หลังจากที่เราได้รีวิว Lenovo K900, Lenovo A390 และ Lenovo A706 ไปแล้ว ก็มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่มีขายในท้องตลาดแล้วบ้าง อย่าง Lenovo S920 ที่ได้รับความสนใจพอสมควรในตอนนี้ ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่กว่า 5 นิ้ว แต่ราคาไม่ถึงหมื่น ซึ่งค่อนข้างตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้ดี ทางเราจึงไม่พลาดที่จะนำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ
ถ่ายคู่กับ Lenovo A706 ครับ
หน้าตาของ Lenovo S920 จะดูเรียบๆ ผิวหน้าเป็นกระจกติดคลุมส่วนของหน้าจอและปุ่มกดสั่งงานทั้งสามปุ่ม โดยมีขอบอะลูมิเนียมล้อมรอบกระจกเอาไว้ ทำให้ดูแวววาวสวยงาม และช่วยขับให้จอดูเด่นขึ้นมา ส่วนแถบสีขาวด้านล่างนั้นจะเป็นโพลีคาร์บอเนตเนื้อมันวาว
สเปค Lenovo S920
- ชิปประมวลผล MediaTek MTK6589 Quad-core ความเร็ว 1.2 GHz มาพร้อมชิปกราฟิก PowerVR SGX544
- RAM 1 GB
- หน้าจอพาเนล IPS ขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 4 GB รองรับ microSD สูงสุด 32 GB
- รองรับ 2 ซิม (ซิม 1 ใช้ 3G 900/2100 ได้ ส่วนซิม 2 ใช้ได้เฉพาะ 2G)
- กล้องหลังความละเอียด 8 MP ความกว้างรูรับแสงสูงสุด f/2.0 พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 2 MP
- Android 4.2 Jelly Bean
- น้ำหนักเครื่อง 159 กรัม ตัวเครื่องหนาเพียง 7.9 มิลลิเมตร
- ฟังวิทยุ FM ได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียบหูฟัง/ลำโพง
- แบตเตอรี่ความจุ 2250 mAh
- ราคา 9,900 บาท
- สเปค Lenovo S920
สเปคของ Lenovo S920 นั้น จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนเฮ้าส์แบรนด์หรือแบรนด์ OEM บางรุ่นในตลาด เช่น i-mobile IQ X, i-mobile IQ9 ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก สำหรับช่วงราคาไม่เกินหมื่น จึงจัดว่าอยู่ในกลุ่มคุ้มค่าสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลางได้สบายๆ
ภายในกล่องของ Lenovo S920 นั้น ก็มาพร้อมอุปกรณ์พื้นฐานอย่างอะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ, สาย Micro USB, หูฟังแบบ In-ear และจุกยางขนาดต่างๆ สำหรับเปลี่ยนในกรณีที่จุกเดิมไม่พอดีกับหูของเรา รวมไปถึงเอกสารคู่มือต่างๆ ตามปกติ
จอของ Lenovo S920 ให้สีที่ค่อนข้างสบายตา ไม่สดหรือฉูดฉาดเกินไป โทนสีค่อนข้างอุ่นเล็กน้อย สามารถใช้งานได้แบบไม่ล้าสายตามากนัก ส่วนเรื่องแสงสว่างนั้น จัดว่าสว่างมากทีเดียว สามารถใช้งานกลางแจ้งได้อย่างสบายๆ มุมมองของจอกว้างดีมาก เนื่องมาจากคุณสมบัติของจอ IPS ที่ให้มุมมองของจอที่กว้างอยู่แล้ว เรียกได้ว่า Lenovo S920 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นราคาไม่เกินหมื่นที่จอสวยรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้
