หลังจากมีข่าวออกมาพักใหญ่ เกี่ยวกับอุปกรณ์สวมใส่ของ Apple ซึ่งก็ได้มีการคาดการณ์กันไปเกี่ยวกับชื่อของมัน ว่าจะเป็น iWatch บ้างหล่ะ iTime บ้างหล่ะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว Apple ก็เลือกที่จะใช้ชื่อนาฬิกาของพวกเขาว่า Apple Watch โดยเจ้า Apple Watch เป็นอุปกรณ์ที่ Apple ภูมิใจนำเสนอมากๆ และถ้าพูดกันตรงๆ Apple Watch ทำให้บรรดาสมาร์ทว็อซที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้เป็นนาฬิกาเด็กเล่นได้เลยหล่ะ จะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ว้าวที่สุดในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็ว่าได้ครับ
Apple Watch มีรุ่นอะไรบ้าง
Apple Watch เปิดตัวด้วยกันจำนวน 3 รุ่นครับ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของการใช้งาน โดยเฉพาะเจ้าตัวท้ายสุดอย่าง Apple Watch Edition รับรองว่าราคาออกมามีเจ็บจี๊ดแน่ๆ ส่วนขนาดของ?Apple Watch จะมีตัวเรือนให้เลือก 2 ขนาดด้วยกันครับ ได้แก่ 38 มม. และ 42 มม. ซึ่งก็คือหน้าจอขนาด 1.5 และ 1.65 นิ้ว ตามลำดับ
- Apple Watch หรือในอีกชื่อคือ Apple Watch Collection (ราคาเริ่มต้นประมาณ 17,900 บาท)
ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สีดำสเปซแบล็ค จอภาพทำจากผลึกแซฟไฟร์ พร้อมสายสวยงามหลากหลายสไตล์ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับสายด้วย (สายสแตนเลสสตีลแพงสุด)
- Apple Watch Sport (ราคาเริ่มต้นประมาณ 11,500 บาท)
ตัวเรือนอะลูมิเนียมชุบผิว สีเงินหรือ สีเทาสเปซเกรย์ จอภาพกระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง พร้อมสายที่ทนทาน และมีสีสันสดใส
- Apple Watch Edition (ราคาเริ่มต้นประมาณ 320,000 บาท)
ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีเยลโลว์โกลด์ หรือสีโรสโกลด์ จอภาพผลึกแซฟไฟร์ พร้อมสายและตัวล็อคที่งามประณีต ของมีจำนวนจำกัด
ราคา Apple Watch, Apple Watch Sport และ Apple Watch Edition
เปิดมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ สำหรับราคา Apple Watch แต่ละรุ่น โดยรุ่น Sport ก็มาเป็นรุ่นถูกสุด เนื่องด้วยตัวเรือนทำจากอลูมิเนียมคล้ายๆ กับใน iPhone 6 ส่วนรุ่น Apple Watch ปกติ (ตัว Collection) ก็เป็นรุ่นกลางๆ ราคาเปิดมาน่าจะไม่ต่ำกว่าหมื่นกลางๆ และปิดท้ายด้วยรุ่น Edition ที่แพงสุด เรียกว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันก็ว่าได้ ตัวนี้คงยากที่จะมีขายในไทยล่ะนะ
สำหรับราคา Apple Watch อย่างละเอียดของแต่ละรุ่น ก็แยกดูตามแกลเลอรี่ด้านล่างนี้เลยครับ
ราคา Apple Watch Sport
ราคา Apple Watch
ราคา Apple Watch Edition
Apple Watch จะวางขายเมื่อไหร่
Apple ประกาศแล้วนะครับ ว่าจะเปิดจอง Apple Watch ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนเป็นต้นไป และเริ่มวางขายจริงวันที่ 24 เมษายนนี้ ใน 9 ประเทศแรก ได้แก่
- ออสเตรเลีย
- แคนาดา
- จีน
- ฝรั่งเศส
- เยอรมนี
- ฮ่องกง
- ญี่ปุ่น
- สหราชอาณาจักรฯ (เครืออังกฤษ)
- สหรัฐอเมริกา
ส่วนในไทยนั้น คาดว่าอาจต้องรออีกซักระยะหนึ่ง คาดว่าอย่างเร็วสุดก็น่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้
ดีไซน์ Apple Watch, การใช้งาน Apple Watch
