หลังจากที่ Huawei ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตอนที่เปิดตัว Huawei P9 ไปเมื่อปี 2016 โดยเป็นมือถือรุ่นแรกที่ Huawei ร่วมมือกับทาง Leica เพื่อพัฒนากล้องในสมาร์ทโฟน และมีกระแสตอบรับที่ดีสุด ๆ ปลุกกระแสการถ่ายภาพแบบขาวดำ หรือ Monochrome อันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica ได้เป็นอย่างดี แม้แต่ตัวผู้เขียนเองที่มีเพื่อนเป็นช่างภาพ หรือคนเล่นกล้องก็ล้วนแต่เปลี่ยนมาใช้ Huawei P9 ด้วยกันทั้งนั้น จะบอกว่า Huawei P9 เป็นมือถือที่ทำให้ Huawei เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นก็คงไม่ผิดนัก
Huawei P9 กล้องคู่ Leica รุ่นแรก เปิดตัวปี 2016
พอครบรอบ 1 ปี ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ซึ่งก็คือ Huawei P10 ที่มาพร้อมกับความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นจากตอน Huawei P9 และแน่นอนว่ามันยังคงมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ Leica Dual Camera แต่เป็นรุ่นใหม่เวอร์ชัน 2.0 มีความละเอียดของเซ็นเซอร์โมโนโครม 20 ล้านพิกเซล และที่สำคัญคือรอบนี้ Leica ยังช่วย Huawei ในการพัฒนากล้องหน้าของ Huawei P10 อีกด้วย ว่าแต่กล้องหน้า – หลัง Leica จะเจ๋งอย่างไรนั้น เลื่อนลงมาอ่านรีวิว Huawei P10 ได้เลยครับ
สเปค Huawei P10
- หน้าจอ IPS-NEO LCD ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD กระจกป้องกันหน้าจอ 2.5D Corning Gorilla Glass 5
- ชิปเซ็ตประมวลผล Hisilicon Kirin 960 ความเร็ว 2.4 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G71 MP8
- Ram 4GB
- ความจุ 32/ 64 GB พร้อมรองรับ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องหลังคู่ (Dual-Camera) จาก Leica ความละเอียด 20 + 12 ล้านพิกเซล f/2.2 มี OIS
- กล้องหน้า Leica ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/1.9
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, USB Type-C และ NFC
- แบตเตอรี่ความจุ 3200 mAh
- ระบบปฏิบัติการ EMUI 5.1 บนพื้นฐาน Android 7.0 Nougat
- ราคา 17,900 บาท (32 GB)/ ราคา 19,900 บาท (64 GB)
- สเปคเต็ม ๆ Huawei P10
กล่องของ Huawei P10 ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีการออกแบบใหม่ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน Huawei ได้ออกแบบกล่องของ Huawei P8 ได้มีความน่าสนใจทีเดียว ด้วยการวางตัวเครื่องแบบแนวตั้ง ซึ่งไม่ค่อยพบในกล่องสมาร์ทโฟนปกติทั่วไปเท่าไหร่ แต่พอมาใน Huawei P10 กล่องมีการออกแบบให้เวลาเปิดจะเปิดเหมือนหน้าต่าง เมื่อเปิดกล่องมาก็จะพบกับ Huawei P10 พร้อมกับอุปกรณ์เสริมทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ที่รองรับ Huawei Super Charge, สาย USB-C to USB-A, หูฟัง และเคส Huawei P10 แบบพลาสติกใส
จุดเด่น
– ทุกอย่างอยู่ในจุดสมดุล ทั้ง CPU, แรม, หน้าจอ, แบตเตอรี่, กล้อง
– กล้องหลังคู่ Leica ยังคงประทับใจเหมือนเดิม ไฟล์ดี ถ่ายรูปสนุก โฟกัสแม่น และรวดเร็ว
– งานประกอบดีสมราคา
– การจัดการพลังงานถือว่าใช้ได้
ข้อสังเกต
– ภาพที่พรีวิวในกล้องจะไม่เหมือนกับภาพหลังจากถ่ายเสร็จแล้ว เพราะตัวเครื่องมีการปรับแต่งภาพอีกที
บทสรุป
BEST CAMERA SMARTPHONE
Design
สำหรับการออกแบบ Huawei P10 จะมีดีไซน์ที่ไม่ได้ต่างจากตอน Huawei P9 เท่าไหร่นัก ตัวเครื่องยังคงเน้นไปที่ความกะทัดรัด พกพาสะดวกเหมือนเดิม มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ขอบจอบางเฉียบ ตัววัสดุเป็นโลหะที่ผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน โดยเฉพาะสีพิเศษอย่าง Dazzle Gold ที่จะเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อโดนแสง ส่วนเครื่องรีวิว Huawei P10 ที่เราได้รับมานั้นเป็นสีดำ ก็ให้ความรู้สึกที่ดูหรูหรา ลึกลับ และน่าค้นหามิใช่น้อย
รายละเอียดต่าง ๆ เริ่มจากทางด้านข้าง Huawei P10 ทางด้านขวามือ จะเป็นปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง โดย Huawei มีการเล่นสีสันบริเวณปุ่ม Power ให้เป็นขอบสีแดง ให้ฟิลความเป็น Leica เล็ก ๆ เป็นกิมมิคที่ทำให้เครื่องสีดำดูเด่นขึ้นเยอะเลยครับ
ด้านล่างเป็นพอร์ต USB-C, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง, ไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องใส่ซิมจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ เป็นแบบ Hybrid Slot รองรับ Micro SD Card ความจุสูงสุด 256 GB
Huawei P10 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ใช้กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 ที่มีความทนทานมากกว่ารุ่นก่อน และเป็นกระจกหน้าจอแบบโค้งเล็กน้อย 2.5D ตามสมัยนิยม ซึ่งกระจกแบบ 2.5D จะมีปัญหาเวลาที่ติดฟิล์มกันรอยปกติทั่วไป แม้แต่ฟิล์มกันรอยที่ติดมาให้ตั้งแต่ในกล่องก็ไม่ได้เป็นแบบเต็มหน้าจอ จะเหลือพื้นที่บริเวณขอบโค้งเอาไว้ ทำให้การปกป้องหน้าจอทำได้ไม่เต็มที่ อาจจะเกิดรอยขนแมวบริเวณขอบจอได้
สำหรับใครที่ซีเรียสเรื่องติดฟิล์ม Huawei P10 กลัวจะไม่เต็มจอแล้วล่ะก็ หมดกังวลได้เลย เพราะตอนนี้ Focus ก็ได้ทำฟิล์มกันรอยชนิดพิเศษ รุ่น Focus Curved Fit TPU Perfect Edge ฟิล์มลงโค้งแบบใส เนื้อ TPU ที่มีความยืดหยุ่นสูง ลงโค้งได้ทุกสัดส่วน ปกป้องหน้าจอ Huawei P10 ได้เต็ม 100% เนื้อฟิล์มเป็นแบบใส ทำให้ภาพคมชัด สีสันสดใส ทัชสกรีนลื่น ไม่มีสะดุด และมีจุดเด่นคือเนื้อฟิล์มบาง สามารถใช้งานร่วมกับเคสแบบฝาพับของ Huawei ที่แถมให้เฉพาะผู้ที่ Pre-Order Huawei P10 ได้อีกด้วย
สำหรับสีสันหน้าจอของ Huawei P10 ก็สามารถแสดงผลออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ให้สีที่ค่อนข้างตรง เหมาะกับการดูภาพ หรือแม้แต่การรับชมวีดีโอก็ไม่ใช่ปัญหา ส่วนความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD ก็ให้ความคมชัด และเหมาะสมกับขนาดหน้าจอ 5.1 นิ้วได้เป็นอย่างดี
ด้านหลังของ Huawei P10 เครื่องสีดำที่เราได้รับมารีวิวนั้น ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทั้งชิ้น ขึ้นรูปแบบ Unibody วิธีการเก็บขอบมุมเป็นแบบ Hyper Diamond-Cut Finishing กรรมวิธีเดียวกับการเจียระไนเพชร ส่วนพื้นผิวด้านหลังเป็นแบบ Sandblast โดย Huawei P10 จะมีพื้นผิวด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ Sandblast (แบบพ่นทราย) กับ High Gloss ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่สีของตัวเครื่อง Huawei P10 และที่พื้นผิวมีการเคลือบนาโน สำหรับป้องกันละอองน้ำ (ไม่สามารถใช้งานใต้น้ำได้)
ในส่วนของการจับถือตัวเครื่อง Huawei P10 ทำได้ถนัดมือและเข้ามือเอามาก ๆ ด้วยความที่บริเวณด้านข้างออกแบบให้มีความโค้งมนรับกับมือเป็นอย่างดี บวกกับขนาดตัวเครื่องที่กำลังพอดีมือ การใช้งานจึงมีความคล่องตัวสูง
รายละเอียดทางด้านหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลังคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และ 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับแฟลช LED แบบ Dual Tone พร้อมสกรีนคำว่า Leica และมีโลโก้ Huawei อยู่ทางด้านหลัง โดยความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ Huawei P9 ก็คือด้านหลังของ Huawei P10 ไม่มีปุ่มสแกนลายนิ้วมืออีกต่อไปแล้ว
โดยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Huawei P10 ถูกย้ายมาไว้ทางด้านหน้าของตัวเครื่อง ที่เดียวกับปุ่มโฮมนั่นเอง ลักษณะของปุ่มจะเหมือนกับ Huawei Mate 9 Pro หรือ Porsche Design: Huawei Mate 9 คือเป็นปุ่ม Smart Touch ที่รองรับการใช้งานหลายคำสั่ง ได้แก่
- การแตะ ใช้แทนปุ่ม Back
- การกดค้าง ใช้แทนปุ่ม Home
- การปัดจาดซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย แทนปุ่ม Recent App
- การปัดจากล่างขึ้นบน ใช้เรียก Google Now
ถ้าใครไม่ถนัดใช้ปุ่ม Smart Touch ก็สามารถเลือกใช้ Navigation Keys แบบปกติแบบ Soft Key ที่จะกินพื้นที่หน้าจอเล็กน้อยได้เช่นกัน แต่ส่วนตัวแนะนำให้คนที่ซื้อ Huawei P10 ลองฝึกใช้ Smart Touch ดูครับ ตอนที่ได้เครื่องรีวิว Huawei P10 มาเนี่ย ผมว่าใช้ปุ่ม Smart Touch มันสะดวก และคล่องตัวกว่าจริง ๆ จนพอเปลี่ยนกลับมาใช้ iPhone 7 Plus นี่รู้สึกว่าไม่ถนัดเอาเสียเลย
ส่วนเรื่องสีสันของตัวเครื่อง Huawei P10 ที่ขายในประเทศไทย จะมีด้วยกันทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Dazzling Blue, Dazzling Gold, Prestige Gold, Graphite Black, Mystic Silver และ Greenery โดยแต่ละสีก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นของ Huawei P10 ด้วย ตามนี้ครับ
- Huawei P10 ความจุ 32 GB ราคา 17,900 บาท มีสี Mystic Silver กับ Prestige Gold
- Huawei P10 ความจุ 64 GB ราคา 19,900 บาท มีสี Dazzling Blue, Dazzling Gold, Graphite Black และ Greenery (จำหน่ายภายหลัง)
ภาพรวมในส่วนของการดีไซน์ Huawei P10 สำหรับผมไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะ Huawei ยังคงทำได้ดีตามมาตรฐาน ทั้งในด้านการออกแบบที่สวยงาม วัสดุหรูหรา และใช้งานได้อย่างถนัดมือ รวมถึงการติดปุ่ม Smart Touch ที่ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นไปอีก กับขนาดหน้าจอที่ 5.1 นิ้ว เลยทำให้ Huawei P10 เป็นสมาร์ทโฟนที่ถือติดตัวได้ตลอดเวลา การยกขึ้นมาถ่ายรูป หรือการใช้งานโดยรวมก็สามารถใช้มือเดียวได้สบาย ๆ ครับ
Software
Huawei P10 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 5.1 ที่มีพื้นฐานบน Android 7.0 Nougat ซึ่งถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของโลกแอนดรอย (ไม่นับ Android O ที่เป็นตัว Developer Preview) โดยตัว EMUI 5.1 มีความเปลี่ยนแปลงจากระบบปฏิบัติการ EMUI เวอร์ชันก่อนหน้าพอสมควร ทั้งเรื่องของการจัดวาง รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่โดยรวมดูคลีนมากขึ้น ใช้งานได้ง่ายขึ้น และยังมีการออกแบบให้ UI สามารถเข้าถึงเมนูทั้งหมดได้ภายใน 3 ขั้นตอน ไม่มีเกินจากนี้
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ EMUI 5.1 ก็คือ Machine Learning ที่ใส่มาในตัวซอฟท์แวร์ เพื่อเรียนรู้การใช้งานของตัวผู้ใช้ และปรับแต่งซอฟท์แวร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Huawei P10 ทำงานได้รวดเร็วเท่ากับวันแรกที่แกะกล่อง แม้เวลาจะผ่านไปนาน 18 เดือนก็ตาม