มาเริ่มดูตัวเครื่องกันบ้าง ด้านบนของจอก็จะมีแถบเซ็นเซอร์วัดแสง, ลำโพงสนทนาและกล้องหน้าเรียงตามลำดับเหมือนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป แต่จะมีไฟ LED Notification ดวงเล็กๆ มาเพื่อบ่งบอกสถานะและการแจ้งเตือนด้วย เช่น แจ้งเตือนว่าแบตใกล้หมด, เตือนว่ากำลังชาร์จแบตอยู่, เตือนว่ามี notification ขึ้นมา เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถเปลี่ยนสีไฟแจ้งเตือนได้ด้วยการติดตั้งแอพ Light Flow ครับ (ดาวน์โหลดเวอร์ชันฟรีได้จาก Play Store)
ส่วนด้านล่างก็จะเป็นแถบของปุ่มสั่งงานเครื่องครับ ได้แก่ปุ่มเมนู, โฮมและปุ่ม back โดยภายในจะมีไฟ LED ช่วยส่องสว่างให้อยู่ใต้ปุ่ม ซึ่งต้องกดปุ่ม ไฟถึงจะติดขึ้นมา ถ้าจะใช้งาน Recent Apps เพื่อดูแอพที่เปิดค้างไว้นั้น ให้กดปุ่มเมนูค้างเอาไว้ครับ ส่วนถ้ากดปุ่มโฮมค้างไว้ จะเป็นการเรียกใช้งาน Google Now
ตรงแถบโพลีคาร์บอเนตสีขาวนั้น จะมีช่องรับเสียงของไมค์สนทนาอยู่เล็กๆ ด้านของการคุยโทรศัพท์นั้นก็สามารถทำได้ดีตามมาตรฐาน เสียงค่อนข้างคมชัด
พลิกมาดูที่ฝาหลังกันบ้าง วัสดุของฝาหลังก็ยังคงเป็นโพลีคาร์บอเนตเช่นเคย แต่เนื้อจะบางเบาและยืดหยุ่นได้คล้ายๆ กับฝาหลังของพวก Galaxy S4 ซึ่งมีข้อดีคือมีน้ำหนักที่เบา และเกิดการแตกหักได้ยาก แม้บิดโค้งงอได้ดี แต่ก็สามารถคืนตัวกลับมารูปร่างเดิมได้ง่ายเช่นกัน ตัวพื้นผิวจะมันวาว มีความหนืดเล็กน้อย ส่วนเรื่องที่ว่าเมื่อใช้งานไปนานๆ จะเหลืองหรือไม่ อันนี้ยังไม่แน่ชัดครับ แต่คาดว่าน่าจะเหลืองบ้างแน่ๆ ตามปกติของวัสดุที่มีสีขาว
ด้านบนของฝาหลังจะติดตั้งกล้องถ่ายรูปเอาไว้ โดยตัวกล้องและชุดเลนส์จะนูนขึ้นมาเหนือฝาหลังอย่างชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่จำเป็นต้องนูนขึ้นมาก็เนื่องด้วยข้อจำกัดของชุดเลนส์ที่มีค่ารูรับแสงเปิดได้กว้างสุดถึง f/2.0 บวกกับต้องการให้ดีไซน์ตัวเครื่องรวมๆ ดูบาง โดยถ้าค่ารูรับแสงยิ่งกว้าง (เลขยิ่งน้อย) ก็จะช่วยให้ตัวเซ็นเซอร์รับภาพยิ่งรับแสงเข้ามาก่อนเก็บภาพได้มาก ส่งผลให้ภาพออกมาสว่างขึ้นกว่ามือถือที่มีค่า f แคบกว่า (เลขตัวหลังมากกว่า 2.0 เช่น f/2.8, f/5.6) ช่วยให้ถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยได้ดี และที่เห็นผลได้ชัดที่สุดก็คือระยะชัดตื้นของภาพ หรือที่เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีกว่าเลนส์ที่ f แคบกว่านั่นเองครับ
ส่วนด้านล่างก็จะมีช่องลำโพงอยู่ เสียงที่ได้จากตัวเครื่องนั้นก็ธรรมดาๆ ครับ ถ้าจะฟังเพลง แนะนำให้ต่อลำโพงหรือเสียบหูฟังจะดีกว่า
