มือถือทุกวันนี้นั้นมีฟีเจอร์หรือลูกเล่นต่างๆมากมายออกมาแข่งขันกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในเรื่องของซอฟท์แวร์ไปจนถึงเรื่องของฮาร์ดแวร์ อย่างเช่นหน้าจอที่สองของมือถือที่เริ่มมีแบรนด์ต่างๆ สนใจที่จะใส่ไว้ในมือถือของตัวเอง ยกอย่างเช่น Samsung ที่ได้ใส่หน้าจอที่สองเข้ามาในรูปแบบขอบโค้งที่ด้านข้างของหน้าจอ หรือ LG V10 มือถือเรือธงที่ได้เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ที่ใส่หน้าจอที่สองไว้บนหน้าจอหลัก แล้วหน้าจอที่สองของมือถือนั้นทำหน้าที่อะไรบ้าง? พูดง่ายๆ ก็คือบอกเวลาหรือการแจ้งเตือนต่างๆ รวมไปถึงการนำแอพพลิเคชั่นไปใส่ไว้เพื่อให้เราสะดวกต่อการเปิดใช้งานมากยิ่งขึ้น และที่น่าสนใจคือหน้าจอที่สองนั้นกลับไม่กินพลังงานจากแบตเตอรี่มากเท่าไร ต่างจากหน้าจอหลัก
สาเหตุที่ทำให้หน้าจอที่สองไม่กินพลังงานก็เพราะว่าหน้าจอที่สองนั้นมีขนาดเล็กนั่นเอง และเชื่อว่าต้องมีหลายคนสงสัยอย่างแน่นอนว่าหน้าจอที่สองของ LG V10 และ Samsung Galaxy Note Edge อันไหนดีกว่ากัน คำตอบคือดีทั้งคู่แต่จากการเปรียบเทียบภาพรวมของการใช้งาน โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ phoneArena.com ได้พบว่าหน้าจอที่สองของ Samsung Galaxy Note Edge นั้นมีประโยชน์มากกว่าหน้าจอที่สองของ LG V10 และวันนี้ผมจะมาพูดถึง 4 สิ่งที่ทำให้ขอบหน้าจอโค้งของ Galaxy Note Edge เหนือกว่าหน้าจอที่สองของ LG V10 จะมีตรงจุดไหนบ้างที่โดดเด่นกว่าไปดูกันได้เลย
1.เข้าถึงการใช้งานได้ง่ายกว่า
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่จะต้องพูดถึงนั่นคือเรื่องของการใช้งานอย่างแน่นอน และสิ่งที่ทำให้หน้าจอโค้งของ Samsung Galaxy Note Edge เหนือกว่า LG V10 นั่นคือเรื่องของการวางตำแหน่งของหน้าจอที่ Samsung เลือกมาวางไว้ที่ด้านข้างของตัวเครื่องทำให้เวลาใช้งานเราสามารถควบคุมได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น ต่างจากหน้าจอที่สองของ LG V10 ที่อยู่ในตำแหน่งด้านบนของตัวเครื่องทำให้การใช้งานหน้าจอที่สองนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยมือมือข้างเดียว (ในกรณีที่ถือเครื่องไว้ในมือ) เพราะด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.7 นิ้วจึงทำให้เราต้องใช้มือประคองตัวเครื่องไว้ข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างสั่งการหน้าจอ สรุปอย่างง่ายๆ ว่าเราจะควบคุมหน้าจอที่สองของ Samsung Galaxy Note Edge ได้ถนัดกว่าการใช้งานหน้าจอที่สองบน LG V10 ที่อยู่ในตำแหน่งด้านบนของหน้าจอ
2.มีตัวเลือกในการแสดงผลมากกว่า
แน่นอนว่าหน้าจอที่สองนั้นต้องมีลูกเล่นที่เหนือกว่าการแจ้งเตือนหรือแสดงผลเล็กๆ น้อยๆ อย่างแน่นอน ใช่แล้วล่ะครับ เพราะนอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วหน้าจอที่สองนั้นยังสามารถทำหน้าที่เป็นทางลัดในการเปิดใช้งานแอพต่างๆ ได้อีกด้วย และสิ่งที่ทำให้หน้าจอด้านข้างของ Samsung Galaxy Note Edge นั้นเหนือกว่าหน้าจอที่สองของ LG V10 นั่นคือทางผู้ผลิตนั้นได้ทำให้หน้าจอที่ของ Samsung Galaxy Note Edge นั้นสามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลาย และนอกจากนี้เรายังสามารถดาวน์โหลดแอพที่ใช้ควบคู่กับหน้าจอที่สองได้ใน Galaxy App Store ได้อีกด้วยทำให้เราสามารถใช้งานหน้าจอที่สองของ Samsung Galaxy Note Edge ในการควบคุมระดับเสียง,เช็คปริมาณ 3G ที่เรานั้นได้ใช้ไปแล้ว,แสดงรายการถึงสิ่งที่เราต้องทำ และรวมทั้งการวาง Shotcut ของแอพในเครื่องที่เรานั้นต้องการใช้งานเป็นต้น ต่างจากหน้าจอที่สองของ LG V10 ที่เราไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้มากนัก และการใช้งานในบางส่วนนั้นยังมีขีดจำกัดอยู่บ้าง
3. เพิ่ม Shotcut ของแอพที่เราจะใช้งานได้มากกว่า
ต่อจากหัวข้อที่แล้วในเรื่องของการวาง Shotcut หรือทางลัดในการเข้าถึงการใช้งานแอพต่างๆ LG V10 นั้นสามารถสร้าง Shotcut ของแอพไว้บนหน้าจอที่สองได้เพียง 5 แอพทำให้เรานั้นต้องเลือกแอพที่เรานั้นใช้งานบ่อยที่สุดมา 5 แอพเท่านั้นซึ่งย่อมเกิดปัญหาสำหรับคนที่มีแอพใช้งานบ่อยๆ มากกว่า 5 แอพ แต่สิ่งนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับ Samsung Galaxy Note Edge เพราะหน้าจอที่สองของ Samsung Galaxy Note Edge นั้นสามารถเลื่อนขึ้นลงได้ดังนั้นจึงแทบที่จะนำแอพทั้งหน้าใส่ลงไปได้ในส่วนนี้ ซึ่งเป็นข้อดีอีกหนึ่งข้อที่ทำให้หน้าจอที่สองของ Samsung Galaxy Note Edge นั้นเหนือกว่าหน้าจอที่สองของ LG V10
4.ใช้งานเป็นส่วนขยายคู่กับแอพที่มากับตัวเครื่องได้
และสิ่งสุดท้ายที่ทำให้หน้าจอที่สองของ Samsung Galaxy Note Edge นั้นเหนือกว่าหน้าจอที่สองของ LG V10 นั่นคือการควบคุมการใช้งานแอพผ่านหน้าจอที่สองของตัวเครื่อง อย่างเช่นภาพจากด้านบน ซึ่งเป็นภาพของ S Note และเราจะเห็นได้ว่าในส่วนของอ็อพชั่นต่างๆ นั้นได้ถูกย้ายไปไว้ที่ของด้านข้างซึ่งเป็นตำแหน่งของหน้าจอที่สอง รวมไปถึงในส่วนของกล้องถ่ายภาพที่จะย้ายในส่วนของเมนูตั้งค่าต่างๆ ไปไว้ที่หน้าจอที่สองทำให้เราได้ช่องมองภาพที่กว้างขึ้นเพราะไม่มีส่วนของเมนูมาบังนั่นเอง
และนี่คือ4 สิ่งที่ทำให้ขอบหน้าจอโค้งของ Galaxy Note Edge เหนือกว่าหน้าจอที่สองของ LG V10 ที่ผมได้ยกมากล่าวถึงในวันนี้ และสำหรับเพื่อนๆ ที่มีข้อคิดเห็นก็อย่าลืมแสดงความคิดเห็นของท่านลงในช่องแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างของบทความของเราด้วยนะครับ บทความหน้าผมจะมีอะไรมาฝากกันอีกรอติดตามกันได้เลย 😛
Special Thanks
phoneArena