ช่วงหลังมานี้เรามักจะเห็นมือถือจอยาวสัดส่วน 18:9 หรือมากกว่านั้นออกมาวางจำหน่ายมากมายหลายรุ่น และแน่นอนว่าในตอนนี้กลายเป็นสิ่งจำเป็นไปโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อมือถือรุ่นใหม่สักเครื่อง
โดยรุ่นที่จะมารีวิวนั้นก็มาพร้อมกับจอยาว 18:9 มีหน้าจอที่ไร้กรอบเหมือนแบรนด์อื่น ๆ โดยมือถือรุ่นดังกล่าวก็คือ Vivo V7+ โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ Vivo ได้เอามาทำตลาดในประเทศไทยในราคาเปิดตัว 11,990 บาท หลังจากที่เอาตระกลู V5 มาขายจนครบทุกรุ่นไปแล้ว ว่าแต่ตัวนี้จะมีอะไรแตกต่างไปจากรุ่นเดิมบ้างมาดูกันเลยดีกว่า
สเปค Vivo V7+
- หน้าจอ 5.99 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1440 pixels HD +
- CPU Snapdragon 450
- GPU Adreno 506
- Ram 4 GB
- ROM 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 3225 mAh
- พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB 2.0
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือหลังเครื่อง
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi Dual Band, Bluetooth 4.2 และ OTG
- ชิปเสียงระดับ Hi-Fi AK4376A
- ราคา 11,990 บาท
Vivo V7+ รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่ถูกจัดมาใหม่ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.99 นิ้ว ความละเอียด HD + กระจกหน้าจอเป็นแบบ 2.5D มีความโค้งเล็กน้อยบริเวณมุมกระจก ซึ่งรอบนี้เป็นครั้งแรกที่ Vivo ได้นำเอาจอสัดส่วน 18:9 มาใช้งานใน โทรศัพท์ของตัวเอง โดยที่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องนั้นจะไม่มีปุ่มใด ๆ ให้เราได้เห็นเลยจะมีเพียงแต่กรอบบนล่างเท่านั้นที่กินพื้นที่เพียงเล็กน้อย
ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วย กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ต่าง ๆ และ Flash LED แบบ Selfie Softlight
ด้านหลัง Vivo V7+ อาจจะมีความคล้ายกับ Vivo V5s ไปบ้าง แต่จะแตกต่างตรงที่ Vivo V7+ จะย้ายที่สแกนลายนิ้วมือมาไว้หลังตัวเครื่องแทนยังไม่ได้เอาฝั่งไว้ใต้จอ ส่วนตัวฝาหลังนั้นเป็นลหะแบบ Unibody มีความสวยงามแข็งแรงมาก ๆ โดยที่จะมีการทำขอบตัวเครื่องให้มีความโค้งมนรับกับมือเป็นอย่างดี
ด้านบนเรียบ ๆ มีไมโครโฟนที่เอาไว้ตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างเครื่องประกอบไปด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 ไมโครโฟน พอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีช่องใส่ซิมแบบ Triple slot ซึ่งถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ ไม่ต้องมาเลือกว่าจะใส่ Sim หรือ MicroSD card
ฝั่งขวาตัวเครื่องประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่ม Power
โดยที่รอบนี้หลาย ๆ คนดูสเปคแล้วอาจจะแอบคิดว่าทำไมใช้เพียงแค่ Snapdragon 450 อันนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Snapdragon 450 เป็นชิปที่ปรับปรุงมาจาก Snapdragon 625 เพื่อเอามาทดแทน Snapdragon 435 รุ่นก่อนโดยชิปตัวนี้มีขนาด 14nm ซึ่งเป็นชิปตัวแรกในซีรี่ย์ 400 ที่มีขนาดเล็กเท่านี้ ทำให้การใช้พลังงานของ Snapdragon 450 ประหยัดขึ้นมากถึง 30% และมีประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมมากขึ้นถึง 25% ส่วนใครที่อยากรู้เกี่ยวกับการใช้งานจริงก็อดใจรออีกนิดเพราะจะออกรีวิวตัวเต็มมาให้ดูเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน