มาถึงยุคใหม่ของ Android แล้วกับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ice Cream Sandwich (4.0) ด้วยปรัชญาสามข้อของการออกแบบคือ ง่าย สวยงาม และฉลาดยิ่งขึ้น (Simple, Beautiful, beyond Smart) มาพร้อมกับสมาร์ทโฟน Pure Google รุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy Nexus ที่เพิ่งเปิดตัวพร้อมๆ กันวันนี้ เอาล่ะ เรามาดูกันว่า Ice Cream Sandwich มีการปรับปรุงไปอย่างไรบ้าง
ปรับปรุงอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมด
Ice Cream Sandwich ปรับปรุงอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมดที่ชื่อว่า ROBOTO ที่ปรับให้ปุ่มที่มีการใช้งานบ่อยๆ ง่ายต่อการใช้งาน (ในที่นี้คือปุ่ม Back, Home, Menu และ Muti-Task) ปรับให้รองรับหน้าจอที่มีความละเอียดสูง ระบบอนิเมชันที่ปรับแต่งให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
Action Bar ที่เคยอยู่ด้านล่างของ Honeycomb ย้ายไปรวมกับ Notification Bar ด้านบนแล้ว โดยสามารถตั้งค่าเบื้องต้นได้จากแถบด้านบนเลย พร้อมทั้งทางลัดเข้าสู่หน้าตั้งค่าอีกด้วย ส่วนระบบแจ้งเตือนต่างๆ สามารถลบด้วยลากนิ้วจากซ้ายไปขวาได้อีกด้วย
ด้านล่างของตัวเครื่องที่มีปุ่มสัมผัสบนหน้าจอ (ปุ่ม Back, Home และ Multi-Task) ถูกเรียกรวมกันว่า System Bar ที่จะปรากฎให้เห็นตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่แอพฯ ใดก็ตาม
อีกส่วนที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นคือระบบมัลติทาสก์ที่พรีวิวหน้าจอแอพฯ ได้ โดยสามารถสลับแอพได้อย่างรวดเร็วจากการกดปุ่ม Multi-Task ที่ System Bar
Notification Bar ที่เป็นจุดเด่นของ Android ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นนอกจากแสดงผลการแจ้งเตือนจากแอพฯ ต่างแล้วๆ ยังสามารถอัพเดทแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย
ระบบโฟลเดอร์ใหม่ที่นอกจากจะสามารถรวมแอพฯ เป็นกลุ่มได้แล้วยังสามารถใส่ Contact เข้าไปเพื่อทำเป็น Speed dial ได้อีกด้วย และแถบ Favorite ด้านล่างที่จะปรากฎทุกหน้าของโฮมสกรีน และจากเดิมที่ใส่ได้แต่แอพฯ ก็สามารถใส่อย่างอื่นลงไปได้ เช่น ทางลัดเข้าสู่การตั้งค่า โฟลเดอร์ ฯลฯ
วิตเจ็ตบน 4.0 ได้อานิสงส์จาก Honeycomb จึงสามารถปรับขนาดได้แล้ว
ทางลัดบนหน้าล็อกสกรีน จากเดิมที่ทำได้เพียงแค่ปิดเสียง กับปลดล็อก ตอนนี้สามารถเข้ากล้องได้ผ่านหน้าล็อกสกรีนแล้ว และยังสามารถลากแถบ Notification Bar ลงมาในหน้าล็อกสกรีนได้อีกด้วย
การตอบกลับอย่างรวดเร็วสำหรับสายเข้า ที่นอกจากรับสาย-วางสายแล้ว ยังมีระบบตอบกลับด้วยข้อความ โดยลากขึ้นไปตรงรูปข้อความเพื่อส่งข้อความกลับไปก่อนวางสาย ในโอกาสที่ไม่ว่างรับสาย โดยสามารถปรับแต่งข้อความได้จากในหน้าตั้งค่าด้วย
การลบแจ้งเตือนใน Notification Bar, Task และเบราวเซอร์ สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการลากนิ้วจากซ้ายไปขวาเท่านั้นเอง รวมถึงแอพฯ ที่ค้างอยู่ในรายชื่อ Recent Apps
ระบบคีย์บอร์ดปรับปรุงได้ดีขึ้น แก้คำได้แม่นขึ้น โดยหน้าตาโดยรวมจะยังเหมือนเดิม และสามารถเพิ่มคำเข้าไปในฐานข้อมูลกันได้แล้ว (แต่ไม่มีรู้ว่ามีคีย์บอร์ดไทยไหมนะ)
ปรับปรุงระบบเสียงให้ดีขึ้น สามารถใช้เสียงเพื่อพิมพ์ข้อความ โดยมีการเดาคำและแก้คำผิด พร้อมใส่สัญลักษณ์ได้ครบถ้วน
ระบบควบคุมการใช้เครือข่าย ที่สามารถเช็ค และกำหนดการส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายว่ามากหรือน้อยแค่ไหน และสามารถตั้งค่าเตือนเมื่อใช้ข้อมูลถึงระดับที่กำหนดได้อีกด้วย
ระบบแชร์ และการเชื่อมต่อ