Apple Watch มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทำออกมาได้ปราณีต และดูใส่ในการออกแบบเป็นพิเศษ ในการใช้งานก็เช่นเดียวกัน Apple Watch จะสามารถสั่งงานได้ 2 รูปแบบ คือการทัชสกรีนที่หน้าจอของ Apple Watch และการหมุนที่เม็ดมะยมของ Apple Watch (ใช้ในกรณีที่ต้องการซูมเข้า-ออก) เหมือนอย่างการใช้งาน Click Wheel อันเลื่องชื่อของ Apple ในอดีต ส่วนการชาร์จไฟก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะ Apple Watch ใช้การชาร์จไฟผ่านสาย MagSafe เช่นเดียวกับใน Mac จะบอกว่า iWatch เป็นส่วนผสมที่ลงตัวจากประสบการณ์ของ Apple ก็คงจะไม่ผิดนัก
สเปค Apple Watch
Apple นิยามสเปคของ Apple Watch ไว้ง่ายๆ ว่า “คอมพิวเตอร์ทั้งระบบบนชิพๆ เดียว” เพราะชิปเซ็ต Apple S1 บน Apple Watch มีขนาดเท่ากับหัวแม่มือเท่านั้นเอง แต่ข้างในประกอบไปด้วยระบบย่อยเป็นจำนวนมาก
ด้านของหน้าปัด (หน้าจอ) Apple Watch นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 340 x 272 สำหรับรุ่น 38 mm และ 390 x 312 สำหรับรุ่น 42 mm ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงความเป็น Retina Display แล้ว
ภายใน Apple Watch มีการติดตั้งชิปสำหรับการติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นไว้เช่น การเชื่อมต่อ WiFi และ Bluetooth โดยใช้ชิป Broadcom BCM4334 ซึ่งเป็นชิปรุ่นเดียวที่ใช้ใน iPhone 5 อีกด้วย
แบตเตอรี่ Apple Watch อยู่ได้นานมั้ย?
ในงานเปิดตัวรอบล่าสุดนี้ Apple ให้ข้อมูลว่า Apple Watch สามารถใช้งานได้ราวๆ 1 วันทำงาน คือประมาณ 18 ชั่วโมง จากการทดสอบของ Apple ตามรูปแบบการใช้งานทั่วไป ได้แก่ การเปิดมาดูเวลา 90 ครั้ง มีข้อความแจ้งเตือน 90 ครั้ง ใช้งานแอพราวๆ 45 นาที และใช้ควบคุมการฟังเพลงผ่าน Bluetooth เป็นเวลา 30 นาที
สำหรับการชาร์จ ก็ต้องใช้แท่นชาร์จแม่เหล็กจาก Apple เท่านั้น โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% มาเป็น 80% ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนถ้าจะชาร์จจนเต็ม 100% ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
เซนเซอร์ใน Apple Watch
Apple Watch จะประกอบไปด้วยเซนเซอร์ 3 อย่าง ดังนี้ครับ
- เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจ: เซ็นเซอร์วัดการเต้นของหัวใจที่ออกแบบมาโดยเฉพาะใน Apple Watch จะช่วยวัดว่าคุณออกแรงมากแค่ไหนเพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลการเผาผลาญแคลอรี่โดยรวมได้ดียิ่งขึ้น
- GPS: Apple Watch ใช้ GPS และ Wi-Fi ใน iPhone ของคุณสำหรับวัดระยะทางของกิจกรรมที่ไม่สามารถนับก้าวได้ เช่น การปั่นจักรยาน
- อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว: อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของ Apple Watch จะวัดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของร่างกาย นับจำนวนก้าว และช่วยคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญไปตลอดทั้งวัน
Apple Watch ทำอะไรได้บ้าง, ฟีเจอร์ใน Apple Watch
อย่างที่ได้บอกไปครับว่า Apple Watch ทำให้บรรดา Smartwatch ที่วางขายก่อนหน้านี้กลายเป็นนาฬิกาเด็กเล่นได้ แสดงว่ามันก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ว่าแต่ Apple Watch จะมีฟีเจอร์อะไรเด็ดๆ บ้างนะ มาดูกันเลยดีกว่า
การปรับเวลาแบบอัตโนมัติ
ความเจ๋งอย่างแรกของ Apple Watch อยู่ที่ความสามารถในการปรับตั้งเวลาด้วยตัวเองอัตโนมัติ โดย?Apple Watch นั้นทำงานร่วมกับ iPhone ที่จะคอยเทียบกับเวลามาตรฐานโลกอยู่อย่างต่อเนื่องด้วยความแม่นยำระดับเดียวกับดาวเทียม GPS เวลาที่เราย้ายจากโซนเวลาหนึ่งไปยังอีกโซนหนึ่ง Apple Watch ก็จะปรับเวลาให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อถึงวันที่มีการปรับเวลาออมแสง Apple Watch ก็จะเปลี่ยนเป็นเวลาใหม่ให้เลย สรุปง่ายๆ ว่า Apple Watch เป็นนาฬิกาไม่มีแม้แต่ซักครั้งเดียวที่คุณต้องตั้งเวลาเอง
