เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Asus ได้ประกาศลดราคา Asus Zenfone 5 LTE ลง 1,000 บาทเฉยเลยครับ ทั้งๆ ที่ยอดขายโดยรวมก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายแต่อย่างใด เผลอๆ จะหาของได้ยากซะด้วยซ้ำ แต่ก็เอาเถอะ การประกาศลดราคาดังกล่าวทำให้ราคาของ Asus Zenfone 5 LTE ลงมาอยู่ในระดับที่เรียกว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยราคาเพียง 6,990 บาท แพงกว่า Asus Zenfone 5 รุ่นปกติเพียง 1,000 บาทเท่านั้น และเราก็เชื่อว่าคนที่กำลังจะซื้อ Asus Zenfone 5 จะต้องหวั่นไหวกันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเรามาดู 3 เหตุผลที่ควรเพิ่มเงิน 1,000 บาทไปซื้อ Asus Zenfone 5 LTE กันดีกว่า
1. เพราะว่า Asus Zenfone 5 LTE ใช้ CPU Snapdragon 400
เหตุผลนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ จริงอยู่ที่ Asus Zenfone 5 เป็นมือถือที่คุ้มค่าและเป็นมือถือขวัญใจมหาชนด้วยสเปคสุดคุ้มในราคาเบาๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นปัญหาของ Asus Zenfone 5 ก็คงหนีไม่พ้นการใช้งาน CPU Intel Atom Z2560 ผมไม่ได้บอกว่า CPU Intel ไม่ดีนะครับ แต่ปัญหาคือสถาปัตยกรรมที่ชิปเซ็ตตัวนี้เลือกใช้มันไม่ค่อยถูกจริตระบบปฏิบัติการ Android ณ ตอนนี้เท่าไหร่นัก นั้นก็เพราะว่าชิปเซ็ต Intel เป็นสถาปัตยกรรมแบบ x86 แต่ Android 4.4 Kitkat มันทำงานกับชิปเซ็ตสถาปัตยกรรม ARM ได้ดีกว่าเท่านั้นเอง (แต่ถ้าเป็น Android 5.0 ขึ้นไปก็ไม่ใช่ปัญหา)
ผลก็คือ Asus Zenfone 5 เมื่อเทียบกับ Asus Zenfone 5 LTE ในส่วนของการใช้งานจริง (ไม่นับการ Benchmark นะ ยังไง Intel ก็แรงกว่า) Asus Zenfone 5 LTE จะใช้งานได้ลื่นไหลมากกว่า แม้จะมีความเร็วของ CPU เพียง 1.2 GHz นั่นก็เพราะตัวระบบปฏิบัติการไม่ต้องเสียเวลาแปลงคำสั่งจาก X86 ไปเป็น ARM ครับ ถ้าไม่เชื่อลองไปเทียบตอนถ่ายรูปก็ได้ Asus Zenfone 5 LTE จะลั่นชัตเตอร์ได้เร็วกว่าและบันทึกภาพได้เร็วกว่า Asus Zenfone 5 รุ่นปกติประมาณ 1 สเต็ป นี่ยังไม่รวมถึงการรองรับแอพพลิเคชันและการเล่นเกมที่ Asus Zenfone 5 LTE จะทำได้ดีกว่า Asus Zenfone 5 รุ่นปกติ
อีกสิ่งหนึ่งที่การใช้ CPU Snapdragon 400 ทำให้ Asus Zenfone 5 LTE เจ๋งกว่า Asus Zenfone 5 ก็คือเรื่องแบตเตอรี่ครับ อันที่จริงแบตเตอรี่ของ Asus Zenfone 5 LTE มันก็ไม่ได้อึดกว่าเดิมหรอกครับ แค่ชิปเซ็ต Intel มันกินพลังงานเกินปกติเท่านั้นเอง และยิ่งบน Android 4.4 Kitkat นี่เหมือนว่าจะสูบแบตมากกว่าเดิมด้วยนะ ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดบน Asus Zenfon 5 LTE ครับ
2. เพราะว่า Asus Zenfone 5 LTE รองรับ 4G LTE
ตรงนี้หลายคนอาจจะบอกว่า “3G ยังไม่ครอบคลุมเลย 4G อีกนานกว่าจะได้ใช้” คำพูดนี้จริงครับ ถ้าคุณอยู่ต่างจังหวัด และปริมณฑลแต่ไม่ได้ใช้ซิมการ์ดของ Truemove-H เพราะตอนนี้พื้นที่ 4G LTE ของทรูมูฟเอชนี่ถือว่าครอบคุลมในหลายพื้นที่มากๆ ทั้งกรุงเทพและปริมณฑล ส่วน ?Dtac ก็ค่อนข้างเปิดให้บริการ 4G LTE ของตัวเองในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะตัวเมืองชั้นใน, ย่านธุรกิจและรถไฟฟ้าใต้ดินก็ล้วนแต่ใช้งาน 4G LTE ได้
ส่วนเรื่องความแรงนั้นผมไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันครับ บางคนก็ว่าแรง บางคนก็บอกไม่แรง แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากการลองใช้ 4G LTE ของทั้ง Truemove-H และ Dtac คือมันอาจจะไม่แรงมาก แต่สัญญาณค่อนข้างเสถียร, ping น้อย ส่วหนึ่งน่าจะมาจากการที่มีจำนวนคนใช้น้อยกว่า 3G ด้วยแหละ
3. เพราะว่า Asus Zenfone 5 LTE แพงกว่ารุ่นปกติแค่ 1,000 บาทยังไงหล่ะ
ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วครับ เพิ่มเงิน 1,000 บาท ได้มือถือที่สเปคเหมือน Asus Zenfone 5 แต่ไม่ต้องเจอปัญหายอดฮิตอย่างการสูบแบต, เครื่องหน่วง, เข้าแอพช้า อีกทั้ง Asus Zenfone 5 LTE ราคาที่ปรับล่าสุด 6,990 บาท เป็นมือถือ Ram 2 GB รองรับ 4G LTE ที่มีราคาถูกที่สุดในประเทศไทย ณ ช่วงเวลานี้อีกต่างหาก ซื้อ Asus Zenfone 5 LTE ยังไงก็คุ้มครับ บอกเลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อด้อยของ Asus Zenfone 5 LTE ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีนะครับ โดยเฉพาะเรื่องการรองรับความถี่ 3G ดูจะเป็นปัญหามากที่สุด เพราะดันรองรับแค่ความถี่ 900/2100 เท่านั้น (AIS/Truemove-H/Dtac Trinet) ทำให้การซื้อมาใส่ซิม My by Cat ไม่สามารถทำได้ และจะขึ้นโลโก้กากบาทที่ตัวสัญญาณแน่นอน อีกทั้งใช้งานได้เพียงซิมเดียว ตรงนี้ก็ต้องชั่งใจเลือกเอาครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เสียเงิน เอ้ย!!! ช่วยให้เลือกซื้อมือถือได้ง่ายขึ้น แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าไม่ได้ใช้ซิม My by Cat และไม่ได้ต้องการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ยังไงก็ควรเพิ่มเงิน 1,000 บาทเพื่ออัพไปเล่น Asus Zenfone 5 LTE ครับ รับรองว่าใช้งานได้สบายใจกว่าเยอะ