Android 4.0 Ice Cream Sandwich ออกแบบมาเพื่อให้เชื่อมต่อกับโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ดียิ่งขึ้น ให้ง่ายต่อการคุย อีเมล ส่งข้อความ และแชร์
แอพใหม่อย่าง People ที่พ่วงมากับ Ice Cream Sandwich สามารถแสดงผลภาพของเพื่อนๆ ใน Contact ของเราได้แบบความละเอียดสูง พร้อมข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ รวมถึงการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คอีกด้วย
ปรับปรุงแอพ Calendar ให้หน้าตาไปด้วยกันกับ Ice Cream Sandwich โดยสามารถปัดซ้าย-ขวา เพื่อเลื่อนวัน และใช้นิ้วจิ้มสองครั้ง (Pinch to Zoom) เพื่อซูมวันได้อีกด้วย
ระบบกล้องที่ปรับไปเยอะมาก และเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของ Ice Cream Sandwich โดยสามารถโฟกัสภาพต่อเนื่อง และถ่ายภาพต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอประมวลผล(แต่ความละเอียดจะลด) ระบบโฟกัสใบหน้า แตะจอเพื่อพรีวิวภาพ พร้อมฟีเจอร์ single-motion Camera ที่สามารถถ่ายภาพพานอรามาได้อย่างง่ายดาย แถมยังใส่ฟิลเตอร์ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย แน่นอนว่าถ่ายภาพแล้วสามารถแชร์ภาพได้ทันที
การถ่ายวิดีโอก็ปรับปรุงเช่นกัน พ่วงระบบกันสั่น และสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุด และสามารถใส่เอฟเฟกระหว่างถ่ายวิดีโอได้ด้วย
Gallery ปรับปรุงให้จัดการได้ง่ายขึ้น สามารถให้แสดงผลตามบุคคล และตามสถานที่ พร้อมทั้งระบบปรับแต่งรูปภาพที่สามารถครอปภาพ และรีทัชเบื้่องต้นได้
แคปภาพหน้าจอ ( Screenshot) ได้ด้วยการกดปุ่มสองปุ่มในตัวเครื่อง (สำหรับ Galaxy Nexus คือปุ่มลดเสียง+ Power)
เป็นที่รู้กันว่า Android เชื่อมกับระบบกลุ่มเมฆมาตั้งแต่แรก และรุ่นล่าสุดได้เพิ่มการเชื่อมต่อบุคมาร์ค และการตั้งค่าอีเมลได้อีกด้วย
เบราวเซอร์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เหนือกว่า Nexus S ที่รัน Ice Cream Sandwich ตั้งแต่ 50% – 100% พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่อกับบุคมาร์คของ Google Chrome พร้อมทั้งฟีเจอร์ใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็นการมีแทบ เซฟหน้าเว็บไว้อ่านออฟไลน์ และสามารถบังคับให้เปิดหน้าเว็บแบบเต็มได้อีกด้วย
ระบบอีเมล GMail ถูกปรับให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น สามารถตั้งข้อความเร่งด่วน เพื่อตอบในยามที่วุ่นๆ ได้ รวมถึงรองรับอีเมลสำหรับธุรกิจมากขึ้น
นวัตกรรม
การส่งข้อมูลผ่านชิป NFC ที่เรียกว่า Android Beam ที่เพียงแตะตัวเครื่องเข้าด้วยกัน ก็สามารถส่งข้อมูล อาทิ แอพฯ เบอร์ติดต่อ เพลง วิดีโอ เว็บไซต์ แผนที่ ฯลฯ และในอนาคตจะสามารถนำไปใช้กับการเล่นเกมได้อีกด้วย
ระบบปลดล็อกแบบใหม่ที่เรียกว่า Face Unlock ที่ช่วยให้การปลดล็อกง่ายขึ้นเพียงใช้กล้องหน้าในการปลดล็อกเครื่อง โดยตัวเครื่องจะทำการจดจำใบหน้าของผู้ใช้เอาไว้ ลืมการกดรหัสผ่าน หรือ PIN ไปได้เลย
Wi-Fi Direct ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับอุปกรณ์อื่นที่เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ เพื่อการส่งข้อมูลที่รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังใช้ในการเล่นเกมหลายคน แชร์รูป เล่นวิดีโอ เพลงกับอุปกรณ์อื่นได้ และ Bluetooth Health Device Profile (HDP) ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือทางการแพทย์ ฟิสเน็ต และที่บ้านเพื่อตรวจสุขภาพผ่านสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว
สำหรับผู้ใช้ที่ถือสมาร์ทโฟน Android 2.3 Gingerbread อยู่นั้น Google ยืนยันว่าสามารถอัพเกรดได้ ส่วนเมื่อไหร่ต้องรอแต่ละแบรนด์ปล่อยออกมากันนะครับ (แต่ที่ชัวร์ๆ ตอนนี้คือ Nexus S จ้า)