นอกจากอุปกรณ์ที่เป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ช่วงนี้ HUAWEI ก็ได้มีอุปกรณ์ประเภท Gadget ออกวางจำหน่ายในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อเป็นการเติมเต็ม Ecosystem หรือระบบนิเวศของ HUAWEI Smartphone ให้ครบวงจร และแน่นอนว่า HUAWEI FreeLace ที่ผมได้รับมารีวิวนั้น ก็เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายที่ออกแบบมาเพื่อสมาร์ทโฟน HUAWEI โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม HUAWEI FreeLace สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น หรือจะใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เช่น Notebook, MacBook ก็ย่อมได้ แต่ถ้าได้ใช้งานกับสมาร์ทโฟนของทาง HUAWEI ก็จะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่ามากเลยล่ะ ว่าแต่ใช้งานคู่กับ HUAWEI Smartphone แล้วดีอย่างไร เลื่อนลงมาอ่านจากรีวิว HUAWEI FreeLace ได้เลยครับ
HUAWEI FreeLace เปิดตัวพร้อมกับ HUAWEI P30 Series เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่กว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยก็ใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ เหมือนกัน มีวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สี Graphite Black (แบบในรีวิว) และสี Amber Sunrise ที่คล้ายกับ HUAWEI P30 Pro Amber Sunrise ครับ
โดยพื้นฐานของ HUAWEI FreeLace เป็นหูฟังแบบ IEM หรือ In-Ear Monitor ที่ต้องสอดหูฟังเข้าไปในรูหูเวลาใช้งาน ข้อดีก็คือตัวมันเองสามารถกันเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่ง จุกหูฟังเป็นแบบซิลิโคน มีให้ในแพ็กเกจ 3 ขนาด เล็ก, กลาง, ใหญ่ ที่ติดกับหูฟังมาแต่แรกเป็นจุกขนาดกลาง วัสดุบริเวณตัวหูฟังดูดีทีเดียว ส่วนวัสดุบริเวณ Neckband หรือสายคล้อง เป็นวัสดุที่ชื่อว่า Memory Metal มีคุณสมบัติในการคงรูปทรงได้ และห่อหุ้มด้วยซิลิโคนที่ไม่ระคายผิวหนัง
ความเจ๋งของ Memory Metal ตรง Neckband ก็คือไม่ว่าจะขยุ้มหรือขยำ HUAWEI FreeLace มากเพียงใด เมื่อมันคลายตัว จะกลับมาอยู่ในรูปทรงเดิมทุกครั้ง เท่าที่ได้ใช้งานต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ ยังไม่เจอปัญหาสายพันกันเลยสักครั้ง เก็บง่าย หยิบใช้สะดวกครับรุ่นนี้
รายละเอียดบริเวณ Neckband ของ HUAWEI FreeLace บริเวณด้านขวา จะเป็นปุ่มควบคุมพื้นฐานของหูฟังบลูทูธปกติทั่วไป ได้แก่ ปุ่ม Power, ปุ่มเพิ่มเสียง, ลดเสียง และปุ่มฟังก์ชั่น หากสังเกตดี ๆ บริเวณใกล้กับปุ่ม Power จะมีไฟ LED เล็ก ๆ บอกสถานะของหูฟังขณะใช้งานหรือชาร์จไฟด้วย
สำหรับการชาร์จไฟ HUAWEI FreeLace หูฟังรุ่นนี้จะว่าชาร์จไฟง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากครับ แต่ถ้าใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน HUAWEI ก็คือง่ายที่สุด เพราะพอร์ตชาร์จของหูฟังรุ่นนี้ไม่ได้เป็น USB-C แบบ Female เวลาชาร์จก็คือต้องดึงหูฟังด้านขวาออก แล้วจะพบขั้วต่อ USB-C จากนั้นก็เสียบเข้ากับพอร์ต USB-C บนคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนในการชาร์จไฟ แน่นอนว่าสมาร์ทโฟน HUAWEI กว่า 90% ตอนนี้เป็นพอร์ต USB-C หมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นใช้งานร่วมกันได้หายห่วง