ทีนี้ลองถอดฝาหลังออกมาบ้าง การแกะฝาหลังสามารถทำได้ง่าย คือแงะตรงบริเวณร่องที่อยู่มุมขวาล่างของจอ แต่อาจจะต้องระวังฝาหลังบ้าง เพราะมันสามารถโค้งงอได้ง่าย เมื่อเปิดออกมาแล้วก็จะพบกับแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ และช่องเสียบซิม 1 (รองรับ 3G/2G), ช่องเสียบซิม 2 (รองรับ 2G) ปิดท้ายด้วยช่องเสียบ microSD ครับ โดยซิมที่ใช้จะเป็นซิมขนาดปกติ (มินิซิม) สำหรับใครที่ใช้งานไมโครซิมอยู่ แนะนำให้หาซื้อตัวแปลงจากไมโครซิมเป็นซิมขนาดปกติก็จะดี ส่วนช่องเล็กๆ ทางด้านซ้ายของกล้องนั้น เป็นช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงรบกวน เพื่อช่วยให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงพูดของเราชัดขึ้น เวลาคุยโทรศัพท์กัน
ส่วนของด้านข้างเครื่องนั้น เริ่มจากด้านขวาของจอก่อนเลย จะพบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงที่ออกแบบมาเป็นพลาสติกชิ้นเดียว แต่แยกบน/ล่างเอาไว้ ส่วนด้านซ้ายของจอนั้นไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใดๆ อยู่เลย
ด้านบนของ Lenovo S920 จะมีพอร์ต Micro USB ที่อยู่ใต้ฝาปิดพอร์ต, ปุ่ม Power และช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรเรียงอยู่ด้านบนทั้งหมด ซึ่งการออกแบบให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอยู่ด้านใดด้านหนึ่งทั้งหมดก็น่าจะสะดวกสำหรับหลายๆ คนที่ต้องการฟังเพลงไปด้วย ชาร์จแบตมือถือไปด้วย เช่นบางคนต้องออกไปนอกบ้าน ชอบฟังเพลงจากมือถือ แต่ก็จำเป็นต้องชาร์จไฟจากแบตเตอรี่เสริม การจัดให้พอร์ตมาอยู่ด้านใดด้านหนึ่งทำให้สะดวกต่อการจัดเก็บตัวเครื่อง เพราะไม่ต้องกังวลว่าสายจะหักงอเวลาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง สามารถจัดให้สายทั้งหมดอยู่ด้านบนได้เลย อาจจะมีปัญหาสายพันกันบ้าง แต่ก็ดีกว่าสายหักงอแน่นอน
ด้านล่างของเครื่องไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากร่องสำหรับแงะฝาหลังออก ซึ่งอยู่ทางมุมขวาล่างของจอ
จับเทียบกับ Nexus 4 ที่หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว
ในการใช้งานจริงนั้น Lenovo S920 สามารถตอบสนองการทำงานได้ดี ด้วยพลังของชิปประมวลผล quad-core ซึ่งแรงเหลือเฟือสำหรับการทำงานทั่วไปในปัจจุบัน จะเล่นเกมก็สามารถทำได้สบายๆ ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการใช้งานก็มีอยู่บ้างตามปกติครับ ส่วนเรื่องหน้าจอที่ค่อนข้างใหญ่นั้น อาจจะมีปัญหาในช่วงที่ยังไม่ชินบ้าง โดยเฉพาะการเอานิ้วขึ้นไปลากแถบ notifications ด้านบนลงมา ซึ่งถ้าได้ใช้งานไปซักพักก็น่าจะชินกับการวางมือเพื่อใช้งานได้เอง ?ส่วนที่ทำให้รู้สึกดีอย่างเห็นได้ชัดก็คือบอดี้ตัวเครื่องที่บางเฉียบ ทำให้พกพาได้ง่าย น้ำหนักเครื่องก็ไม่มากเกินไป แต่จุดที่ต้องระมัดระวังในการพกพาก็จะเป็นส่วนของกล้องหลังที่นูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด อาจจะต้องระวังการกระแทกและการขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ
? | |
? | ? |
