ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัว iPhone 12 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งลดราคา iPhone 11 ลงด้วย ทีนี้อาจมีหลายคน ลังเลว่าควรจะซื้อ iPhone 12 นี้เลยหรือจะซื้อ iPhone 11 ใช้ไปก่อนรอ iPhone รุ่นใหม่ที่ครบเครื่องกว่านี้ ทีนี้ Specphone เราเลยได้เอา iPhone 12 vs iPhone 11 เทียบกันให้เห็นชัด ๆ ไปเลยว่าสมควรซื้อรุ่นใหม่ไปเลยหรือซื้อรุ่นก่อนมาใช้ไปพลาง รอ iPhone รุ่นที่สมบูรณ์กว่านี้
ตารางเทียบสเปค iPhone 12 vs iPhone 11
iPhone 12 | iPhone 11 | |
---|---|---|
หน้าจอ | OLED 5.4 นิ้ว Super Retina XDR 2352 x 1170 พิกเซล | IPS 6.1 นิ้ว Liquid Retina Display 1792 x 828 พิกเซล |
ชิปประมวลผล | A14 Bionic | A13 Bionic |
แรม | 4GB | 4GB |
หน่วยความจำ | 64GB / 128GB / 256GB | 64GB / 128GB / 256GB |
กล้องหลัง | 12MP + 12MP | 12MP + 12MP |
กล้องหน้า | 12MP | 12MP |
แบตเตอรี่ | ยังไม่ทราบ | 3,110 mAh |
วัสดุ | อลูมิเนียม + Ceramic Shield | อลูมิเนียมครอบกระจก |
ราคา | ราว ๆ 30,500 บาท* | 24,900 บาท |
เมื่อเอาสเปคมาเทียบกันแบบคร่าว ๆ แล้ว iPhone 12 นั้นมีการอัพเกรดจาก iPhone 11 ในส่วนของหน้าจอที่ดีขึ้นและวัสดุที่ทนทานขึ้น นอกเหนือจากนั้นเป็นการอัพเกรดซอร์ฟแวร์เสียมากกว่า ซึ่งในการอัพเกรดครั้งนี้นั้นทำให้เกิดความแตกต่างจนทำให้หลาย ๆ คนเกิดลังเลว่าจะซื้อตัวไหนดี วันนี้เราจะมาอธิบายส่วนต่างแต่ละจุดให้ได้รู้กัน
iPhone 12 vs iPhone 11 : วัสดุ
ในเรื่องของวัสดุนั้นทั้งสองเครื่องใช้อลูมิเนียมเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกัน และส่งผลต่อความทนทานก็คือวัสดุที่ใช้ครอบอลูมิเนียมเพราะใน iPhone 11 นั้นใช้กระจกครอบทับอลูมิเนียม ซึ่งส่งผลให้เมื่อโดนกระแทกจะมีโอกาสแตกได้ง่าย ถึงแม้จะใช้เป็นกระจกนิรภัยที่ทนทานแล้วก็มีโอกาสแตกได้สูงอยู่ดี ส่วนใน iPhone 12 นั้นใช้การเคลือบ Ceramic Shield เป็นการใช้ Ceramic เคลือบตัวกระจก ซึ่ง Apple เคลมว่ามันแข็งแรงและทนทาทนกว่ากระจกนิรภัยถึง 4 เท่า หากให้เทียบเรื่องความแข็งแรงทนทานแล้ว iPhone 12 จะเหนือว่า iPhone 11 อย่างแน่นอน
iPhone 12 vs iPhone 11 : หน้าจอ
หน้าจอนี้เป็นหนึ่งในจุดที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วของ iPhone 12 และ iPhone 11 เลยก็ว่าได้ เพราะใน iPhone 11 นั้นเป็นหน้าจอ Liquid Retina HD ที่เป็นเทคโนโลยี IPS ที่มีความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล ซึ่งมีความหนาแน่นของพิกเซลเพียว 326ppi และมีคอนทราสต์แค่ 1,400 : 1 ซึ่งเมื่อเทียบกับ iPhone 12 ที่ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ที่ใช้เทคโนโลยี OLED ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ซึ่งมีความหนาแน่นของพิกเซลสูงถึง 460 ppi และมีคอนทราสต์สูงถึง 2,000,000 : 1 ทำให้ในเรื่องการแสดงผล iPhone 12 สามารถแสดงผลความละเอียดได้สูงกว่าและมีความคมชัดกว่า นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นจอ OLED ทำให้สามารถทำความสว่างได้สูงกว่าอีกด้วย ส่งผลให้สามารถมองมือถือกลางแจ้งได้ดียิ่งขึ้น
iPhone 12 vs iPhone 11 : กล้อง
