OPPO Reno8 Pro 5G มือถือตัวท๊อปสุดในซีรี่ส์ Reno8 ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน มาพร้อมความสามารถขั้นสุดในการถ่ายภาพ พร้อมด้วยชิปประมวลผลภาพ MariSilicon X ตัวเดียวกับที่อยู่ใน OPPO Find X5 Pro ช่วยเสริมการถ่ายภาพในทุกสภาพแสงให้ได้คุณภาพขั้นสุดเสมือนภาพจากเรือธง นอกจากเน้นด้านการถ่ายภาพแล้วความแรงในการประมวลผลก็ไม่แพ้ใครเช่นกันด้วยชิปประมวลผล Dimensity 8100-Max พร้อมแรมขนาด 12GB และหน่วยความจำขนาด 256GB นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ที่ทาง OPPO เคลมว่าใช้เวลาชาร์จแค่ 11 นาทีก็จะได้แบตเตอรี่มาถึง 50% แล้ว เรียกได้ว่าจัดเต็มมากกับราคาไม่ถึง 30,000 บาท และตอนนี้ทาง SPecphone เราก็ได้ OPPO Reno8 Pro 5G มาไว้ในมือแล้ว การใช้งานแบบต่างๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปชมกันได้เลย
สเปคของ OPPO Reno8 Pro 5G
- หน้าจอ : Flexible AMOLED, ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล (Full-HD+), Refresh Rate 120Hz, Touch Sampling Rate 720Hz, รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+, ความลึกสี 1.07 ล้านสี (8+2 bit), ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5
- ชิปประมวลผล : MediaTek Domensity 8100-Max
- ชิปประมวลผลภาพ MariSilicon X
- แรม : 12GB แบบ LPDDR 5 พร้อมฟีเจอร์ RAM Extended สูงสุด 7GB
- ความจุ : 256GB แบบ UFS 3.1
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 50 MP, f/1.8 (wide) | Sony IMX766
- ตัวที่ 2: 8 MP, f/2.2, 120˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3: 2 MP, f/2.4 (macro)
- กล้องหน้า : 32 MP, f/2.4 | Sony IMX709
- แบตเตอรี่ : 4,500 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- ระบบปฏิบัติการ : ColorOS 12.1 บน Android 12
- การเชื่อมต่อ :
- 5G (SA/NSA)
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.3
- GPS, A-GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (ใต้หน้าจอ)
- Geomagnetic sensor (เซ็นเซอร์สนามแม่เหล็ก)
- Light sensor
- Proximity sensor
- On screen optical sensor (เซ็นเซอร์ชนิดใช้แสงบนหน้าจอ)
- Accelerometer
- Gravity sensor (เซ็นเซอร์แรงโน้มถ่วง)
- Gyroscope
- รองรับฟังก์ชั่นนับก้าว
- ขนาด : 161.2 x 74.2 x 7.34 มม.
- น้ำหนัก : 183 กรัม
- สี : Glazed Black, Glazed Green
- ราคา : 27,990 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในส่วนของหน้าตาตัวเครื่องนั้น OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอแบบ Punch Hole พาแนล AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ Full-HD+ และมี Refresh Rate สูงถึง 120Hz กับมีค่า Touch Sampling Rate สูงถึง 720Hz ซึ่งช่วยให้การตอนสนองต่างๆ มีความรวดเร็วมาก นอกจากนี้ยังมีขอบจอที่บาง ช่วยให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไปอีกด้วย โดยที่บริเวณขอบด้านบนเหนือรูกกล้องจะมีลำโพงสำหรับไว้ใช้สนทนาอยู่ด้วย
สำหรับจุดเด่นของ Reno8 Pro 5G จะอยู่ที่ด้านหลังด้วยดีไซน์ Streamlined Unibody ที่เป็นการดีไซน์ขอบเหลี่ยมแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้ตัวเครื่องมีความเรียบหรู อีกทั้งยังมีสีสันที่เรียกได้ว่าทั้งสะดุดตาและหรูหราอีกด้วย โดย Reno8 Pro 5G คือสีเขียว Glazed Green ที่เรียกได้ว่าโดดเด่น และสีดำ Glazed Black ที่หรูหรา เรียกได้ว่าครั้งนี้ทาง OPPO ใส่ใจกับการออกแบบตัวเครื่องมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ตัวโมดูลกล้องก็มีการปรับใหม่ให้ขอบมีการโค้งเว้าแบบเดียวกับที่ทำบน OPPO Find X5 Pro 5G เพื่อความเนียนตาและสวยงามอีกด้วย
สำหรับรอบด้านตัวเครื่องนั้นบริเวณด้านบนตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนสำหรับใช้ตัดเสียงรบกวน ที่ฝั่งขวาจะเป็ฯปุ่มเปืด-ปิด ฝั่งซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และที่ด้านล่างจะมีช่องใส่ถาดซิมแบบ Dual-slot, รูไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนา, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวเครื่อง
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการของ OPPO Reno8 Pro 5G จะเป็น ColorOS 12 ที่พัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานของ Android 12 ซึ่งการออกแบบตามสไตล์ OPPO นั้นจะเน้นไปที่ความเรียบง่ายและสวยงาม แต่ก็มาพร้อมฟีเจอร์มากมายให้เลือกใช้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งหน้าตาต่างๆ ของตัวระบบได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
การใช้งานด้านต่างๆ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในด้านการใช้งานทั่วๆ ไปของ OPPO Reno8 Pro 5G นั้นเรียกได้ว่าสมกับที่เป็นรุ่นรองจากเรือธง ทั้งความลื่นไหลและการตอบสนองทำออกมาได้เป็นอย่างดี ด้วยค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz และค่า Touch Sampling Rate ที่สูงถึง 720Hz แถมได้ Widevine ระดับ L1 มาด้วย ทำให้สามารถดูหนังแบบสตรีมมิ่งได้อย่างเต็มความละเอียด อีกทั้งลำโพงตัวเครื่องยังให้เสียงที่ดีมากๆ อีกด้วย แต่สิ่งที่ทำให้เครื่องนี้มีภาษีดีกว่ารุ่นอื่นๆ ในเรทราคาเดียวกันก็คือ NPU MariSilicon X ที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้มาเอง ซึ่งตัวชิปนี้นอกจากจะช่วยในการประมวลผลภาพถ่ายแล้วยังมาช่วยในการประมวลผลภาพหน้าจออีกด้วย สำหรับคนที่ชอบดูหนังผ่านมือถือแล้วอาจจะได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นด้วย
สำหรับแบตเตอรี่นั้น Reno8 Pro 5G จะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh และระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ซึ่งจากการที่ได้อลงใช้งานนั้นต้องบอกเลยว่าถึงแม้แบตเตอรี่จะมีเพียง 4,500 mAh แต่ก็สามารถใช้งานจนหมดวันได้เลยถ้าหากบริหารจัดการดีๆ ส่วนในเรื่องของการชาร์จนั้นได้ทดลองเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือแค่ 1% ซึ่งใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มมาเป็น 31% แเมื่อผ่านไปครบ 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่เพิ่มมาเป็น 76% และจะเต็ม 100% ใน 44 นาที เรียกได้ว่าเป็นการชาร์จที่ค่อนข้างเร็วพอสมควร ใครที่กำลังรีบๆ แต่มาพบว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมดก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะเพียงแค่รอสัก 10 – 15 นาทีก็จะชาร์จมาได้มากพอที่จะใช้ต่อจนถึงบ้านแล้ว
กรเล่นเกม
ในด้านการเล่นเกมนั้น Reno8 Pro 5G ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Dimensity 8100-Max นั้นเรียกได้ว่าหายห่วงเรื่องการกระตุกเลย เพราะชิปตัวนี้เป็นชิประดับเรือธงตัวหนึ่งในตลาด ทำให้สามารถเล่นเกมอพไรก็ได้ที่สามารรถโหลดมาเล่นได้ แถมเกมไหนที่รองรับโหมด 90fps ก็สามารถเปิดได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจากที่ได้ลองเล่นทั้ง RoV, PUBG Mobille, PUBG New State, APEX Mobile และ Genshin Impact แล้ว ต้องบอกเลยว่านอกจาก Genshin Impact แล้วถึงปรับสุดก็ยังลื่น แถมถ้าไม่ใช่เกมกินสเปคอย่าง Genshin Impact แล้วปรับกราฟิกไม่สูงมาก ต้องใช้เวลาเล่นเป็นชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าความร้อนจะขึ้น
การถ่ายภาพ
