แนะนำ 10 Smart TV ยี่ห้อไหนดีในปี 2022 ขนาด 32 นิ้วถึงระดับ 8K ราคาถูกคุ้มค่ากับการใช้งานทุกไลฟ์สไตล์
ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นปีใหม่แล้ว แต่ว่าการรระบาดของไวรัส Covid-19 นั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลงไปแต่อย่างใด ยิ่งในตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าหลายคนอาจจะต้องนั่งทำงานอยู่บ้านกันต่อไป แต่เมื่ออยู่บ้านนานๆ เชื่อว่าหลายคนก็คงจะเบื่อกันบ้างแหละ สิ่งที่จะพอช่วยทำให้ผ่อนคลายได้ก็คือ มือถือ หรือว่า TV ที่รวมความบันเทิงจากช่องต่างๆ มารวมเอาไว้ที่เดียวไม่ว่าจะเป็นข่าว กีฬา หนัง ซีรีส์ หรืออะไรก็ตาม และยิ่งใครที่สมัครเว็บสตรีมมิ่งเพื่อดูหนังอย่าง Netflix, Disney+ Hotstar เอาไว้ ถ้าได้ดูบนหน้าจอ TV ใหญ่ๆ ภาพสวยๆ ก็ยิ่งได้รับอรรถรสในการดูได้มากขึ้นไปอีก ซึ่งในสมัยนี้ TV ที่ได้รับความนิยมก็คงจะหนีไม่พ้น Android TV กับ Smart TV (ดูความแตกต่างระหว่าง Android TV กับ Smart TV ที่นี่) ที่มีหน้าจอขนาดยอดนิยมตั้งแต่ 32 นิ้วไปจนถึงระดับ 80-90 นิ้วกันเลยก็มี ที่สำคัญก็คือความชัดของหน้าจอที่มีระดับ HD, 4K ถึง 8K และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำออกมารองรับการใช้งานให้เข้าทุกไลฟ์สไตล์ และใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก วันนี้ทาง Specphone เลยจะมาแนะนำ 10 Smart TV ยี่ห้อไหนดีในปี 2022 ที่มีขนาดตั้งแต่ 32 นิ้วและความชัดไปถึงระดับ 8K กันเลย แถมยังมีราคาถูกเริ่มต้นหลักพันไปถึงหลักหมื่นปลายๆ เท่านั้น ยกเว้นหน้าจอที่มีขนาด 75 นิ้วขึ้นไป
10 Smart TV ยี่ห้อไหนดีในปี 2022
สำหรับ Smart TV ทั้ง 10 ยี่ห้อและรุ่นที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ จะขอแบ่งเป็นขนาดหน้าจอ 32 นิ้ว 1 รุ่น และจอขนาด 55-65 นิ้ว 7 รุ่นเนื่องจากเป็นขนาดหน้าจอที่ได้รับความนิยมสูง ได้ฟีเจอร์ค่อนข้างครบทุกการใช้งานที่สุดแล้ว ส่วนอีก 2 รุ่นจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 75-85 นิ้วที่มีความชัดระดับ 8K ไปเลย สำหรับคนที่มีงบเยอะและอยากได้จอใหญ่เอาไว้ดูได้ทั้งครอบครัวแบบเต็มที่ ส่วนเรทราคาจะอยู่ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นปลายๆ และหลักแสนสำหรับรุ่น 8K แล้วแต่ว่าเป็นยี่ห้ออะไรและมีฟังก์ชันมาให้มากน้อยแค่ไหน
ใครที่ยังไม่รู้ว่า Android Tv ต่างจาก Smart TV อย่างไร สามารถกดเข้าไปดูความแตกต่างแบบละเอียดได้ ที่นี่ โดยข้อมูลคร่าวๆ ของ Smart TV ก็คือมักจะมีระบบปฏิบัติการณ์เป็นของตัวเอง และมักจะติดแอพจำเป็นต่อการใช้งานมาให้เลยเบื้องต้นอย่างแอพดูหนังแบบ Netflix หรือแอพอื่นๆ และไม่สามารถโหลดแอพมาลงได้เยอะเท่า Android TV รวมไปถึงความไหลลื่นของการทำงานก็อาจจะไม่เท่า Android TV เต็มตัว แต่ก็ยังมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องมานั่งตั้งค่าอะไรมากนัก แค่ซื้อมาก็ใช้งานได้เลยทันที ถ้าอยากจะใช้งานให้ได้อย่าง Android TV ก็สาสามารถซื้ออุปกรณ์อย่าง Android Box และ Cast ขึ้นไปก็ยังได้ จะมียี่ห้อและรุ่นไหนน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย
สมาร์ท ทีวีหน้าจอ 32 นิ้ว
1. ACONATIC HD Smart TV รุ่น 32HS534AN: ราคา 5,990-6,500 บาท
เริ่มกันที่สมาร์ที ทีวีรุ่นแรกกันก่อนเลยกับตัวหน้าจอขนาด 32 นิ้วระดับ HD LED Resolution 1366 x 768 พิกเซล ให้ความคมชัดดีเลยทีเดียว ซึ่งหน้าจอขนาดนี้ส่วนใหญ่ก็จะได้ความชัดระดับนี้อยู่แล้ว สามารถดูหนัง หรือว่าดูทีวีทั่วไปได้ดี ทั้งภาพ แสง หรือเสียงที่ได้คุณภาพ ที่สำคัญก็คือรุ่นนี้ได้จัดความบันเทิงอย่าง Netflix มาให้พร้อมในตัว และยังมีบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ หรือถ้าอยากจะดู Youtube ก็สามารถกดเข้าไปได้ทันทีผ่านปุ่มบนรีโมทเลยทั้งสองช่อง นอกจากนี้ยัง Screen Cast ภาพขึ้นจากมือถือ Android ได้เลยง่ายๆ ส่วนช่องต่อกับตัวเครื่องจะมีช่องต่อหูฟัง 1 ช่อง ต่อช่อง USB และ HDMI ได้หมด แถมยังเชื่อมต่อสาย LAN และ WiFi ได้เลยในตัวอีกด้วย สามารถซื้อได้บนร้านค้าออนไลน์ หรือ Power Buy
สมาร์ท ทีวีหน้าจอ 55-65 นิ้ว
ราคาไม่เกิน 20000 บาท
2. LG NanoCell 4K รุ่น 55NANO75TPA: ราคา 17,990 บาท
Smart TV ตัวต่อมาขยับขึ้นมาที่หน้าจอใหญ่ขึ้นหน่อยกับความกว้าง 55 นิ้วระดับ NanoCell Display ที่ช่วยให้หน้าจอดูสดใสสมจริงมากขึ้น และยังสามารถดูได้ตั้งแต่ระดับ HDR 10 Pro และ HLG รวมไปถึงความคมชัดระดับ Real 4K 8 ล้านพิกเซลอีกด้วย ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรือว่ารับชมคอนเทนต์แบบไหนก็ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีรุ่นอัพเกรดของ Dolby และโหมดภาพยนตร์ ที่ทำให้เราสามารถดู Netflix ได้บนความชัด 4K Ultra HD เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณรบกวน ก็ยังมีโปรเซสเซอร์ที่ช่วยปรับภาพให้ดูคมชัดมากขึ้นได้ด้วย และด้วยระบบ LG ThinQ จึงทำให้ทีวีตัวนี้สามารสั่งงานด้วยเสียง ทำให้สะดวกในการควบคุมมากขึ้น ส่วนการเชื่อมต่อนั้นสามารถต่อได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึง Apple Airplay2 ด้วยเช่นกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
2. Aconatic LED 4K รุ่น 55US534AN: ราคา 12,450 บาท