อย่างไรก็ตาม ในแพ็กเกจก็มีตัวแปลง USB-A (Male) เป็น USB-C (Female) ให้มาด้วย สำหรับคนที่ไม่สะดวกชาร์จไฟผ่านสมาร์ทโฟน ก็ใช้สายแปลงตัวนี้แล้วชาร์จไฟด้วย Powerbank หรืออะแดปเตอร์ได้ตามสะดวก
ระยะเวลาในการชาร์จไฟ HUAWEI FreeLace เป็นอีกจุดแข็งของหูฟังไร้สายรุ่นนี้ ด้วยความสามารถในการชาร์จเร็ว ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 4 ชั่วโมง ถ้าชาร์จไฟจนเต็ม 100% ตามสเปคจะใช้ฟังเพลงได้นานถึง 18 ชั่วโมง และ 13 ชั่วโมงสำหรับการใช้สนทนาโทรศัพท์ ส่วนการใช้งานจริงก็ใกล้เคียงกับหน้าสเปคล่ะครับ โดยเฉลี่ยผมจะชาร์จไฟประมาณ 5 วันครั้ง เน้นใส่ฟังเพลงเป็นหลัก ใช้งานวันละประมาณ 3 ชั่วโมง
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจใน HUAWEI FreeLace ก็คือการที่ตัวหูฟังมีแม่เหล็กดูดติดกันได้ ปกติเวลาใช้งานหูฟังที่เป็น Neckband มักจะเป็นการคล้องคอไว้ตลอดการใช้งาน พอเวลาที่ไม่ได้ใช้ฟังเพลง ก็จับให้ตัวหูฟังนั้นดูดติดกันได้เพื่อความคล่องตัว ที่สำคัญคือตอนที่หูฟังดูดติดกันมันจะเข้าสู่โหมด Disconnect และเมื่อแยกตัวหูฟังออกจากกันก็จะกลับมาเชื่อมต่ออีกครั้งโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องมาคอยเปิดปิดที่ตัวหูฟังอีกทีครับ
การเชื่อมต่อ HUAWEI FreeLace หากเป็นอุปกรณ์ยี่ห้ออื่น ก็เชื่อมต่อแบบ Bluetooth ได้ตามปกติเลยครับ เริ่มจากการกดปุ่ม Power ค้างจนไฟกระพริบ แล้วก็เลือกเชื่อมต่อจากในสมาร์ทโฟนได้เลย แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน HUAWEI ที่เป็น EMUI 9.1 (ส่วนมากเป็นรุ่นเรือธง Mate Series, P Series) มันจะเป็นอะไรที่ง่ายมาก เพียงเสียบขั้วต่อ USB-C เข้ากับพอร์ต USB-C ของ HUAWEI Smartphone จะเป็นการเรียกใช้ฟีเจอร์ HUAWEI HiPair เพียงกดปุ่ม Connect ที่ Pop-up ขึ้นมาบนหน้าจอสมาร์ทโฟน เท่านี้ FreeLace กับสมาร์ทโฟนก็จะเชื่อมต่อกันทันที
คุณภาพเสียงของ HUAWEI FreeLace ผมว่ามันเป็นหูฟังที่เข้าถึงคนส่วนมากได้ง่าย เสียงทุ้มโดดเด่น ส่วนเสียงกลางและเสียงแหลมไม่จม เวทีเสียงกว้างประมาณหนึ่ง ไม่ได้อุดอู้จนฟังนาน ๆ แล้วล้าหู โดยรวมผมว่ามันเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้สนุกตัวหนึ่งเลยล่ะ แล้วก็ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการฟังเพลงในยุคสมัยนี้ ที่เน้นไปรูปแบบ Music Streaming ด้วยความที่ไม่ได้มีคาแร็กเตอร์เป็นพวกหูฟังขี้ฟ้อง ที่จะต้องใช้ไฟล์เพลงคุณภาพสูง สำหรับ HUAWEI FreeLace แค่ Spotify แล้ว Stream แบบ Automatic ก็มอบความสุขระหว่างฟังเพลงได้แล้วครับ
ภาพรวมของ HUAWEI FreeLace สำหรับผมมันเป็นหูฟังที่คุ้มค่ามาก กับราคา 2,490 บาท ความคุ้มค่าของหูฟังในมุมมองของผม นอกจากเรื่องเสียงและวัสดุแล้ว การที่สามารถหยิบใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ก็ถือเป็นความคุ้มค่าอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน และ HUAWEI FreeLace ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกได้เป็นอย่างดี เริ่มจากการสวมใส่ที่เป็นแบบ Neckband คล้องคอได้ทั้งวัน มีฟีเจอร์เชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อสวมใส่ และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน