เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 8 , 8 Plus และ iPhone X เป็นไปเหมือนที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้แบบ 100 % โดยรอบนี้ Apple ก็ได้จัดเต็มเอาฟีเจอร์ทุกอย่างที่มีนั้นใส่มาให้แบบไม่มีกั๊กกันเลย เราเลยยก 8 ฟีเจอร์เด่นในงานเปิดตัวมาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน
1. iPhone 8 ราคาแพงขึ้นนิดหน่อย ส่วน iPhone X แพงกว่า iPhone ทุกรุ่นที่เคยมีมา
โดยราคาของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เปิดราคามาสูงกว่าตอน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เล็กน้อย แต่จะให้ความจุเริ่มต้นที่ 64 GB กับ 256 GB 2 รุ่นเท่านั้นไม่มี 128 GB แล้ว
ราคา iPhone 8 , iPhone 8 Plus
- iPhone 8 64 GB ราคา $699 ประมาณ 27,000 บาท
- iPhone 8 256 GB ราคา $849 ประมาณ 32,000 บาท
- iPhone 8 Plus 64 GB ราคา $799 ประมาณ 29,900 บาท
- iPhone 8 Plus 256 GB ราคา $949 ประมาณ 35,300 บาท
ราคา iPhone X
- iPhone X 64 GB ราคา $999 ประมาณ 37,100 บาท
- iPhone X 256 GB ราคา $1149 ประมาณ 44,500 บาท
2. iPhone 8 ดีไซน์คล้ายเดิม แต่แข็งแรงขึ้น ส่วน iPhone X ก็ไร้ขอบไงล่ะ!!
ถึงแม้ว่าดีไซน์โดยรวมจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ว่ามีการเปลี่ยนใช้วัสดุอย่างเห็นได้ชัด โดย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีวัสดุตัวเครื่องเป็นกระจกกับอลูมิเนียม
ส่วน iPhone X จะใช้กระจกที่แข็งพิเศษและกรอบตัวเครื่องสแตนเลสให้ความแข็งแรงคงทนมากกว่า รวมถึงดีไซน์ก็แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด มาพร้อมกับดีไซน์แบบไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม
3. ชิปเซ็ตตัวใหม่ Apple A11 เร็ว แรงขึ้นกว่าเดิม 70 %
ชิปใหม่ที่ถูกเปิดตัว และนำมาใช้กับ iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X คือ Apple A11 Bionic ที่มาพร้อมกับ CPU 4 Core ประหยัดแบตซึ่งเร็วกว่าชิพ A10 Fusion ถึง 70% และ 2 Core ตัวแรง ที่แรงกว่าเดิม 25% (รวมเป็น 6 Core) ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบนิวรอล AI ที่จะคอยมาช่วยประมวลผลต่าง ๆ ให้เร็วยิ่งขึ้น
4. กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านเท่าเดิม แต่เซนเซอร์ใหม่หมด
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus (กล้องคู่) มาพร้อมกล้อง 12 ล้านพิกเซล มีแฟลช LED True Tone 4 ตัวเหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่หมด สามารถถ่ายรูปได้สว่างขึ้นกว่ารุ่นเดิมถึง 83% มีโหมด Portrait Lighting ให้ปรับแสงได้ความต้องการ รวมถึงสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ดีขึ้น และที่สำคัญสามารถถ่ายวิดีโอได้ระดับ 4K 60 fps และถ่าย Slow-mo ที่ความละเอียด Full HD 240 fps ได้แล้ว
ส่วน iPhone X จะเหนือกว่าด้วยกล้องคู่เทเลโฟโต้ f/2.4 ทำให้ถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีกว่า f/2.8 ของกล้องเทเลโฟโต้ใน iPhone 8 Plus
5. กล้องหน้า TrueDepth ล้ำหน้ากว่าที่เคย
*เฉพาะ iPhone X* กล้องหน้า TrueDepth ทำให้สามารถใช้ Portrait Mode และ Portrait lighting ได้เหมือนกับกล้องหลัง ของ iPhone 8 Plus นอกจากนี้ยังสามารถทำ Animoji ได้เป็นอีโมจิที่เคลื่อนไหวไปตามหน้าตาของผู้ใช้ได้อีกด้วย ส่วนกล้องหน้า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังคงเป็นกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซลเท่าเดิม
6. หน้าจอ Super Retina HD แสดงผลได้ดีขึ้น คมชัดที่สุดเท่าที่เคยมีใน iPhone
จอ OLED ขนาด 5.8 นิ้วบน iPhone X ถูกพัฒนามาเป็น Super Retina HD Display แบบใหม่ สามารถลบข้อด้อยของ OLED แบบเดิม ๆ ไปได้หมด มีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล 458ppi คอนทราสสูงถึง 1,000,000:1 กินพื้นที่หน้าจอของ iPhone X ทั้งหมด นอกจากนี้ยังรองรับมาตรฐาน HDR , HDR10 และ Dolby Vision ทำให้การแสดงผลบนหน้าจอนั้นทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนหน้าจอของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็มีขนาดเท่าเดิมคือ 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้วตามลำดับ แต่มีการเพิ่มเรื่อง True Tone Display เข้ามา และมีขอบเขตสีที่กว้างกว่าเดิม
7. ระบบปลดล็อก Face ID และ Touch ID
Face ID เป็นระบบปลดล็อคเครื่องแบบใหม่เฉพาะใน iPhone X ใช้วิธีการจดจำใบหน้าของผู้ใช้ ไม่ว่าจะใส่แว่นตา เปลี่ยนทรงผม หรือหนวดขึ้นเต็มหน้า Face ID ก็สามารถจำผู้ใช้ได้ โดยที่ข้อมูลหน้าผู้ใช้จะถูกเก็บไว้บนเครื่อง และประมวลผลบนเครื่องเท่านั้น ไม่ส่งเข้าเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานกับ Apple Pay และแอพที่รองรับได้เหมือนกับ Touch ID
ส่วนระบบการปลดล็อกของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังคงเป็น Touch ID เหมือนกับตอน iPhone 7
8. ระบบชาร์จไร้สาย
iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X รองรับการชาร์จไร้สายหรือ Wireless Charging ตามมาตรฐานของ Qi สามารถชาร์จผ่านแท่นชาร์จมาตรฐาน Qi ได้เลย และ Apple เองก็ได้ออกที่ชาร์จไร้สายแบบใหม่ที่เรียกว่า AirPower มาพร้อมกันอีกด้วย สามารถชาร์จ iPhone, Apple Watch และ AirPods ได้พร้อมกันถึง 3 เครื่อง