อีกหนึ่งยี่ห้อ Smart TV ในราคาประหยัดสำหรับ Aconatic ที่รุ่นนี้สามารถได้รับความนิยมค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะมีราคาที่ไม่แรงมากนัก อยู่ในระดับหมื่นต้นๆ สามารถซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee ได้ที่นี่ พร้อมประกันถึง 3 ปี โดยรุ่นนี้จะเป็นรุ่นหน้าจอ 55 นิ้วระดับ ULTRA HD 4K ความละเอียด 3840×2160 พิกเซล ให้ความคมชัดสมจริง ซึ่งตัวนี้ก็ยังคงมี Netflix ติดมาให้เลย ไม่ต้องไปหาโหลดที่ไหนอีกแล้ว อีกทั้งยังสามารถ Miracast / WiFi direct ไปยังตัวทีวีได้เลยง่ายๆ หรือถ้าอยากจะ Cast จากหน้าจอมือถือก็ทำได้เหมือนกัน พร้อมกับช่องเชื่อมต่อที่ครบทุกแบบ โดยรวมแล้วเป็นทีวีราคาประหยัดที่ใช้งานได้ครบถ้วนดีเลย
4. SAMSUNG TV UHD QLED 2021 รุ่น QA55Q65AAKXXT: ราคา 18,900 บาท
มาต่อกันที่สมาร์ท ทีวีจากทาง Samsung กันบ้าง ซึ่งตัวนี้ได้รับความนิยมสูงมากเช่นกัน ด้วยราคาที่ไม่เกิน 20,000 บาทแต่ได้สเปคที่โหดเอาเรื่องขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มมากๆ ด้วยหน้าจอแบบ Dual LED Quantum Dot หนึ่งพันล้านสี และระดับ HDR 10 จึงทำให้สีสันบนหน้าจอดูสมจริงกว่าปกติเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแสงหรือแม้ขณะหน้าจอดำก็ตาม แถมยังมีระบบเสียงแบบ Q-Symphony กระจายรอบทิศทาง จะดูหนัง เล่นเกมหรือรับชมคอนเทนต์ไหนก็ได้ รุ่นนี้จะดีไซน์ตัวเครื่องออกมาแบบบางเฉียบ จะตั้งหรือว่าแขวนกับผนังก็ได้ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับมือถือก็ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน ส่วนการเชื่อมต่อก็มีทั้ง USB, HDMI และ WIRELESS ให้ครบทั้งหมดเลย สั่งซื้อได้ที่นี่
5. SHARP TV UHD LED 4K รุ่น 4T-C55CJ2X: ราคา 17,590 บาท
Smart TV หน้าจอขนาด 55 นิ้วรุ่นสุดท้ายในราคาไม่เกิน 20,000 บาทรุ่นต่อมาเป็นของ SHARP ที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว ในเรื่องของคุณภาพบนมาตรฐานจากญี่ปุ่น ซึ่งตัวนี้มีหน้าจอเป็น LED Blacklight ระดับ Ultra HD พร้อมกับการใส่ Prime Video และ Web Browser ความบันเทิงแบบจัดเต็มมาให้กดได้แบบง่ายๆ ผ่านรีโมท แถมยังมี Chromecast built-in มาในตัวแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเพิ่มทั้งของ iOS และ Android หรือถ้าอยากจะต่อสายเชื่อมต่อ รุ่นนี้ก็มีการรองรับให้ครบหมดทุกอย่าง จะดูหนัง ฟังเพลง หรือว่าต่อหน้าจอเล่นเกมก็ได้รับเสียงแบบ Original Surround เต็มระบบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
ราคาไม่เกิน 50000 บาท
6. SAMSUNG TV UHD LED รุ่น UA65TU8300KXXT: ราคา 22,400 บาท
สมาร์ท ทีวีหน้าจอขนาด 65 นิ้วรุ่นราคาไม่เกิน 50,000 บาทรุ่นแรกรุ่นนี้เหมาะกับคนที่ชอบดูหนัง เล่นเกม หรือว่ารับชมช่องต่างๆ แบบเข้ากับสายตามากที่สุด เนื่องจากหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Curve หรือโค้งรับสายตาของเรานั่นเอง ด้วยพลังของหน้าจอแบบ Crystal Display จึงทำให้ทุกรายละเอียดที่ออกมานั้นชัดเจนมากขึ้น และยังสัมผัสความชัดได้ถึงระดับ UHD อีกด้วย แถมรุ่นนี้ยังเอาใจคนเล่นเกมด้วย Game Enhancer ที่ช่วยให้ภาพนั้นไหลลื่น พร้อมเก็บรายละเอียดช่วยให้เล่นเกมได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยรุ่นนี้ที่ปล่อยออกมาในปี 2020 จึงทำให้ช่องสตรีมต่างๆ ยังไม่ได้ติดมาให้ด้วย ถ้าเทียบกับราคาเบาๆ สองหมื่นต้นๆ ก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