ในด้านการถ่ายภาพนั้น Reno8 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวซึ่งจะประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่เป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX766, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้านั้นจะมีความละเอียดที่ 32MP ที่เป็นเซ็นเซอร์ Sony IMX709 แล้วยังมีการอัดฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพ/วิดีโอแบบ Portrait มาเต็ม สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบ Portrait ในทุกสภาพแสงแล้ว Reno8 Pro 5G ถือเป็นตัวที่ให้มาครบมากๆ เลย โดยจากที่ได้ลองเอาไปถ่ายภาพในหลายๆ สภาพแสงแล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่ถ่ายภาพได้คมทุกสภาพแสง แต่ก็มีเงื่อนไขเช่นกัน โดยถ้าเป็นช่วงแสงน้อยหรือช่วงกลางคืน ถ้าถ่ายด้วยโหมดกลางคืนจำเป็นต้องมีขาตั้งกล้อง เนื่องจากในบางสถานการณ์อาจจุต้องถือเครื่องค้างไว้นานถึง 10 วินาที ซึ่งสำหรับคนปกติแทบเป็นไปไม่ได้ในการถือให้นิ่ง ดังนั้นถ้าชื่นชอบการถ่ายภาพในที่แสงน้อยอาจจะต้องให้พกขาตั้งเพิ่มไปด้วย แต่ถ้าเป็นช่วงที่แสงมากเพียงพอก็นับว่าสวยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรปรับสี การละลายหลัง ต่างก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว
และสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจคือโปรแกรมแต่งภาพที่อยู่ภายในเครื่อง หรือก็คือฟีเจอรืแต่งภาพของแอปฯ รูปภาพนั่นเอง สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายไฟตอนกลางคืน แต่ภาพที่ได้ออกมามันดูจืดหรือไม่ถูกใจสามารถแต่งเพิ่มได้เช่นกันดังภาพต่อไปนี้
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว OPPO Reno8 Pro 5G
สรุปการรีวิว OPPO Reno8 Pro 5G จากการที่ได้ลองเอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่จะบอกว่าเป็นเรือธงก็ยังได้เลย ด้วยสเปคต่างๆ ที่ทาง OPPO ยัดใส่มาให้ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ, ชิปประมวลผล, กล้อง หรือระบบชาร์จ ซึ่งถ้าถามว่า OPPO Reno8 Pro 5G เครื่องนี้เหมาะกับใครก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเครื่องที่เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปตัวเอง/แฟนอย่างมาก รวมถึงคนที่อยากได้มือถือระดับเรือธงแต่ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเครื่องระดับเรือธงที่สูงเกือบ 40,000 บาท
สำหรับคนที่สนใจ OPPO Reno8 Pro 5G สามารถเข้าไปดูรายละเอียดตัวเครื่องเพิ่มเติมได้ที่ oppo.com/th และสามารถหาซื้อได้ทาง OPPO Brand Shop, Shopee, Lazada และ JD Central ในราคาเพียง 27,990 บาทเท่านั้น
จุดเด่น
- ดีไซน์หลังเครื่องสวยงาม เรียบหรู ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปตกแต่งเพิ่ม
- หน้าจอให้สีสันที่สวยสด แถมยังมีความเร็วในการตอบสนองที่สูง
- ชิปประมวลผลระดับเรือธง Dimensity 8100-Max ที่นอกจากจะแรงแล้วยังจัดการพลังงานและความร้อนได้ดี
- ได้ชิป MariSilicon X แบบเดียวกับ OPPO Find X5 Pro 5G
- กล้องหน้า-หลังที่สามารถถ่ายภาพในทุกสภาพแสงให้ออกมาคนชัดได้
- มีฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพมาช่วยให้ภาพถ่ายมีสีสันมากยิ่งขึ้น สวยงามขึ้น โดยไม่ต้องไปพึ่งแออปฯ แต่งรูป
- ระบบชาร์จเร็ว80W SUPERVOOC ที่ใช้เวลาชาร์จน้อยมากๆ
ข้อสังเกต
- จุดความร้อนจะรวมกันอยู่แถวๆ โมดูลกล้อง ซึ่งเป็นจุดวางนิ้วฝั่งซ้าย ทำให้เวลาเล่นนานๆ ต้องมีการพักบ้าง
- การถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วยโหมดกลางคืนตจ้องใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้น
- ได้กล้อง Ultra-Wide ความละเอียดเพียง 8MP เท่านั้น
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอได้เพียง 1080p 30fps เท่านั้น
- อะแดปเตอร์มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อแลกกับกำลังชาร์จที่สูง ทำให้พกในกระเป๋าเล็กๆ ไม่สะดวกเท่าไร