สำหรับกล้องถ่ายภาพนั้นภายนอกอาจจะไม่ค่อยมีจุดเปลี่ยนมากนัก โดยที่ตัวเลนส์กล้องนั้นจะเป็นกล้องความละเอียด 12MP เหมือนกันทั้งหมด (ทั้ง Wide และ Ultrawide) แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือความกว้างของรูรับแสงที่กว้างขึ้นจาก f/1.8 เป็น f/1.6 ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้สามารถรับแสงได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้การถ่ายแบบละลายหลังทำได้ดีมากขึ้นด้วย
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือด้านซอร์ฟแวร์ที่ตัวกล้องสามารถบันทึกวีดีโอแบบ HDR Dolby Vision ได้ (ทำได้ทั้งหล้องหน้าและกล้องหลัง) ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ไฟล์วีดีโอมีเสียงที่ดีขึ้นได้ แถมยังสามารถเอาไปปรับแสง HDR ผ่านแอป Photo ประจำเครื่องได้เลย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Apple ProRAW ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้สามารถถ่ายและแก้ไขภาพได้โดยไม่ต้องไปพึ่งแอปแยก ทำให้ iPhone 12 มีความสามารถในการบันทึกวีดีโอที่เหนือกว่า iPhone 11 และยังได้รับการปรับปรุง NightMode เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยอีกด้วย
iPhone 12 vs iPhone 11 : ราคา
แน่นอนว่า iPhone 12 ที่อัดฟีเจอร์เข้ามายังกับรุ่น Pro นี้จะต้องมีราคาสูงกว่าเดิมแน่นอนทั้ง 5G, จอ Super Retina XDR และกรอบอลูมิเนียมเคลือบ Ceramic อีกทั้ง iPhone 11 ก็ได้ปรับลดราคาลงด้วย ส่งผลให้ราคาระหว่างทั้ง 2 รุ่นเกิดความห่างขึ้นมาพอสมควร โดย iPhone 12 คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วง 27,900 – 30,500 บาท (ราคาไทยยังไม่ประกาศ) ส่วน iPhone 11 นั้นหลังปรับลดราคาแล้วจะมีราคาอยู่ที่ 22,100 บาท ซึ่งส่วนต่างอย่างน้อย ๆ ก็ 5,000 บาทเลย โดยส่วนต่างนี้สามารถเอาไปซื้ออะไรได้อีกเยอะ
** ย้ำเตือนว่าปัจจุบัน iPhone 11 ล๊อตใหม่นั้นจะไม่มีหัวชาร์จและหูฟังแถมมาให้แล้วเช่นเดียวกับ iPhone 12 (ต้องซื้อแยกเอากับทาง Apple ในราคา 690 บาท) หากใครยังพบเจออยู่นั่นหมายความว่าเป็นเครื่องที่ค้างอยู่ในไทยมาก่อนหน้านี้นั่นเอง
iPhone 12 vs iPhone 11 : สรุป
จากข้อแตกต่างที่กล่าวมาทั้งหมด หากถามว่าจะเลือกตัวไหนดีระหว่าง iPhone 11 และ iPhone 12 คงต้องขอบอกเลยว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณล้วน ๆ หากเป็นคนที่อยากได้ไอโฟนราคาไม่แรงมาก ไม่ได้ใช้งานหนัก ๆ หรือใช้งานฟีเจอร์ที่มีไม่ครบ รวมถึงไม่ได้ใส่ใจ 5G มากนัก iPhone 11 นับเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะถึงแม้จะเป้นรุ่นเก่าแต่ชิป Apple A13 Bionic ก็แรงสุด ๆ อยู่ดี อีกทั้งกล้องที่มีก็ไม่ได้ต่างไปจาก iPhone 12 มากนักด้วย นอกจากนี้หากซื้อแบบผูกแพ็กเกจอาจจะได้ราคาถูกสุด ๆ เลยก็เป็นได้
สำหรับใครที่อยากได้ของใหม่จริง ๆ อยากได้เล่นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ต้องการใช้ 5G iPhone 12 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี และหากให้ประหยัดอีกนิด iPhone 12 mini ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสเปคภายในทุกอย่างเหมือนกันหมด ต่างกันที่ขนาดหน้าจอและขนาดตัวเครื่องเท่านั้น
เพิ่มเติมให้อีกนิด สำหรับใครที่กำลังรอ Apple ใส่พอร์ต USB-C ใน iPhone โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ น่าจะยังคงใช้พอร์ต Lightning ในรุ่นต่อไปเช่นกัน ดังนั้นหากคิดจะรอ USB-C ใน iPhone แล้วคงต้องรอไปอีกนานเลยทีเดียว