7. PANASONIC TV UHD LED รุ่น TH-65HX750T: ราคา 34,990 บาท
มาต่อกันที่ Smart TV จาก PANASONIC กันบ้างที่รุ่นนี้มีหน้าจอ 65 นิ้วซึ่งความจริงแล้วก็เป็น Android TV ในตัวด้วย จึงทำให้สามารถเข้าถึงช่องทางต่างๆ รวมไปถึงความบันเทิงอย่างภาพยนตร์ และรายการสตรีมมิ่งต่างๆ กว่า 500,000 รายการ แน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้ก็ต้องมี Chromecast built-in ในตัวมาให้เลย สามารถส่งภาพจากหน้าจอมือถือขึ้นไปได้เลยแบบง่ายๆ และด้วยหน้าจอแบบ 4K Colour Engine ความชัดระดับ HF/FHD พร้อมกับสี Hexa Chroma Drive จึงทำให้ภาพที่ออกมาทุกการเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติ สีสันคมชัดสมจริงแน่นอน นอกจากนี้ยังมีเสียงระดับ Dolby Atmos แบบ 3D ที่กระจายออกเป็นวงกว้างเหมือนมีเสียงล้อมรอบตัวเลยทีเดียว ราคาของตัวนี้จะอยู่ที่กลางๆ ไม่ถือว่าแพงเกินไปมากเท่าไหร่นัก ถ้าเทียบกับคุณภาพของตัวเครื่อง สั่งซื้อได้ที่นี่
8. SONY BRAVIA TV UHD LED รุ่น XR-65X90J: ราคา 39,990 บาท
ปิดท้ายสมาร์ท ทีวีหน้าจอ 65 นิ้วด้วยทีวีจาก Sony ที่มีราคาเกือบแตะ 50,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งตัวนี้เป็นแบบ Android TV เช่นกัน เนื่องจากหน้าจอ 65 นิ้วส่วนใหญ่จะทำออกมาควบคู่ไปกับ Google หมดแล้ว เพื่อให้เราใช้งานและเข้าถึงความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แถมรุ่นนี้ยังได้รับรางวัลหนึ่งในทีวี 4K ระดับกลางที่ดีที่สุดช่วงกลางปีที่แล้วด้วย โดยหน้าจอของรุ่นนี้สามารถดูได้ถึงระดับ 4K Ultra HD พร้อม XR Picture ที่ปรับสีบนหน้าจอให้เข้ากับสายตาเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสีเข้มหรือว่าสีสว่างก็ตาม หรือแม้แต่ขนของสัตว์เพียงเล็กน้อย รุ่นนี้ก็เก็บรายละเอียดออกมาได้ครบหมดเลย รวมไปถึงเสียงแบบ XR Sound ที่กระจายรอบทิศทางสมจริงเข้ากับภาพทุกรายละเอียดเลย การเชื่อมต่อก็สามารถต่อกับอุปกรณ์ iOS หรือ Android ได้ทันทีเลยเหมือนกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
สมาร์ท ทีวีหน้าจอ 75-85 นิ้วระดับ 8K
9. LG TV QNED MiniLED 2021 รุ่น 75QNED99TPB: ราคา 169,990 บาท
