หลังจาก Apple เปิดตัว iPad Air ออกมาแทนที่ iPad 4 ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยจุดเด่นที่น้ำหนักเบาลง จนทำให้หลายคนเริ่มบ่นว่า iPad ตัวเองหนักจัง (เพราะอยากเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่) ตอนนี้สำนักข่าวและเว็บรีวิวสายไอทีในต่างประเทศได้ขึ้นบทความรีวิว iPad Air เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เราจะมาดูกันแบบสรุปๆ แล้วกัน
คลิปแกะกล่อง iPad Air
คลิปพรีวิว iPad Air
สเปค
สเปคของ iPad Air นั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับ iPhone 5s ในเรื่องของชิปประมวลผลที่พ่วง GPU มาเป็นตัวเดียวกันคือชิป Apple A7 Dual-core ที่ใช้ GPU เป็น PowerVR G6430 แต่ในตัวของ iPad Air จะเลือกใช้ความเร็ว 1.4 GHz สูงกว่าใน iPhone 5s ที่ใช้ความเร็ว 1.3 Ghz เล็กน้อย
ส่วนถ้าเทียบ iPad Air กับ iPad รุ่นก่อนหน้าอย่างในตารางจาก AnandTech ด้านบน ก็จะเห็นความแตกต่างในด้านของน้ำหนักตัวเครื่องที่ลดลงไปจาก iPad 4 เกือบ 200 กรัม อีกจุดที่น่าสนใจคือปริมาณความจุของแบตเตอรี่ที่ iPad Air จะมีอยู่แค่ 32.4 Whr เท่านั้น ลดลงจาก iPad 4 ที่ให้แบตมา 42.5 Whr ก็นับว่าน่าสนใจมากทีเดียวครับที่ Apple ปรับความจุแบตลดลงในครั้งนี้ แต่ก็ยังโฆษณาว่าสามารถใช้งานเปิดเว็บไซต์ผ่าน WiFi, เล่นวิดีโอ ฟังเพลงได้นานกว่า 10 ชั่วโมง ไม่ต่างจาก iPad รุ่นก่อนหน้า ก็น่าจะทำให้เห็นได้ชัดว่าชิปประมวลผล A7 และองค์ประกอบโดยรวมของเครื่องกินพลังงานน้อยลงกว่าเดิม
ดีไซน์
ด้านของดีไซน์ หลายๆ แห่งก็ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่าขนาดเครื่องมันกะทัดรัด น่าพกพา น้ำหนักเบากว่าเดิมมาก ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับการใช้คำว่า Air ในชื่อรุ่น โดย Jim Dairymple จาก The Loop บรรยายความรู้สึกของเขาว่ามันยากที่จะอธิบายให้ชัดเจนว่า iPad Air มันเป็นอย่างไร มันต้องลองสัมผัสเองถึงจะรู้ แต่ที่เขาสามารถบอกได้คือความรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้สัมผัสมันครั้งแรก อารมณ์มันเหมือนได้เห็นจอ Retina Display ครั้งแรกกันเลยทีเดียว
ซึ่งน้ำหนักที่ลดลงไปกว่า 28% นี้ ถ้ามองจากตัวเลขอาจจะไม่เห็นผลเท่าไรนัก แต่ถ้าลองได้ถือ ได้พก ได้หยิบใส่กระเป๋าแล้วสะพาย จะเห็นความแตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ สามารถถือได้นานโดยอาการเมื่อยลดน้อยลง โดยทางเว็บไซต์ Engadget ให้ความเห็นว่า iPad Air เป็นแท็บเล็ตช่วงขนาด 10 นิ้วที่พกพาได้สะดวกที่สุดเท่าที่เขาเคยใช้งานมาก
ส่วนความแข็งแรงของตัวเครื่องก็ดีขึ้นกว่ารุ่นเก่า วัสดุและงานประกอบออกมาดี ขอบโค้งหลังเครื่องก็ช่วยให้จับได้ถนัดมือแบบเดียวกับที่เคยทำมาใน iPad mini ส่วนด้านของหน้าจอก็คงไม่ต้องพูดถึงกันเท่าไรนัก เพราะยังคงไว้ที่ขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048 x 1536 เท่าเดิม ภาพก็ชัดและสวยเท่าเดิม มุมมองของจอและความสว่างก็ยังดีเช่นเคย แม้คู่แข่งจะส่งแท็บเล็ตที่มีความละเอียดหน้าจอสูงกว่า iPad Air ออกมาแล้วหลายรุ่นก็ตาม แถมถ้าหาก iPad mini with Retina Display เริ่มออกมาจริงเมื่อไร iPad Air ก็จะเสียบัลลังก์ iPad ที่จอคมชัดที่สุดไปโดยปริยาย เพราะ iPad mini with Retina Display มาพร้อมหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว แต่ความละเอียดจอเท่ากับ iPad Air จึงทำให้ค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) สูงกว่า iPad Air ไปในทันที
ทาง AnandTech ได้ทดสอบวัดประสิทธิภาพของจอภาพออกมา ผลก็คือ iPad Air สามารถแสดงสีขาวได้ดีกว่า iPad 4 แต่สีดำแย่กว่าเล็กน้อย ส่วนเรื่องสีสัน ความถูกต้องของสี มุมมองจอ รวมๆ แล้วใกล้เคียงกับ iPad 4 ครับ จะดีกว่าหรือแย่กว่าก็ไม่มากนัก
ผลทดสอบประสิทธิภาพ CPU Apple A7 ใน iPad Air
ผลทดสอบประสิทธิภาพ GPU PowerVR G6430 ใน iPad Air
ในโหมด Offscreen เป็นการบังคับเรนเดอร์ที่ความละเอียดเท่ากันทุกเครื่อง จึงสามารถนำเฟรมเรตมาเทียบกันได้โดยตรง
แบบ Onscreen จะเป็นการเรนเดอร์ที่ความละเอียดจอจริงๆ ดังนั้น iPad Air จะได้เฟรมเรตน้อยกว่าก็ไม่แปลกครับ เพราะรุ่นที่ได้เฟรมเรตสูงกว่า ต่างก็มีความละเอียดหน้าจอน้อยกว่า iPad Air ทั้งหมด
ส่วน 3DMark ในโหมด Unlimited อันนี้เป็นการบังคับทดสอบที่ความละเอียด 1080p เท่ากันทั้งหมด
?ผลการทดสอบจาก Engadget
ผลทดสอบแบตเตอรี่
ใช้งานเล่นเว็บก็ได้ประมาณ 10 ชั่วโมงจริง ส่วนถ้าเล่นไฟล์วิดีโอก็สามารถใช้งานได้กว่า 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนทาง Engadget ได้ลองใชงาน iPad Air เป็นแผนที่และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bluetooth ราวๆ สองชั่วโมง แบตเตอรี่ลดไป 40% ส่วนถ้าเปิดใช้งาน iPad Air เป็น mobile hotspot กระจายสัญญาณเน็ตให้เครื่องอื่นใช้งาน โดยที่ในระหว่างกระจายเน็ตนั้นปิดจอไว้ตลอด พบว่าสามารถใช้งานได้ 6 ชั่วโมง โดยที่ iPad Air ยังเหลือแบตเตอรี่ถึง 70% เลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ iPad Air
?ที่มา: AnandTech, Engadget, Primate Labs, T3