ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝนโดยสมบูรณ์แล้วนะครับ แม้ว่าหน้าฝนจะมาช้ากว่าปกติก็เถอะ ซึ่งปัญหาหลักสำหรับทุกคนที่ไม่ได้มีรถส่วนตัว หรือบ้านอยู่ใกล้ที่ทำงานคือเดินทางลำบาก และในเวลาที่ฝนตกส่วนมากเราก็จะนึกถึงแท็กซี่ใช่ไหมครับ เพราะว่าเป็นทางเดียวที่เราจะเดินทางได้รวดเร็วโดยที่เปียกฝนน้อยที่สุด แต่แท็กซี่บ้านเราส่วนมากจะเป็นอินดี้แท็กซี่ ที่มาพร้อมกับข้ออ้างหลัก 2 ประการคือ “ส่งรถ” กับ “แก๊สหมด”
บริการเรียกรถแท็กซี่จึงค่อนข้างเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ฝนตกหรือสถานการณ์ปกติ เพราะอย่างน้อยก็เป็นหลักประกันเรื่องความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าต้องโทรเรียกก็คงจะไม่สะดวกสำหรับหลายคน เพราะไหนจะต้องเสียค่าเรียกแท็กซี่เป็นจำนวนเงิน 20 บาทแล้วยังต้องเสียค่าโทรศัพท์อีก ซึ่งในปัจจุบันก็มีแอพพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ออกมาให้เลือกใช้บริการมากมาย บางเจ้าดูน่าสนใจและได้รถแท็กซี่หรูหรา แต่ก็มีราคาที่แพงจนบางครั้งต้องคิดให้ดีก่อนที่จะกดใช้บริการกันเลยทีเดียว
สำหรับแอพที่เราจะมาแนะนำในวันนี้คือแอพเรียกแท็กซี่ที่มีชื่อว่า GrabTaxi ครับ จุดเด่นของแอพนี้คือพี่แท็กซี่ที่เราเรียกมาเนี่ยจะเป็นแท็กซี่ธรรมดาที่วิ่งกันอยู่บนท้องถนนนี่แหละ เพราะฉะนั้นค่าบริการก็จะคิดตามปกติ จะมีเพียงค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายเพิ่มในราคา 25 บาทเท่านั้น (คิดดูแล้วก็พอๆ กับการโทรไปศูนย์วิทยุแท็กซี่เลยครับ ค่าเรียก+ค่าโทรเรียก) ที่สำคัญคือเราจิ้มๆ หน้าจอไม่กี่ครั้งเองครับ สะดวกมากๆ เลย ว่าแล้วมาดูกันดีกว่าว่าหน้าตาของเจ้าแอพ GrabTaxi เป็นอย่างไรบ้าง แล้วใช้งานยังไง
สำหรับการใช้งานแอพ GrabTaxi ครั้งแรกจำเป็นที่จะต้องสมัคร Account ก่อนนะครับ ถึงแม้ตัวแอพจะไม่บังคับให้เราสมัคร Account ตั้งแต่แรกก็จริง แต่เวลาที่เราจะเรียกใช้บริการแท็กซี่ยังไงก็ต้องสมัคร?โดยหลักฐานที่ใช้ยืนยันตนก็จะเป็นเบอร์โทรศัพท์เท่านั้น วิธีการก็ไม่ยากครับ เข้าแอพ GrabTaxi จากนั้นเลือกที่ Profile แล้วก็ทำการสมัคร ให้เรากรอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองลงไป
- ชื่อ
- อีเมล์
- ประเทศ
- เบอร์โทรศัพท์
- Referral Code (ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร)
เมื่อเรากดที่ Sign Up แล้วตัวระบบก็จะทำการส่ง SMS บอกรหัสที่ใช้ยืนยันมาให้ครับ สำหรับขั้นตอนตรงนี้่มีหลายคนพบปัญหา (ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น) คือไม่มี SMS ส่งมา วิธีแก้ก็คือให้ทำการ Resend ซ้ำ 2 รอบครับ แล้วจะมีปุ่มสีส้มให้กดเพื่อให้ทางระบบอัตโนมัติโทรเข้ามาบอกรหัสยืนยันเป็นตัวเลข 4 หลัก
วิธีการใช้งาน App GrabTaxi ก็ง่ายมากเลยครับ อินเทอร์เฟสค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ใช้ หลักๆ เลยตัวแอพจะทำการค้นหาพิกัดที่อยู่ ณ ปัจจุบันของผู้ใช้ ถ้าที่อยู่ปัจจุบันของเราถูกต้องก็จัดการเลือกสถานที่ๆ ต้องการให้รถไปส่งได้เลยครับ ?อาจจะระบุเป็นสถานที่ใกล้เคียงก็ได้
จากนั้นตัวแอพก็จะทำการคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ให้ครับ และยังสามารถเลือกได้ด้วยนะว่าจะให้รถแบบไหนมารับเรา โดยตอนนี้จะมี 2 แบบได้แก่ รถแท็กซี่ธรรมดา กับ Grab Car ที่เป็นรถหรูอีกระดับนึง (เท่าที่ทราบมาก็จะเป็น Toyota Camry ครับ) แน่นอนว่าราคาเมื่อคำนวณออกมาแล้วก็จะแพงกว่าแท็กซี่ปกติพอสมควรเลยครับ เมื่อเราเลือกสถานที่ๆ จะไป เลือกประเภทรถแล้ว ก็กดที่ปุ่ม Next ครับ