มาถึง Smart TV ระดับที่เหนือขึ้นไปเลย เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่มองหาทีวีหน้าจอใหญ่มากๆ กว้างถึง 75 นิ้ว และที่สำคัญก็คืองบต้องถึงด้วย ซึ่งทีวีของ LG ตัวนี้ก็ทำออกมาได้ถึงระดับ 8K ด้วยหน้าจอที่เป็น Mini LED ทำให้ความสว่าง รวมไปถึงรูปภาพที่ออกมานั้นชัดเจนขั้นสุด ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างหรือแสงเข้มมากก็ตาม และด้วยเทคโนโลยีสี Quantum Dot NanoCell จึงทำให้สีทุกสีที่ออกมาดูสมจริงมากขึ้นกว่าปกติจากสมาร์ททีวีทั่วๆ ไป ซึ่งหน้าจอที่เป็น QNED MiniLED ทำให้รุ่นนี้มีความสว่างมากที่สุดของ LG ที่เคยทำออกมาแล้ว จะตั้งโต๊ะหรือแขวนไว้ก็ได้ จะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง หรือรับชมอะไรก็ได้เสียงกระจายรอบทิศสมจริงตามไปด้วย พร้อมทั้งมี AI อัจฉริยะช่วยทำให้รุ่นนี้เหนือขึ้นไปหลายระดับเลยทีเดียว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
10. SAMSUNG TV Neo QLED รุ่น QA85QN900AKXXT: ราคา 249,990 บาท
Smart TV รุ่นสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ ขอปิดท้ายด้วยทีวีที่มีทั้งหน้าจอและราคาขั้นสุดไปเลย ด้วยหน้าจอขนาด 85 นิ้วกว้างจนแทบจะเป็นโรงหนังย่อมๆ ที่นึงเลยก็ว่าได้ และไม่ใช้กว้างเพียงอย่างเดียว หน้าจอยังคมชัดมากๆ อีกด้วย โดยรุ่นนี้จะมีหน้าจอที่ควบคุมด้วย Quantum Mini LED จึงทำให้ภาพที่ออกมานั้นคมชัดสมจริงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพที่แสงน้อยไปถึงมืด หรือว่าจะแสงสว่างมากแค่ไหนก็เก็บรายละเอียดได้คมชัดสมจริง แน่นอนว่าตัวนี้มีความละเอียดได้ถึง HDR10+ และ 8K แน่นอนอยู่แล้ว และยังได้ AI มาช่วยวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ และปรับให้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Anti Reflection ที่ช่วยปรับแสงสะท้อนให้น้อยลง ส่งผลดีต่อดวงตาขณะดูหน้าจอ พร้อมเสียงแบบ Q-Symphony ที่ผสมผสานกระจายได้อย่างลงตัว เรื่องเชื่อมต่อไม่ต้องพูดถึง เพราะสามารถเชื่อมต่อได้ทุกรูปแบบแน่นอน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อที่นี่
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็น Smart TV ทั้ง 10 ยี่ห้อและรุ่นที่น่าสนใจที่เราได้นำมาแนะนำกันในวันนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสมาร์ท ทีวีที่มีระบบเป็นของตัวเอง ก็ยังคงเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ ที่ยังครองใจใครหลายคนอยู่ดี โดยแต่ละแบบทั้งขนาดหน้าจอและราคานั้น ให้ดูที่การใช้งานของตัวเองเป็นหลักก่อนเลย ว่าเราต้องการใช้งานระดับไหน ถ้าต้องการใช้งานแบบทั่วไป ก็เลือกซื้อเป็นรุ่นหน้าจอ 32 นิ้วก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากจะอัพเกรดความชัดขึ้นมาหน่อยในงบที่ยังอยู่กลางๆ ก็สามารถเลือกซื้อหน้าจอที่มีขนาด 55 นิ้วไปจนถึง 65 นิ้วได้เลย จะได้หน้าจอที่คมชัดมากกว่าด้วย แต่ถ้าใครที่มีงบมากและถึงจริงๆ และอยากได้ทีวีที่ดูได้เต็มตา ก็เลือกดูเป็นตัว 75-85 นิ้วที่มีราคาหลักแสนได้เหมือนกัน แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