เรื่องของแบตเตอรี่นั้น Lenovo S920 เองก็จะใช้แอพพลิเคชันที่มีชื่อว่า Lenovo Power ในการจัดการทั้งหมด ซึ่งจะครอบคลุมทั้งส่วนของการแสดงระยะเวลาที่ใช้งานแบตเตอรี่ได้, การคำนวณคร่าวๆ ว่าจะสามารถใช้งานแต่ละรูปแบบได้อีกนานเท่าไร, การแสดงอัตราส่วนการใช้พลังงานของแอพ/ฮาร์ดแวร์ รวมไปถึงยังสามารถ calibrate แบตเตอรี่เพื่อให้แสดงปริมาณแบตเตอรี่ได้ถูกต้องอีกด้วย นับว่าเป็นทูลที่มีประโยชน์มากทีเดียว (มีอยู่ในสมาร์ทโฟนของ Lenovo รุ่นอื่นๆ ด้วย ที่น่าสนใจก็คือรูปซ้ายล่างที่เป็นการแสดงระยะเวลาเป็นชั่วโมงโดยประมาณที่ยังใช้งานได้ ตามรูปแบบการใช้งานต่างๆ ไล่จากซ้ายไปขวาก็จะมี
- โทรศัพท์
- ฟังเพลง
- ดูวิดีโอ
- ใช้งาน WiFi
- ใช้งาน 3G
ส่วนระยะเวลาการใช้งาน ถ้าให้ประมาณ ก็น่าจะสามารถใช้งานได้เกินหนึ่งวันครับ เพราะตอนที่ใช้งาน ผมใช้ได้เพียงแค่ EDGE เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถเชื่อมต่อ 3G ได้ (Lenovo S920 รองรับ 3G เฉพาะความถี่ 900 กับ 2100 MHz ส่วนผมใช้ 850 MHz อยู่) ซึ่ง EDGE นั้นปกติจะกินแบตน้อยกว่า 3G อยู่แล้ว
สำหรับใครที่ชอบฟังวิทยุ คงถูกใจแน่ครับ เพราะ Lenovo S920 สามารถฟังวิทยุได้แม้ไม่ได้เสียบหูฟัง
ต่อไปเป็นตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Lenovo S920?
ภาพที่ได้ออกมา จัดว่าโอเคเลยทีเดียว โดยเฉพาะภาพที่ถ่ายในเวลากลางวันซึ่งมีแสงสว่างเพียงพอ (ทุกรูปตั้งค่าแบบ auto ทั้งหมด) แต่ถ้าส่วนไหนที่เป็นที่มืด จะเห็นว่าสีดำของข้างจม และมองแทบไม่เห็นรายละเอียดของบริเวณนั้นๆ เลย ซึ่งพอจะแก้ไขได้ด้วยการถ่ายรูปในโหมด HDR อีกส่วนที่น่าประทับใจก็คือระยะชัดตื้นของภาพ (ความเบลอของพื้นหลังเมื่อถ่ายวัตถุ) ที่ในตัวอย่างคือภาพแก้วใส่พริกป่นทั้งสองภาพ ซึ่งสามารถโฟกัสส่วนของแก้วได้คมชัด กับพื้นหลังที่เบลอ ดูสวยงามสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพวัตถุ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเลนส์ที่สามารถเปิดรูรับแสงได้กว้างสุดถึง f/2.0
ซึ่งนอกเหนือจาก f/2.0 จะช่วยละลายพื้นหลังให้ภาพดูสวยขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่องการรับแสงภายนอกเข้าสู่ตัวเซ็นเซอร์รับภาพด้วย เพราะการเปิดรูรับแสงที่กว้าง ก็ช่วยให้แสงเข้าไปยังเซ็นเซอร์ได้มาก ภาพก็จะออกมาสว่าง ส่งผลให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการเปิดม่านชัตเตอร์ที่นาน และด้วยความที่ระยะเวลาการเปิด/ปิดม่านชัตเตอร์เร็ว ทำให้ระยะเวลาในการเก็บภาพสั้น จึงช่วยลดปัญหาภาพถ่ายออกมาเบลอได้เยอะทีเดียว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพแสงภายนอกด้วยนะครับ เพราะถ้าแสงน้อย กล้องก็ต้องใช้เวลาในการเปิด/ปิดม่านชัตเตอร์ช้าลง ภาพก็อาจจะสั่นหรือเบลอได้อยู่ดี และเรื่องความสว่างที่กล่าวมา ยังจะไปสัมพันธ์กับค่าความไวในการรับแสงของเซ็นเซอร์ หรือที่เรียกว่าค่า ISO อีก ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือยิ่งสภาพแวดล้อมสว่างมาก เซ็นเซอร์สามารถรับแสงได้มากอยู่แล้ว ก็ควรใช้ ISO ต่ำ และถ้า ISO ต่ำ จุดรบกวน (noise) ในภาพก็จะน้อยลงไปด้วย ซึ่งถ้าถ่ายภาพด้วยค่าอัตโนมัติ ระบบก็จะทำการปรับชดเชยให้เองครับ