ก็จะมาที่หน้าคอนเฟิร์ม โดยในหน้านี้จะมีการแสดงรายละเอียดของจุดรับผู้โดยสาร – จุดส่งผู้โดยสาร, ราคาค่าโดยสารโดยประมาณ นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกวัน – เวลาที่จะให้แท็กซี่มารับได้ด้วยนะครับ และถ้าหากว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่รถแท็กซี่มีน้อย สามารถเพิ่มแรงจูงใจในการที่จะให้พี่แท็กซี่ขับรถมารับเราได้ด้วยการจ่ายทิป ซึ่งจะมีช่องให้กรอกว่าเราจะทิปพี่แท็กซี่เท่าไหร่ก็ได้ (ตรงนี้ไม่บังคับ) ส่วนช่องด้านล่างจะเป็น Promo Code หรือช่องส่วนลดนั่นเองครับ สำหรับใครที่มี Promo Code ก็สามารถกรอกเพื่อรับส่วนลดค่าแท็กซี่ได้นะ ในช่วงบอลโลกทาง GrabTaxi จะมี Code #footballfever ใช้สำหรับเป็นส่วนลดค่าแท็กซี่ 50 บาทแจกให้จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคมนี้เท่านั้น และเมื่อเรากรอกทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็กดที่ Confirm Booking ได้เลยครับ
จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการรอให้แท็กซี่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงตอบรับงานครับ และถ้ามีแท็กซี่คันไหนตอบรับงานก็จะปรากฎหน้าจอดังรูปเลย โดยจะแสดงระยะทางระหว่างจุดที่เราเรียก และจุดที่พี่แท็กซี่คันที่ตอบรับงาน พร้อมทั้งหมายเลขทะเบียนและค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ครับ
ถัดมาอีกหน้าจะเป็นหน้าจอแสดงเลขทะเบียน, ชื่อคนขับ, รูปถ่าย พร้อมทั้งเวลาที่จะมาถึงแบบคร่าวๆ จุดเด่นของ GrabTaxi คือจะมีแผนที่แสดงพิกัดที่ค่อนข้างจะ Real Time ครับ ส่วน 2 ปุ่มทางด้านล่างจะเป็นปุ่มสำหรับโทรติดต่อคนขับรถ ส่วนปุ่มสีแดงจะเป็นปุ่มยกเลิกครับ
สำหรับค่าบริการที่เราต้องชำระก็จะคิดตามมิเตอร์เลยครับ แต่จะมีบวกค่าเรียกรถเป็นจำนวนเงิน 25 บาทด้วย โดยจะเริ่มกดมิเตอร์ตอนที่รับผู้โดยสารขึ้นรถแล้วเท่านั้น โดนวิธีการชำระเงินก็ใช้เงินสดนี่แหละครับ ให้เราจ่ายให้กับคนขับรถโดยตรงเหมือนเวลาที่เราโบกเรียก หรือโทรเรียกผ่านศูนย์วิทยุ แต่ GrabTaxi ง่ายกว่านั้นมาก เพราะถ้าตัดขั้นตอนการลงทะเบียนครั้งแรกออกไปนี่ก็จิ้มๆ ประมาณ 2 – 3 ทีเท่านั้นเองสำหรับการเรียกแท็กซี่หนึ่งครั้ง
เปรียบเทียบเบาๆ กับแอพพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ค่ายอื่นอย่าง Easy Taxi?
- อินเตอร์เฟสของ GrabTaxi ดูทันสมัยมากกว่า
- การใช้งานโดยรวมง่ายพอกัน แต่ GrabTaxi มีการเชื่อมต่อพิกัดกับ Foursquare ทำให้การระบุพิกัดสามารถทำได้แม่นยำและรวดเร็วกว่า Easy Taxi
- Easy Taxi ไม่เสียค่าบริการเรียก 20 บาท ส่วน GrabTaxi มีค่าบริการในการเรียกรถแท็กซี่ 25 บาท
- GrabTaxi จะแสดงจำนวนรถแท็กซี่ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพิกัดที่ต้องการเรียกรถ
- GrabTaxi มีประเภทของรถให้เลือก ทั้งแท็กซี่ธรรมดา และรถหรูอย่าง GrabCar
- หน้าจอสถานะของ GrabTaxi จะแสดงหน้าตาของคนขับ, เลขทะเบียน และพิกัดของรถแบบ Real Time
- ตอนนี้ GrabTaxi มี Code ลดราคาต้อนรับเทศกาลฟุตบอลโลก 2014 โดยพิมพ์ Code #footballfever จะใช้ลดค่าบริการได้ 50 บาท
สำหรับภาพรวมของ GrabTaxi ก็เป็นแอพที่ใช้งานง่ายครับ อินเตอร์เฟสก็ดูสะอาดตา ใช้งานไม่ยากเลยครับ แถมยังช่วยการันตีความปลอดภัยให้กับเราได้ในระดับหนึ่งด้วย เพราะอย่างน้อยเราก็จะเห็นหน้าตาคนขับรถรวมถึงป้ายทะเบียนรถ ที่สำคัญยังสามารถแชร์ขึ้น Facebook ได้ด้วยว่าตอนนี้เรากำลังอยู่บนรถทะเบียนอะไร กำลังจะไปที่ไหน และยังมีการเก็บประวัติการใช้งานไว้ใน Account ด้วย อย่างน้อยที่สุดเวลาที่เราลืมของไว้บนรถแท็กซี่ก็ยังพอจะตามคืนได้ง่ายกว่าเรียกปกติแน่นอน