หลังจากที่ Samsung Galaxy S8 ได้เปิดตัวไป เชื่อว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนเตรียมควักกระเป๋าเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของสุดยอดโทรศัพท์มือถือเรือธง ที่จัดว่าเป็นตัวพ่อของ Android กันอย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่อัดอั้นตอน Samsung Galaxy Note 7 ที่ประสบปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ระเบิด ทำให้ต้องยุติการวางจำหน่ายตัวเครื่องอย่างถาวร หรือบางคนก็ตั้งใจรอตั้งแต่แรกแล้วอะไรก็ว่ากันไป
โดย Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับจุดเด่นหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจออัตราส่วนอันแปลกประหลาด แต่ก็แลกมากับพื้นที่หน้าจอแทบจะไร้ขอบ ทำให้ Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ เป็นโทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอใหญ่ ในขณะที่ขนาดตัวเล็กอย่างไม่น่าเชื่อ รวมถึงสเปคอื่น ๆ ก็ล้วนแต่จัดเต็มเหลือเกิน
ทั้งนี้ทั้งนั้น Samsung Galaxy S8 ก็ยังมีบางจุดที่มันควรจะทำได้ดีกว่านี้ และถ้ามันทำได้ล่ะก็ รับรองว่า Samsung Galaxy S8 รวมถึง Samsung Galaxy S8+ จะเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจขึ้นอีกเป็นกองเลย
1. เวอร์ชัน Ram 6 GB ที่วางจำหน่ายทั่วโลก!!
สิ่งแรกเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีน ที่บรรดาคู่แข่งทั้งหลาย โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนจากจีนหลาย ๆ ยี่ห้อที่ล้วนอัดสเปคกันแบบสุดโต่ง Ram 6 GB แทบจะเป็นเรื่องปกติเลยก็ว่าได้ เลยทำให้ Samsung ที่ต้องการบุกตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีน ต้องยอมอัดสเปคเข้าแลกเช่นเดียวกัน เลยทำให้ Samsung Galaxy S8 รุ่นที่ขายในจีนมาพร้อมกับ Ram 6 GB แต่ก็นั่นแหละครับ แบบนี้ประเทศอื่นน้อยใจแย่เลย
2. มีรุ่นหน้าจอแบบปกติที่ไม่โค้ง
หน้าจอโค้งแบบ Edge Screen เป็นอะไรที่ดูล้ำ และมันทำให้โทรศัพท์มือถือสวยมากก็จริง แต่สำหรับบางคน (รวมถึงตัวผู้เขียนเอง) ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันใช้งานจริงได้ถนัดมือเท่าไหร่ แม้ว่าทาง Samsung เองจะออกมาบอกว่ามันออกแบบมาให้ใช้งานได้ถนัดกว่าเดิมก็ตาม ส่วนตัวจะมีปัญหาเวลาพิมพ์ด้วยมือเดียว แป้นคีย์บอร์ดที่อยู่ตรงขอบ Edge Screen มักจะลั่นประจำ เพราะฉะนั้น Samsung ก็น่าจะมี Samsung Galaxy S8 แบบหน้าจอปกติให้เลือกซื้อเนอะ
3. กล้องคู่
ภาพคอนเส็ป Samsung Galaxy S8 Edge เมื่อปีที่แล้ว
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็กล้องคู่ สมาร์ทโฟนเรือธงหลายรุ่นตอนนี้ก็มาพร้อมกับกล้องคู่ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Huawei P10, iPhone 7 Plus, LG G6, Vivo V5 Plus รวมถึงเทคโนโลยี OPPO 5X และถามว่าทำไมต้องกล้องคู่ นั่นก็เพราะว่าการมีกล้องคู่ สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้หลากหลายมากขึ้น และเป็นการทลายข้อจำกัดของเซ็นเซอร์สมาร์ทโฟน เช่น ใช้ในการซูมที่แทบไม่เสียรายละเอียด, การละลายฉากหลัง (Re-Focus)
ที่สำคัญคือมีแหล่งข่าวจากเกาหลีใต้รายงานว่า Samsung มีแผนที่จะใส่กล้องคู่ในสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นถัดไปอย่าง Samsung Galaxy Note 8 อีกต่างหาก มันเจ็บตรงนี้!!
4. กล้องหลังที่น่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้
สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว จริงอยู่ที่บางฟีเจอร์ ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องคู่ก็ได้ อย่างการถ่ายละลายฉากหลังหรือการ Re-Focus เอง Samsung ก็ทำได้ตั้งแต่ Galaxy S5 แล้ว โดยใช้การถ่ายภาพซ้อนแทน หรือแม้แต่การซูม iPhone 7 Plus เองหากถ่ายรูปในที่แสงน้อยมาก ๆ ก็ใช้การ Crop ภาพแทนเช่นกัน แต่ปัญหาคือกล้องหลังของ Samsung Galaxy S8 เองก็ไม่ได้มีการพัฒนาขึ้นไปจากเดิมเท่าไหร่นัก ยังคงใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.7 เหมือนเดิม (ฮาร์ดแวร์อาจจะคนละตัวกับ Galaxy S7) และตัวอย่างภาพถ่ายที่ต่างประเทศลองถ่ายเทียบดูก็ยังไม่พบความแตกต่างเท่าไหร่นัก
5. จะสแกนนิ้ว หรือสแกนม่านตา เอาสักอย่างไหม?
