Samsung Galaxy Z Fold2 5G เป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้รุ่นที่ 2 ของ Samsung แล้ว ซึ่งมันได้รับการพัฒนาจาก Galaxy Z Fold รุ่นแรกขึ้นมาอีกขั้น ทั้งอัพเกรดสเปคภายใน ปรับปรุงดีไซน์ใหม่ รวมถึงมีการเปลี่ยนวัสดุให้ดูดียิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ Samsung Galaxy Z Fold2 5G ก็ได้มาอยู่ในมือทีมงาน Specphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาระยะสั้น ๆ วันนี้เราจะมาบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกัน
จุดเด่น
- ดีไซน์หรู อลังการ
- หน้าจอเมื่อกางแล้วใหญ่มาก
- หน้าจอ 120Hz
- ใช้ชิป Snapdragon 865+ มาพรที่อมความจุ 256GB
- ใช้กล้องหลังเซลฟี่ได้
- กล้องหลังให้ระยะมาครบ (ปกติ, มุมกว้าง, ซูม)
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างแพง
- จอด้านในบอบบางมาก
- จอด้านในสัมผัสค่อนข้างฝืดนิ้ว
- ไม่สามารถถอดฟิล์มที่ติดมาได้ หากถอดแล้วจอจะเสียเลย
- เมื่อใส่เคส ตัวเคสไม่สามารถป้องกันตัวเครื่องได้หมด
สเปค Samsung Galaxy Z Fold2 5G
- หน้าจอ : รองรับ HDR 10+ มี Refresh Rate 120Hz
- Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 1768 x 2208 พิกเซล (จอด้านหน้า)
- Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 1768 x 2208 พิกเซล (จอด้านใน)
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 865+
- แรม : 12GB
- หน่วยความจำ : 256GB (UFS 3.0)
- กล้องหลัง : รองรับการบันทึกวีดีโอสูงสุด 4K 60fps
- Wide 12MP f/1.8, Dual Pixel, OIS
- Telephoto 12MP f/2.4, 2x optical zoom, OIS
- Ultrawide 12MP f/2.2
- กล้องหน้า : 10MP f/2.2 ทั้งด้านนอกและด้านใน รองรับการบันทึกวีดีโอสูงสุด 4K 30fps
- การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.1, NFC
- เซ็นเซอร์ : Face Detection, Accelerometer, Ambient light, Proximity, Gyroscope, Orientation, Barometer
- แบตเตอรี่ : 4,500 mAh รองรับชาร์จไว 25W, ชาร์จไร้สาย 11W, ชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ 4.5W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 10 ครอบทับด้วย OneUI 2.5
- ขนาด : 159.2 × 128.2 × 6.9 มม.
- น้ำหนัก : 279 กรัม
- สี : Mystic Bronze, Mystic Black, Thom Browne Edition
หน้าสเปค Samsung Galaxy Z Fold2 5G
ดีไซน์ตัวเครื่อง
Galaxy Z Fold2 5G เป็นมือถือระดับพรีเมี่ยมจึงได้มีการเลือกใช้วัสดุที่ดูพรีเมี่ยม ด้วยอลูมิเนียมเกรดดีรอบเครื่อง พร้อมกระจก Gorilla Glass อย่างดีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้ดูหรู มีสไตล์ ในแบบมือถือราคาแพง ที่สันบนบานพับมีการสกรีนโลโก้ Samsung เอาไว้ด้วย
มาที่หน้าจอด้านนอกเป็นหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ที่มีอัตราส่วน 25:9 เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Galaxy Z Fold2 น่าใช้มากกว่า Galaxy Z Fold รุ่นแรกมากนัก ส่วนจอในเป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ซึ่งหน้าจอตัวนี้เป็นหน้าจอที่รองรับ HDR10+ และ Refresh Rate 120Hz แบบ Adaptive Display ที่ปรับความถี่ตามการใช้งานได้
ที่ขอบตัวเครื่อง Galaxy Z Fold2 5G จะมาพร้อมลำโพงทั้งหมด 2 ตัวติดตั้งอยู่ที่บานพับฝั่งซ้ายทั้งด้นบนและด้านล่าง ส่วนบานพับฝั่งขวาจะมีพอร์ต USB Type-C ส่วนบริเวณด้านข้างของตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่เป็นสแกนลายนิ้วมือด้วย เมื่อมองถัดขึ้นไปด้านบนจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และที่ด้านล่างจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด (ไม่มีช่องใส่ MicroSD Card)
ประสิทธิภาพการใช้งานและการเล่นเกม
Galaxy Z Fold2 5G มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 865+ ที่มีความแรงที่สุดในตลาด Android นอกจากนี้ยังรองรับคลื่น 5G ทุกรุปแบบ ทำให้เป็นมือถือที่คาดหวังเรื่องความลื่นไหลเวลาใช้งานและการรองรับคลื่นในอนาคตด้วย ซึ่งเราได้ลองเอามาเล่นเกมแล้วต้องยอมรับว่าทำได้ดี สามารถตั้งค่ากราฟิกสูงสุดแบบเล่นลื่น ๆ ได้ ซึ่งเราได้ลองทั้ง PUBG, RoV, R4 ซึ่งจากที่ลองเล่นแล้วลองพับจอ หรือเล่นจากสภาพพับแล้วกางหน้าจอออก สิ่งที่เจอคือ PUBG และ R4 ไม่เกิดปัญหาใด ๆ อัตราส่วนไม่เพี้ยน แต่พอเป็นเกม RoV แล้วจังหวะที่กางหน้าจอ อัตราส่วนของตัวละครกลับเพี้ยนไปหน่อย (เอาจริง ๆ คงไม่มีใครเล่น ๆ อยู่แล้ว กาง/พับหน้าจอกันหรอกเนอะ)
กล้องถ่ายภาพ
กล้องของ Galaxy Z Fold2 5G มาพร้องกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว และกล้องหน้า 2 ตัว (ด้านนอกและด้านในอย่างละตัว) ซึ่งกล้องหลังประกอบไปด้วยกล้องมุมกว้าง, กล้องมุมกว้างพิเศษ และกล้องเทเลโฟโต้ โดยที่ทั้ง 3 เลนส์จะมีความละเอียดอยู่ที่ 12MP ส่วนกล้องหน้านั้นจะมีความละเอียด 10MP ซึ่งกล้องหน้ามีฟีเจอร์พิเศษด้วย แต่จะทำงานได้ก็ต้องเมื่อต้องเข้าจากสภาพที่ตัวเครื่องกำลังพับอยู่ โดยรายละเอียดจะอยู่ในหัวข้อต่อไป
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพจากการเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง
ฟีเจอร์เด่น
หน้าจอ 120Hz แบบ Adaptive Display
Samsung Galaxy Z Fold2 5G มาพร้อมหน้าจอแบบ Adaptive Display ที่จะปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอให้เข้ากับการใช้งานในขณะนั้น อย่างเช่นเวลาเราดูรูป อ่านหนังสือแบบค้างหน้าจอไว้นาน ๆ หน้าจอก็จะใช้ความถี่เพียง 1 – 10 Hz เพื่อประหยัดพลังงาน ส่วนการรับชมคลิป หน้าจอก็จะเร่งขึ้นมาที่ 60 Hz หรือตาม source ของภาพ แต่ถ้าเรามีการเลื่อนจอไว ๆ เช่นการไถหน้าจอ Facebook อ่านเว็บไซต์ ระบบก็จะทำการเพิ่มความถี่ไปให้ถึง 120 Hz เพื่อให้เราสบายตามากขึ้น
ใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์สำหรับจอด้านใน ที่เมื่องอหน้าจอ (ไม่ถึงกับพับ) ระบบจะทำการแยกส่วนการทำงานให้โดยอัตโนมัติ อย่างเช่น ในระหว่างเรากำลังเปิดกล้อง พอเราพับหน้าจอมาครึ่งหนึ่ง ฝั่งซ้ายก๋จะกลายเป็ฯการเปิด Gellery รูปภาพแทน นอกจากนี้ยังสามารถเรียกแอปออกมาจากแถบ Multi-Windows Tray เพื่อเปิดแอปซ้อนในหน้าจออีกครึ่งได้ด้วย
เซลฟี่ด้วยกล้องหลัง
ด้วยความที่ Galaxy Z Fold2 5G เป็นมือถือแบบพับ-กางได้ ทำให้เมื่อกางตัวเครื่องจะทำให้กล้องหลังมาอยู่ด้านเดียวกับจอเล็กด้านหน้า ซึ่งโหมดเซลฟี่ด้วยกล้องหลังนั้นจะเข้าได้ต้องเริ่มจากการเปิดกล้องเซลฟี่ในสภาพพับเครื่องอยู่ แล้วค่อยกดปุ่มที่มุมบนขวาของหน้าจอ แล้วค่อยทำการกางหน้าจอออก ซึ่งจะทำให้ตัวระบบทำการสลับกล้องมาใช้กล้องหลักด้านหลังแทน ในตอนนี้เราจะสามารถใช้ฟีเจอร์ของกล้องหลังได้ทั้งหมดเลย
สรุปรีวิว Samsung Galaxy Z Fold2 5G
Samsung Galaxy Z Fold2 5G ตัวนี้จากที่ได้ลองใช้มาแล้วหลาย ๆ อย่างไม่ค่อยโดนสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะเป็นมือถือที่ทำออกมาเพื่อกลุ่มคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เสียมากกว่า แต่หากถามว่ามันใช้งานดีไหม อันนี้คงต้องขอตอบว่ามันใช้งานสะดวกมาก ๆ เลยครับ เหมือนเราพกทั้งมือถือและแท็บเล็ตไปพร้อม ๆ กัน เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่อยากพกทั้งมือถือและแท็ตเล็ต แต่ไม่อยากหิ้วหนัก ๆ อีกทั้งยังเหมาะกับกลุ่มที่ชื่นชอบเทคโนโลยีล้ำ ๆ เป็นที่สุด
ทว่าสำหรับคนทั่ว ๆ ไปแล้วอาจเป็นมือถือที่ค่อนข้างไกลเกินเอื้อมไปหน่อย เพราะด้วยราคาค่าตัวที่ 69,900 บาท ที่ไม่ใช่ราคาที่จะซื้อกันได้ง่าย ๆ แต่ฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างก็เทียบพวกเรือธงอย่าง Galaxy S หรือ Galaxy Note ไม่ได้ ทำให้ Galaxy Z Fold2 5G เป็นมือถือเฉพาะกลุ่มมากว่านั่นเอง ซึ่งหากอ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วเกิดสนใจสามารถเข้าไปซื้อได้ที่เว็บ Samsung โดยตรงหรือจะซื้อผ่านผู้ใช้บริการอย่าง AIS, DTAC และ Truemove H เพื่อให้ได้ราคาเครื่องที่ถูกที่สุดก็ได้