หน้าปัดมีให้เลือกมากกว่า 2 ล้านแบบ
Apple Watch แต่ละเรือนมาพร้อมกับหน้าปัดมากมายหลายแบบที่เราสามารถเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ และยังสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นเฉพาะด้านที่มีความสลับซับซ้อน หรือที่เรียกกันในการทำนาฬิกาว่า Complications ลงในหน้าปัดโดยส่วนใหญ่ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาจับเวลา ราคาหุ้น สภาพอากาศล่าสุด และอีกมากมาย ซึ่งเมื่อรวมตัวเลือกที่เป็นไปได้เข้าด้วยกันแล้วก็ต้องบอกเลยว่า คุณสามารถปรับแต่งอะไรต่างๆ ในแบบที่คุณต้องการได้อย่างมากมายไม่รู้จบจริงๆ
การแจ้งเตือนบน Apple Watch
Apple Watch เพิ่มมิติใหม่ให้กับวิธีติดต่อสื่อสารของคุณ ด้วยการมองเพียงแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าใครติดต่อมา และยังเรียกความสนใจจากคุณเหมือนกับที่คนทั่วไปทำกัน นั่นคือด้วยการสะกิดเรียก และยังมีเสียงเตือนเบาๆ
อีกด้วย โดยความรู้สึกที่คุณจะได้สัมผัสนั้นจะแผ่วเบา?และนุ่มนวล และมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามประเภทของการแจ้งเตือน เช่น การส่งข้อความ (ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง), การใช้งานเป็นโทรศัพท์ หรือการตรวจเช็คอีเมลล์ เป็นต้น
Digital Touch
ระบบดังกล่าวเป็นการติดต่อสื่อสารผ่าน Apple Watch โดยไม่ต้องใช้คำพูดเลยสักคำ เพราะคุณสมบัติการสัมผัสแบบดิจิตอล หรือ Digital Touch บน Apple Watch ช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ ที่ใส่ Apple Watch เหมือนกันได้ด้วยวิธีที่สนุกและเป็นธรรมชาติจากข้อมือหนึ่งถึงอีกข้อมือหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวาด, การแตะ หรือการวัดอัตราการเต้นของหัวใจก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เอา 2 นิ้วจิ้มบนหน้าจอของ Apple Watch เท่านั้นเอง
แอพ Activity
แอพ Activity บน Apple Watch จะแสดงภาพกราฟิกของกิจกรรมที่คุณทำแต่ละวันในรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ชัดเจนและทรงพลัง ผ่านวงแหวนทั้งสามวงที่จะบอกทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้ โดยวงแหวนเรื่องการเคลื่อนไหวจะบอกว่าคุณเผาผลาญแคลอรี่ไปแล้วเท่าไหร่ วงแหวนเรื่องการออกกำลังกายจะคอยบอกว่าคุณมีกิจกรรมที่แอ็คทีฟหรือกิจกรรมออกกำลังกายไปแล้วกี่นาที และสุดท้ายวงแหวนเรื่องการยืน จะบอกว่าคุณลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายบ่อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เป้าหมายสำหรับคุณ ก็คือการนั่งให้น้อยลง เคลื่อนไหวให้มากขึ้น และออกกำลังกายบ้างจนครบรอบวงแหวนแต่ละวงในทุกๆ วัน
แอพ Workout
เมื่อออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างจริงจัง แอพ Workout ที่มาพร้อมกับ Apple Watch จะแสดงสถิติตามจริง ณ เวลานั้น เช่น ระยะเวลา ระยะทาง แคลอรี่ และความเร็ว รวมถึงยังให้คุณตั้งเป้าหมายสำหรับการออกกำลังกายแต่ละอย่าง คอยกระตุ้นให้คุณทำได้ตามเป้าหมายหรือทำเกินเป้าหมาย?และสรุปข้อมูลของสิ่งที่คุณทำสำเร็จ ซึ่งส่วนของการออกกำลังกายนี้จะถูกนำไปนับรวมกับค่าที่วัดได้ในแอพ Activity สำหรับวันนั้นๆ ด้วย
Apple Watch กับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ
อุปกรณ์ที่สามารถทำงานร่วมกับ Apple Watch นอกจาก iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus แล้ว ยังมี iPhone 5s, iPhone 5c และ iPhone 5 ที่สามารถทำงานร่วมกับ Apple Watch ได้เช่นเดียวกัน