Samsung Galaxy S8 มาพร้อมกับระบบปลดล็อกหน้าจอที่สุดยอดอย่าง Iris Scan หรือการสแกนม่านตา ที่ Samsung เคลมว่ามันมีความปลอดภัยสูงมาก (ก ไก่ล้านตัว) เพราะม่านตาเป็นสิ่งที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ตั้งแต่เราเกิดยันตาย และระบุความเป็นบุคคลได้ดีมาก มากกว่าสแกนนิ้วด้วยซ้ำไป แต่ทำไม Samsung Galaxy S8 ดันมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดมาที่ด้านหลังด้วยซะอย่างนั้น ถ้า Iris Scan มันดีจริง ๆ อะนะ
และที่สำคัญคือตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังตัวเครื่อง อันที่จริงมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าปุ่มสแกนนิ้วของ Samsung Galaxy S8 จริง ๆ มันต้องอยู่บนหน้าจอด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากผลิตไม่ทัน เลยต้องย้ายมาไว้ด้านหลังตัวเครื่องแทน ซึ่งความพีคคือ การจะสแกนนิ้วได้ต้องยกเครื่องขึ้นมาเสียก่อน มันก็ทับไลน์กับการสแกนม่านตาพอดีซะอย่างนั้น
6. แบตเตอรี่ที่อึด และใช้งานได้นานกว่านี้
ถึงแม้ว่า Samsung Galaxy S8 จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh และความจุ 3500 mAh สำหรับ Samsung Galaxy S8+ แต่เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Samsung Galaxy S7 ก็ไม่ได้มีความแตกต่างเท่าไหร่นักในแง่ของความจุแบตเตอรี่ ที่สำคัญคือการมาพร้อมกับชิปเซ็ตเทคโนโลยี 10 nm ก็ไม่ได้ทำให้อัตราการบริโภคพลังงานดีขึ้นเท่าไหร่เลยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
7. หน้าจอที่มีความละเอียดมากกว่านี้ (สำหรับ VR)
ในงาน MWC 2017 ที่ผ่านมา Samsung ได้เปิดตัว Gear VR รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับ Motion Control และความละเอียดหน้าจอของ Samsung Galaxy S8 เองก็มีความละเอียดสูงถึง WQHD+ แต่ไหน ๆ สเปคก็แรงสุด น่าจะใส่หน้าจอความละเอียด 4K มาเลย เพราะมันมีผลกับตอนที่ใช้งานร่วมกับ VR เป็นอย่างมาก เพราะทาง Samsung เองก็เคยออกมากล่าวว่า ยิ่งสมาร์ทโฟนมีหน้าจอความละเอียดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อการใช้งานร่วมกับ VR มากขึ้นเท่านั้น เพราะผู้ใช้จะสัมผัสถึงความสมจริงมากยิ่งขึ้น
8. ดีไซน์ด้านหลังที่ธรรมดาไปหน่อย
ข้อสุดท้ายนี่อาจจะส่วนตัวไปหน่อย แต่ก็คิดว่าน่าจะมีเพื่อน ๆ หลายคนรู้สึกเหมือนกัน คือดีไซน์ของ Samsung Galaxy S8 ด้านหน้านี่แบบว่าโอ้โหล้ำสุด แต่พอดูด้านหลังปุ๊บ ส่วนตัวคิดว่าแทบไม่รู้สึกแตกต่าง หรือว้าวอะไรเลยแม้แต่น้อย (เหมือนเอา Galaxy S7 มายืดออก) และเมื่อบวกกับอัตราส่วนหน้าจอแบบแปลก ๆ เข้าไปแล้ว เลยทำให้ด้านหลังมันดูมีพื้นที่ว่างเยอะ ภาพรวมจะดูธรรมดาเกินไปเมื่อเทียบกับด้านหน้าที่ล้ำสุด ๆ นั่นเอง
ภาพรวมของ Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ ส่วนตัวก็มองว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือที่จัดเต็มในแบบของ Samsung นั่นแหละครับ คนที่ซื้อไปใช้คงไม่ผิดหวังกับประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ทุกอย่างที่เป็นที่สุดของมือถือ Android ล้วนอยู่ในสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ เราก็จะพบว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนยังกั๊ก ๆ เอาไว้ปล่อยในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในแง่ของต้นทุนการผลิต และเรื่องการตลาด
แต่ในบางเรื่อง เหมือนว่า Samsung เองก็ยังไม่พร้อมเสียทีเดียว ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกดดันจากกรณี Samsung Galaxy Note 7 เลยทำให้ต้องรีบพัฒนา Samsung Galaxy S8 รวมถึงปัจจัยด้านระยะเวลา เลยทำให้บางสิ่งใน Samsung Galaxy S8 ที่มันควรจะทำได้ดีกว่านี้ สรุปง่าย ๆ คือผมรู้สึกว่า Samsung Galaxy S8 เป็นเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นขัดตาทัพมากกว่า เพราะของจริงที่น่าจะทำให้เราว้าว รวมถึงปิดช่องโหว่ทั้งหมด และเป็น The Next Galaxy ของจริงน่าจะเป็น Samsung Galaxy S9 ที่จะเปิดตัวในปี 2018 นี่แหละครับ
อ้างอิง: phonearena, samsung, theverge