ASTON Luxury S เป็นโทรศัพท์ที่ผมจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ โดยรุ่น Luxury S จัดเป็นรุ่นอัพเกรดจากรุ่นก่อนอย่าง ASTON Luxury 4G ที่ผมเคยได้รีวิวเอาไว้ก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่าทาง ASTON ก็ได้จัดการเพิ่มสเปคให้มันสมบูรณ์มากขึ้นใน ASTON Luxury S ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ถึงแม้จะมีขนาดเล็กลง แต่ก็ใช้หน้าจอ IPS พร้อมกระจก 2.5D ที่โค้งเล็กน้อย สวยงาม ทันสมัย รวมถึงสเปคอื่น ๆ ก็มีการปรับไปเยอะพอสมควร และก่อนที่จะเข้าสู่การรีวิว ASTON Luxury S ก็ขอเริ่มที่สเปคก่อนเลย
สเปค ASTON Luxury S
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 720×1280 พิกเซล HD กระจก 2.5D
- หน่วยประมวลผล MediaTek MT6735 Quad-core 1.2 GHz 64 bit
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T720 GPU
- Ram 2 GB
- ความจุ 16 GB
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 128 GB
- กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล Auto-Focus พร้อมแฟลช LED
- รองรับ 2 ซิม
- รองรับ 3G : 900/2100MHz
- รองรับ 4G LTE : 850/900/1800/2100MHz
- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- แบตเตอรี่ความจุ 2800 mAh
จุดเด่น
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
ASTON Luxury S มาพร้อมกับดีไซน์ที่ส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจกับมือถือราคา 3,990 บาท คือได้มือถือบอดี้โลหะ ให้สัมผัสที่ดูทนทาน น้ำหนักเครื่องก็ถือว่าหนักพอประมาณ เนื่องจากใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 2800 mAh ในมือถือขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว กะทัดรัด พกพาสะดวก ใช้งานมือเดียวสบาย ๆ
ในแง่ของความหรูหรานั้น ด้านหลังของ ASTON Luxury S ผมว่าไม่เป็นรองใครเหมือนกัน ฝาหลังเป็นโลหะขัดลาย มีด้วยกัน 2 สี คือสีทอง และสีดำ Classic Black โดยเครื่องรีวิว ASTON Luxury S ที่เราได้รับมาเป็นตัวเครื่องสีทองครับ แต่ส่วนตัวผมว่าสีดำก็สวยดีนะ
รายละเอียดทางด้านหลังของ ASTON Luxury S ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ติดแฟลช Dual LED มาให้ และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส เว้าลงไปจากฝาหลังเล็กน้อย ตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือสามารถปลดล็อกโทรศัพท์ได้ ความเร็วในการปลดล็อกก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ความแม่นยำพอประมาณ และเราสามารถแตะเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือขณะที่หน้าจอดับอยู่ เพื่อเป็นการปลดล็อกตัวเครื่องได้ทันที โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Power เพื่อเปิดหน้าจอก่อน
ด้านหน้าของ ASTON Luxury S มีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนอย่าง ASTON Luxury 4G ในเรื่องของ Navigation Keys หรือปุ่มควบคุมที่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ปุ่มแบบ Soft Key ลอยอยู่ในหน้าจอแทน ไม่เหมือน ASTON Luxury 4G ที่เป็นปุ่มกดอยู่ด้านหน้าตัวเครื่อง แล้วดันไม่ได้ใส่ไฟ LED มาให้ที่ใต้ปุ่ม เลยทำให้กดผิดกดถูกในตอนกลางคืน โดยปุ่มดังกล่าวไล่จากขวาไปซ้าย ได้แก่ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ (Recent App)
หน้าจอ ASTON Luxury S มีขนาดอยู่ที่ 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD พาแนลหน้าจอเป็นแบบ IPS จุดนี้ก็เป็นอีกสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากรุ่นก่อน ให้มุมมองภาพ มุมมองสีที่กว่างขึ้น การตอบสนองเมื่อทำการทัชสกรีน (รองรับ Multi-Touch 10 จุด) อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวของ ASTON Luxury S ที่ 3,990 บาท (สามารถใส่ Code ส่วนลดเพื่อลดราคาเพิ่มได้อีกใน Lazada)
ด้านบนหน้าจอ ASTON Luxury S ประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับสนทนา, เซนเซอร์วัดแสง และกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
ด้านข้างของตัวเครื่อง ASTON Luxury S เริ่มจากทางด้านขวา ประกอบไปด้วยช่องใส่ซิมจำนวน 2 ช่อง โดยช่องเล็กจะเป็นซิม 2 รองรับซิมการ์ดขนาด Nano Sim ส่วนช่องใหญ่จะเป็นช่องใส่ซิม 1 (Nano Sim) กับ Micro SD Card ที่รองรับความจุสูงสุด 128 GB ข้อสังเกตคือตัวถาดซิมจะใส่ยากเล็กน้อย
ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นปุ่ม Power, ปุ่มปรับระดับเสียง ด้านล่างประกอบไปด้วยลำโพงหลักของตัวเครื่อง ASTON Luxury S กับไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์ ส่วนช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรและพอร์ต MicroUSB จะอยู่ทางด้านบนของตัวเครื่อง
ภาพรวมของ ASTON Luxury S เฉพาะเรื่องการออกแบบและวัสดุ ส่วนตัวผมว่า ASTON Luxury S ทำได้ดีสมราคา 3,990 บาทครับ ได้มือถือวัสดุเป็นโลหะ แข็งแรง มาพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ได้ในเรื่องของการพกพาสะดวก ใช้งานมือเดียวสบาย แถมยังเป็นหน้าจอแบบ IPS กระจกโค้ง 2.5D ทันสมัยอีกต่างหาก จะมีข้อสังเกตก็ตรงปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง เครื่องรีวิว ASTON Luxury S ที่ได้รับมาปุ่มมันจะเหมือนขยับได้ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแน่นอนครับ
Software
ASTON Luxury S มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow แต่มีการปรับแต่งไอคอนของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ยกแผง คือไม่มีอะไรเหมือน Stock Rom Android 6.0 เลย แต่ถ้ากดเข้าไปในหน้าการตั้งค่า หรือในแอปพลิเคชันพื้นฐาน อันนี้ก็จะเหมือน Stock Rom ครับ สรุปง่าย ๆ ว่ามันใช้งานไม่ยาก ใครที่เริ่มใช้งานสมาร์ทโฟนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ซอฟท์แวร์ ASTON Luxury S ที่น่าสนใจก็จะเป็นตัวเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ วิธีการตั้งค่าครั้งแรกก็ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > ส่วนตัว > ID ลายนิ้วมือ > จัดการลายนิ้วมือ แล้วก็เข้าไปเพิ่มลายนิ้วมือ โดยตัว Fingerprint ของ ASTON Luxury S นอกจากจะใช้ปลดล็อกตัวเครื่องได้แล้ว ยังสามารถใช้แทนปุ่มชัตเตอร์ (สำหรับการเซลฟี่), ใช้ในการรับสายโทรศัพท์ หรือใช้แทนปุ่ม Play/ Pause ขณะที่ฟังเพลงหรือเล่นวีดีโอก็ได้ แต่ข้อสังเกตคือ 2 ฟีเจอร์นี้ จะไม่จำเป็นว่าต้องเป็นนิ้วที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น คือใช้นิ้วไหน หรือนิ้วใครก็ได้ในการกดรับสาย และกดแทนปุ่มชัตเตอร์
Camera
กล้องหลังของ ASTON Luxury S ให้มาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล Auto Focus ติดแฟลช LED มาให้ 1 ดวง ในส่วนของการใช้งานกล้อง ASTON Luxury S ก็ไม่ได้ใช้งานยากแต่อย่างใด ตัวซอฟท์แวร์กล้องถอดมาจาก Stock Rom Android 6.0 Marshmallow แทบจะ 100% ทั้งการใช้งานและการตั้งค่า โหมดการใช้งานมีด้วยกัน 4 โหมดหลัก ๆ สำหรับถ่ายภาพนิ่ง ได้แก่
- ภาพถ่ายปกติ (มี HDR, ชูสองนิ้วเพื่อลั่นชัตเตอร์)
- โหมดหน้าสวย
- โหมดพาโนรามา
ส่วนกล้องหน้าของ ASTON Luxury S มีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล โหมดกล้องหน้ามีด้วยกัน 3 โหมด ได้แก่
- โหมดถ่ายภาพปกติ
- โหมดหน้าสวย
- สามารถชูสองนิ้วเพื่อถ่ายภาพได้
- สามารถใช้การยิ้มแทนกดชัตเตอร์ได้
คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้อง ASTON Luxury S ก็ทำได้ตามราคาแหละครับ คุณภาพของรูปถ่ายขึ้นอยู่กับสภาพแสงเป็นหลัก คือถ้ามีแสงเพียงพอก็พอใช้ได้ แต่ถ้าแสงน้อยก็จะได้คุณภาพที่ดรอปลงไปพอสมควร ส่วนกล้องหน้าก็มีโหมดหน้าสวยฟรุ้งฟริ้งมาให้ สำหรับตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง ASTON Luxury S ก็สามารถรับชมได้จาก Gallery ด้านล่างนี้เลย
Performance
ASTON Luxury S มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek MT6735 เป็นซีพียูแบบ Quad Core 64 Bit ความเร็ว 1.25 GHz, GPU Mali-T720 ก็ถือเป็นชิปเซ็ตที่พบได้ในมือถือหลายรุ่น เท่าที่เคยเห็นราคาแพงสุดที่ใส่ MediaTek MT6735 ก็ราคาเกือบ ๆ 6,000 บาทเลยทีเดียว แต่สำหรับ ASTON Luxury S มีราคาอยู่ที่ 3,990 บาทเท่านั้น
ส่วน Ram ของ ASTON Luxury S ก็ให้มาที่ Ram 2 GB (เหลือใช้ประมาณ 800 – 900 MB) ก็สามารถใช้งานทั่วไป ใช้งานอินเทอร์เน็ต 4G/ 3G/ Wifi ได้ เล่น Social Network เช่น Facebook, Line ก็ได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการใช้เล่นเกม อาจจะเล่นได้ลื่นเฉพาะเกมที่ไม่ค่อยกินสเปคเท่าไหร่ เช่น Candy Crush, Cookie Run Ovenbreak (กราฟฟิค SD) ส่วนเกมที่กินสเปคหนัก ๆ อาจต้องปรับกราฟฟิคในระดับต่ำสุด เช่น Asphalt 8 เป็นต้น ส่วนการรับชมวีดีโอ, Youtube, Line TV หรือใช้ดูทีวีออนไลน์ ASTON Luxury S ก็สามารถรับชมได้ทั้งหมด อย่าง Youtube นี่เปิดวีดีโอความละเอียด HD 720p ได้สบาย ๆ
แบตเตอรี่ของ ASTON Luxury S มีความจุอยู่ที่ 2800 mAh ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว การใช้งานก็ถือว่าแบตอึดใช้ได้ ด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น แบตเตอรี่, หน้าจอ รวมถึงสเปคที่ไม่ได้สูงมาก เลยทำให้ ASTON Luxury S สามารถใช้งานได้หมดวันแบบสบาย ๆ ไม่ต้องพก PowerBank