ผลทดสอบประสิทธิภาพ
ผลทดสอบ Sunspider ของ Lenovo S920 นั้น สามารถทำได้ดีกว่าบรรดาสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป quad-core ของ Qualcomm เช่น Nexus 4 ที่ใช้ชิป APQ8064 อยู่เล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะชิปของ Qualcomm มักจะทดสอบกับ Sunspider แล้วผลออกมาไม่ค่อยดีเท่าไรด้วยเป็นทุนเดิม
ส่วนการทดสอบการเรนเดอร์ด้วย Browsermark นั้น คะแนนที่ Lenovo S920 ทำได้จัดว่าอยู่ในระดับที่ไม่เด่นนักครับ
ด้านของการทดสอบการประมวลผลกราฟิกด้วย GFXBench ผลของชุดทดสอบเวอร์ชัน 2.5) ผลออกมาก็คือสามารถรีดเฟรมเรตออกมาได้ไม่สูงนัก เนื่องด้วย GPU ที่ใช้เป็น PowerVR SGX544 ซึ่งมีคอร์สำหรับประมวลผลกราฟิกแค่คอร์เดียวเท่านั้น เฟรมเรตที่ออกมาจึงไม่ค่อยสูงมากนัก
เมื่อเปลี่ยนโหมดมาทดสอบในแบบ off-screen (บังคับให้เรนเดอร์ที่ความละเอียด 1080p) ผลออกมาก็สอดคล้องกับโหมด on-screen ครับ คือเฟรมเรตไม่สูงมาก ต่างจากใน Lenovo K900 ที่ใช้ GPU เป็น PowerVR SGX544MP2 ซึ่งเป็นชิปตระกูลเดียวกัน แต่มีคอร์ประมวลผลกราฟิก 2 คอร์
แต่ทั้งนี้ ประสิทธิภาพโดยรวมของ Lenovo S920 ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้งานปัจจุบันได้สบายๆ ไม่ว่าจะแชท, Facebook, LINE, Instagram, เล่นเกมทั่วๆ ไป
ส่วนใครที่อยากชมผลเทสจากแอพอื่นๆ ก็ตามด้านบนเลยครับ
บนซ้าย – 3DMark
บนขวา – GFXBench 2.5 และ 2.7
ล่างซ้าย – Geekbench
ล่างขวา – AnTuTu Benchmark
สรุปปิดท้ายรีวิว Lenovo S920
Lenovo S920 จัดว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่มีจุดน่าสนใจในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสเปคกำลังคุ้มค่า, หน้าจอสวย สีสันไม่สดเกินจริง, กล้องถ่ายรูปที่มีคุณภาพดีสำหรับในช่วงราคานี้ รวมไปถึงดีไซน์ที่ออกแบบมาเน้นความบางเบาแบบมีสไตล์ ทำให้โดยรวมแล้ว Lenovo S920 เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองในตลาดเมืองไทยพอสมควรเลยทีเดียว และในขณะนี้ก็เริ่มมีวางจำหน่ายแล้วด้วยครับ น่าจะสามารถหาซื้อได้แล้วตามร้านมือถือใหญ่ๆ หน่อย
ข้อดี
- ดีไซน์ตัวเครื่องบางเบา สามารถพกพาได้สะดวก
- หน้าจอคมชัด สีสวย ไม่สดเกินจริง
- กล้องถ่ายรูปมีคุณภาพ ใช้เลนส์รูรับแสงกว้างถึง f/2.0 ถือว่าเด่นมากสำหรับสมาร์ทโฟนในช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท
- สามารถใช้งานได้ 2 ซิม
ข้อสังเกต
- สามารถใช้งาน 3G ได้เฉพาะคลื่นความถี่ 900 (AIS) และ 2100 (ทุกเครือข่ายในอนาคต) เท่านั้น
- ตัวกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลัง ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งาน