ส่วนฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ผมคิดว่าน่าสนใจก็คือ App Twin ซึ่งผมเชื่อว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนพยายามที่จะ Login Facebook พร้อมกัน 2 Account เพราะบางคนก็จะแยก Facebook ที่ทำงาน กับ Facebook ส่วนตัว บางทีใช้การสลับ Account เองก็มีงงบ้างอะไรบ้าง บางทีโพสผิดโพสถูก แต่ไม่ใช่กับ Huawei P10 แน่นอน ที่มาพร้อมกับ App Twin ทำให้เพื่อน ๆ สามารถใช้งาน Facebook ได้พร้อมกัน 2 Account รวมถึงแอปพลิเคชันสำหรับแชทยอดนิยมของคนทั่วโลกอย่าง WhatApp ก็สามารถใช้งาน App Twin ได้เช่นกัน หวังว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นแอปพลิเคชันอื่น ๆ รองรับ App Twin บ้างนะครับ ถ้าเป็น Line รองรับ App Twin เนี่ยจะแจ่มมากเลย
Huawei P10 ก็ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกไม่ว่าจะเป็น Smart WiFi+ ที่จะรู้ว่าสถานที่เราอยู่มี WiFi สัญญาณแรง ๆ พร้อมเชื่อมต่อหรือไม่และสลับ 4G ให้อัตโนมัติเมื่อสัญญาณ WiFi อ่อน, Screen Record บันทึกภาพหน้าจอได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอและยังสามารถจับภาพหน้าจอแบบยาวได้รวมถึงฟีเจอร์ Huawei Share ที่ช่วยให้การแชร์ไฟล์ระหว่างเครื่อง Huawei P10 และ Huawei รุ่นบน ๆ ที่รันด้วย EMUi 5.0 ขึ้นไปเป็นเรื่องง่ายสุดๆ
Camera
หนึ่งในสิ่งที่เป็นจุดแข็งของ Huawei P10 ก็คงหนีไม่พ้นกล้อง โดย Huawei P10 มาพร้อมกับกล้องคู่ Leica Dual Camera 2.0 เลนส์ SUMMARIT-H f/2.2 ที่ระยะ 27 มิลลิเมตร ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (Monochrome) และความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (RGB) มีกันสั่น OIS ระบบโฟกัส 4 in 1 ได้แก่ Phase Detection, Laser Auto Focus, Contrast Focus และ Depth Focus ที่ได้ทั้งความรวดเร็ว และความแม่นยำ สามารถซูม 2 เท่าแบบ Hybrid Zoom (ใช้ฮาร์ดแวร์) รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K
ซอฟท์แวร์กล้องก็แทบจะถอดแบบจาก Huawei Mate 9 มาเลย หน้าตา UI ทำความเข้าใจไม่ยาก โหมดที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้น Monochrome ภาพขาวดำ ที่อัพเกรดให้ใช้ Wide Aperture ได้ (หน้าชัด – หลังเบลอ), Vivid Color อันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica, โหมด Refocus ถ่ายหน้าชัด – หลังเบลอแบบเนียน ๆ ส่วนโหมดอื่น ๆ ก็มีให้เลือกใช้งานกันอย่างจุใจเช่นกัน
นอกจากนี้ก็ยังโหมดทีเด็ดที่จะทำให้การถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ด้วยกล้องมือถือเปลี่ยนไป ได้แก่ Leica Portrait Mode ที่จะทำการจัดแสง, ละลายฉากหลัง และยังมีการวิเคราะห์โครงหน้าแบบ 3D ทำให้ได้ภาพบุคคลที่สวยเหมือนมีไฟจากสตูดิโอเลยทีเดียว ประมาณว่ายิงไฟเข้าย้อนแสง 45 องศา และที่สำคัญคือโหมดดังกล่าวใช้งานได้ทั้งแบบปกติ และขาวดำ ซึ่งการถ่ายภาพขาวดำแบบ Leica Portrait Mode นี่มันได้อารมณ์ของภาพสุด ๆ
ส่วนตัวผมยอมรับเลยว่า ติดใจกล้องของ Huawei P10 มาก ๆ เพราะเป็นกล้องมือถือที่ถ่ายได้สนุก หรือจะถ่ายจริงจัง ประเภทที่ว่าแบกขาตั้งกล้องไปเก็บภาพก็ยังได้ ระบบโฟกัสแม่นยำ และรวดเร็ว ไฟล์ภาพที่ได้ประทับใจ รายละเอียดมาเต็ม ถ่ายกลางคืนก็โอเคทีเดียว ที่สำคัญคือ เสียงชัตเตอร์แบบ Leica Style ก็ยังมีให้เห็นใน Huawei P10 เหมือนเคย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Huawei P10
