พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการจราจร กล่าวว่า กำชับสั่งการตำรวจจราจร 88 สน.และจราจรกองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.)คุมเข้มกวดขันวินัยจราจรผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือเล่นแชทเล่นไลน์หรือดูข้อมูลอินเตอร์เน็ตในมือถือก็ตาม
ถือว่ามีความผิดรวมถึงการนำที่วางมือถือยึดติดกับพวงมาลัยรถยนต์เพื่อใช้โปรแกรมแชทในขณะขับรถเป็นการกระทำที่มีความผิดทั้งสิ้นผู้ขับขี่ไม่สามารถกระทำได้ในขณะขับขี่รถยนต์และรถจักรยายนต์ยนต์เข้าข่ายความผิดใช้โทรศัพท์ขณะขับรถตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2551 มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับรถใช้โทรศัพท์เคลื่อนขณะขับรถเว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยมีอุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา (สมอลล์ทอล์ค) เท่านั้นโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า การใช้ที่ตั้งมือถือที่พวงมาลัยรถหรือสแตนดี้เป็นการรบกวนสมาธิในการขับรถอย่างมากเนื่องจากต้องละสายตาจากท้องถนนเพื่อพิมพ์ข้อความก็ต้องละมือข้างหนึ่งไปจากการควบคุมพวงมาลัยรถซึ่งมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน 400- 1,000 บาท แต่กรณีวางมือถือที่สแตนดี้และเปิดเปิดลำโพงเสียงเพื่อสนทนานั้นไม่ถือว่าเป็นความผิดซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับการใช้สมอลล์ทอล์ค หากตรวจพบการกระทำความผิดดังกล่าวตำรวจจราจรจะดำเนินการจับกุมทันทีหากมีกรณีโต้เถียงผู้ทำผิดไม่ยอมรับจะนำเรื่องไปสู่การพิจารณาบนชั้นศาลเพื่อดูหลักฐานพยานว่ามีเจตนาเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถหรือไม่
รองผบช.น.ย้ำเตือนว่า พฤติกรรมการเล่นไลน์เล่นแชทในมือถือขณะขับรถนั้นเป็นอันตรายมากนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังส่งผลง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุและเป็นที่มาของการจราจรติดขัดยิ่งขึ้นเนื่องจากผู้ขับขี่ไม่มีสมาธิและไม่ได้สนใจเมื่อปล่อยสัญญาณไฟเขียวทำให้รถเคลื่อนตัวช้าซึ่งความจริงแล้วตำรวจจราจรไม่อยากจับกุมพฤติกรรมเหล่านี้เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายบนท้องถนนมากขึ้นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มองเห็นถึงความสำคัญเพราะหากไม่ดำเนินการตามกฎหมายก็จะส่งผลเสียในหลายด้านอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อผู้ขับขี่หรือผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันผู้ที่ขับรถจึงควรมีจิตสำนึกในการใช้ทางสาธารณะด้วยไม่ใช่คำนึงถึงความสนุกสนานเพลิดเพลินของตนเองฝ่ายเดียว
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