้สามารถดูหนังได้อย่างเต็มความละเอียดเลย (ถึงจะได้แค่ HD ตามความละเอียดจอก็ตาม) ส่วนเรื่องลำโพงนั้นเรียกว่าดังใช้ได้เลยถึงแม้จะมีเพียงตัวเดียวก็ตาม
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องมาพร้อมแยตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งจากที่ได้ลองใช้แบบทั่วไปๆ ตามสไตล์คนทำงานออฟฟิศแล้วต้องบอกเลยว่าถึงตอนเย็นแบตเตอรี่ก็เหลือเกิน 50% แน่นอน ถึงแม้ถ้ามีการเปิดเกมด้วยก็อาจจะเหลือน้อยกว่านั้น แต่ถ้าจัดการดีๆ ยังไงก็ไม่มีทางหมดก่อนถึงบ้านแน่นอน ส่วนเรื่องระยะเวลาชาร์จนั้นด้วยการที่เป็นระบบชาร์จแบบ 10W ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควรในการชาร์จ ซึ่งจากการทดสอบเราเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เป็น 0% ซึ่งใน 10 นาทีแรกแบตเตอรี่ขึ้นมาเป็น 6% และชาร์จให้ถึง 50% ใช้เวลาไปถึง 79 นาที ส่วนเวลารวมในการชาร์จจาก 0% – 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 177 นาที หรือ 2 ชั่วโมง 57 นาที ซึ่งนับว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน จึงอยากแนะนำว่าพอแบตเตอรี่เหลือราวๆ 50% ก็ควรเสียบสายชาร์จไปเลยดีกว่า
การเล่นเกม
ในส่วนของการเล่นเกมนั้นตัว Galaxy A04 ที่ใช้ชิป Unisoc SC9863A นั้นอาจจะไม่สามารถเล่นเกมแรงๆ ได้ แถมด้วยความจุที่ให้มาเพียง 32GB ก็ทำให้ติดตั้งเกมมากไม่ได้ด้วย ดังนั้นถ้าคิดจะติดตั้งเกมก็ขอให้เป็นเกมที่เล่นหลักๆ แค่ 1-2 เกมก็พอแล้ว ซึ่งตอนที่ลองด้วย RoV และ PUBG นั้น RoV สามารถเปิดแบบ 60fps ได้ แต่เวลาสู้จะตกงลมาอยู่ราวๆ 30 – 40 fps และในบางจังหวะถ้ามีการแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นมาจะตกลงไปถึง 10 กว่าๆ เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเล่นได้ลื่นแต่ไม่สุด ส่วน PUBG นั้นในการปรับกราฟิกได้สูงสุดแค่ระดับ สมดุล เฟรมเรท กลางเท่านั้น ซึ่งเวลาเล่นจะมีอาการกระตุกนิดๆ เป็นระยะ ถ้าจะเล่นจริงๆก็แนะนำให้ปรับกราฟิกลงมาให้ต่ำสุดเพื่อความลื่นไหลแทน ซึ่งถ้าเอาจริงๆ เครื่องนี้เหมาะกับการเล่เนกมเบาๆ ที่ไม่ได้กินสเปคและไม่กินพื้นที่มากกว่า
การรถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้น Galaxy A04 มาพร้อมกล้องหลัง 23 ตัวเป้นกล้องหลักความละเอียด 50MP และกล้อง depth ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้าที่เอาไว้ใช้เซลฟี่มีความละเอียด 5MP ซึ่งถ้าพูดถึงการถ่ายนปกติแล้วนับว่าเกินค่าตัวมากๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นการเก็บรายละเอียด สีสัน แสง หรือแม้แต่การตัดขอบก็เรียกได้ว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็เรียกได้ว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย ส่วนเรื่องการถ่ายเซลฟี่นั้นในบางจังหวะเหมือน White Balance จะดูเพี้ยนๆ ไปบ้าง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการตัดขอบและการละลายหลังแล้วถือว่าใช้ได้ทีเดียว สำหรับการบันทึกวิดีโอนั้นได้ความละเอียดสูงสุดที่ FHD 30fps ซึ่งก็เรียกไ้ดว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy A04
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy A04 จากการที่ได้ลองเอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่า Galaxy A04 เป็นมือถือที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการมือถือไว้แบตอึดๆ ไว้ใช้โทรและเล่นโซเชียลเป็นหลักมากกว่า แต่ก็ยังใช้เล่นเกมได้ถ่ายรูปได้อยู่ ในแง่หนึ่งจะบอกว่าเหมาะกับการซื้อเป็นมือถือให้เด็กหรือให้ผู้สูงอายุใช้สุดๆ เลยก็ได้ สิ่งที่เรียกได้ว่าน่าสนใจคือในที่สุดทาง Samsung ก็เปลี่ยนพอร์ตชาร์จในรุ่นต่ำสุดจาก MicroUSB เป็น Type-C เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความสะดวกในการหาสายชาร์จยิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุะบันนี้มือถือที่ชาร์จด้วย MicroUSB นับว่าเป็นส่วนน้อยมากๆ แล้วนั่นเอง สำหรับคนที่สนใจ Samsung Galaxy A04 สามารถเข้าไปลองเครื่องได้ที่ Samsung Shop และร้านตัวแทนทุกสาขา และถ้าต้องการซื้อก็สามารถสั่งซื้อได้ผ่านทาง samsung.com หรือตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ได้เลย
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามจนดูไม่เหมือนมือถือราคา 3,999 บาท
- ชิป Unisoc SC9863A เป็นชิปที่ประหยัดพลังงานสุดๆ
- สามารถเชื่อมต่อกับ Wi-Fi 5GHz ได้
- ได้รับการรับรอง Widevine ระดับ L1
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh อึดสุดๆ ที่สามารถใช้งานเกินวันได้แบบสบายๆ
- ได้พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C มาแล้ว
- ตัวเครื่องรองรับ MicroSD สูงสุดถึง 1TB
- ได้กล้องหลังความบละเอียด 50MP มา
- การละลายหลังและการตัดขอบทำได้ดีจนไม่นึกว่าจะเป็นมือถือตัวเริ่มต้น
ข้อสังเกต
- ให้ความจุมาแค่ 32GB ซึ่งเรียกได้ว่าน้อยมากสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน
- ไม่มีระบบชาร์จเร็วทำให้ใช้เวลาในการชาร์จค่อนข้างนาน
- ไม่มีระบบสแกนลายนิ้วมือทำให้ความปลอดภัยไม่ได้สูงมากนัก
- ถึงแม้ตัวเครื่องจะได้ Widevine ระดับ L1 แต่หน้าจอมีความละเอียดเพียงแค่ HD+ เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถดูหนังความละเอียดสูงกว่านั้นได้