กล้องหน้าของ Huawei P10 ใช้เซนเซอร์ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 มี Auto Focus อัพเกรดไปอีกระดับด้วย Leica Portrait Mode แบบเดียวกับในกล้องหลัง พร้อมด้วยฟีเจอร์ Artistic ที่ช่วยละลายฉากหลัง + เพิ่ม Vignette ทำให้ตัวแบบดูเด่นมากขึ้น
แน่นอนว่ามีการปรับโทนผิวให้เนียน แต่เหนือกว่าเพราะพวกรายละเอียดอื่น ๆ เช่น ขนคิ้ว, ขนตาอะไรพวกนี้ไม่โดนเบลอเหมือนโหมด Beauty ทั่วไป
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า Huawei P10
Performance
ด้วยความแรงจากชิปเซ็ต Hisilicon Kirin 960 ชิปเซ็ตแบบ Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz แบ่งออกเป็น CPU แบบ Cortex A73 Quad-core ความเร็ว 2.4 GHz สำหรับประมวลผลหนัก ๆ เช่น การเล่นเกม 3D, CPU แบบ Cortex A53 Quad-core ความเร็ว 1.8 GHz ใช้ในการประมวลผลปกติทั่วไป
ส่วนการประมวลผลที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูง จะใช้เป็นชิป i6 coprocessors ชิปเซ็ตช่วยประมวลผล ที่กินพลังงานต่ำ ทำให้ใช้งานแบตเตอรี่ได้นาน และความร้อนของตัวเครื่องไม่สูงจนเกินไป ชิปกราฟฟิคของ Huawei P10 ใช้ GPU Mali-G71 ซึ่งเป็นชิปกราฟฟิคที่แรงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 180%
เมื่อรวมกับสเปคด้านอื่น ๆ เช่น Ram 4 GB, ความจุในตัวเครื่อง 64 GB (มีรุ่นความจุ 32 GB ราคา 17,900 บาท) และการจัดการทรัพยากรเครื่องที่ดีของ EMUI 5.1 ที่มีทั้ง Machine Learning และการทำ Defragment ข้อมูลด้วย Huawei Ultra Memory ก็ทำให้ประสิทธิภาพของ Huawei P10 ออกมาน่าประทับใจในเรื่องของความเร็ว และความลื่นไหลในการใช้งาน ผมทดสอบกับเกมหลาย ๆ เกมบน Google Play Store ก็พบว่าไม่มีเกมไหนที่ Huawei P10 เล่นไม่ได้ แล้วก็เล่นได้ลื่นทุกเกมซะด้วย ส่วนการทดสอบด้วย AnTuTu Benchmark ก็แรงทะลุระดับ 100,000 คะแนน++ แม้จะไม่ได้แรงที่สุด แต่ในการใช้งานจริง บอกเลยว่าสู้ได้ทุกแบรนด์
ในส่วนของการจัดการพลังงาน แบตเตอรี่ของ Huawei P10 ให้มาที่ความจุ 3200 mAh สามารถใช้งานยาวนานแบบไม่ติดปัญหาอะไรแน่นอน ตามสเปคระบุไว้เลยว่าในการใช้งานหนัก จะสามารถใช้งานได้นานถึง 1.3 วัน แต่ถ้าใช้งานทั่วไปก็ 1.8 วันขึ้นแบบชิล ๆ จากการที่ลองใช้เครื่องรีวิว Huawei P10 ก็พบว่ามันทำออกมาได้ใกล้เคียงกับที่ Huawei ได้กล่าวไว้ครับ
ระบบชาร์จเร็วก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Huawei P10 ทำได้ดีมาก กับระบบ Huawei Super Charge ที่สามารถจ่ายไฟได้แรงถึง 5A ทั้ง ๆ ที่มีแรงดันไฟฟ้าเพียง 5V เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากระบบชาร์จเร็วของแบรนด์อื่น ที่มักจะมีแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 9V ขึ้นไป ก็เลยส่งผลให้ Super Charge ของ Huawei P10 ทั้งชาร์จเร็ว แถมยังปลอดภัยอีกต่างหาก ไม่มีปัญหาแบตเตอรี่ระเบิดระหว่างชาร์จแน่นอน รวมถึงอุณหภูมิของตัวเครื่องก็จะร้อนน้อยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
การชาร์จเร็วของ Huawei P10 ด้วยฟีเจอร์ Super Charge ตามสเปคก็คือใช้เวลาเพียง 30 นาทีจะสามารถใช้งาน Huawei P10 ได้นานถึง 1 วันเลยทีเดียว เมื่อรวมกับฟีเจอร์ชื่อว่า Low Resolution Screen ที่ช่วยปรับให้หน้าจอลดความละเอียดลง กินไฟน้อยลง, Power Saver และ Ultra Power Saver ที่มีให้เลือกปรับใช้ตามสถานการณ์แล้ว ในแง่ของการใช้งาน Huawei P10 คงไม่ต้องพึ่ง Powerbank ล่ะครับ