เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Samsung ได้เปิดตัวมือถือรุ่นเรอธงของต้นมา 2 รุ่น นั่นคือ Samsung Galaxy Note 4 สำหรับขายในตลาดทั่วไป กับ Samsung Galaxy Note Edge ที่ทำออกมาหยั่งเชิงตลาด โดยจะเปิดวางขายในบางประเทศเท่านั้น และยังไม่มีประกาศว่าจะขายที่ใดบ้าง ทำให้เราคงต้องลุ้นกันต่อไปว่าเราจะได้เห็น Galaxy Note Edge มาในไทยหรือไม่
แต่ในงาน Tokyo Game Show (TGS 2014) ครั้งนี้ Samsung ได้มาออกบูทเน้นโชว์พลังของ Samsung Gear VR แว่นที่ช่วยทำให้เห็นภาพรอบตัวเป็น 3 มิติ และยังได้นำผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ อย่าง Samsung Galaxy Note Edge, นาฬิกา Samsung Gear S และหูฟัง Samsung Gear Circle มาโชว์ด้วย ทางเราก็เลยจัดการถ่ายภาพตัวเครื่องและทำพรีวิวเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ชมกันครับ
พรีวิว Samsung Galaxy Note Edge
ดีไซน์ตัวเครื่องนั้น ต้องบอกว่าแทบไม่แตกต่างไปจาก Galaxy Note 3 และ Note 4 เท่าไรนัก ยังคงมีปุ่มโฮมเป็นปุ่มกดจริงๆ ปุ่มเดียวเหมือนในหลายๆ รุ่น แต่จุดที่ทำให้ Note Edge เด่นขึ้นมาก็คือจอด้านข้างที่มีชื่อเรียกว่า Edge screen นั่นเอง โดยจะขอยกไปพูดในช่วงหลังนะครับ
สำหรับจอหลักก็ให้ภาพที่สวยคมชัดสมกับการเป็นจอความละเอียดถึง 2K เลย ส่วนสเปคของ Samsung Galaxy Note Edge ก็ตามนี้ครับ
- ชิปประมวลผล Snapdragon 805 (APQ8084) ความเร็วสูงสุด 2.7 GHz
- แรม 3 GB
- หน้าจอหลักความละเอียดระดับ 2K (2560 x 1440) หน้าจอ Edge screen ความละเอียด 2560 x 160
- รอม 32 GB รองรับ MicroSD
- แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 3.7 ล้านพิกเซล
- มีปากกา S Pen
- ราคายังไม่ประกาศ
- สเปค Samsung Galaxy Note Edge เต็มๆ
เรื่องของสเปคนั้น Note Edge ก็อยู่ในระดับเดียวกับ Note 4 เลย แต่เด่นกว่าตรงเรื่องจอ Edge screen อย่างที่กล่าวไปแล้ว คราวนี้เรามาดูรายละเอียดต่างๆ ของตัวเครื่องกันต่อเลย
รายละเอียดอื่นๆ ก็แทบไม่ต่างจาก Note 3 ที่เป็นรุ่นก่อนหน้านี้เท่าไรครับ จะมีเรื่องของไอคอนแอพต่างๆ เช่นโทรศัพท์ กล่องข้อความ เว็บเบราเซอร์และกล้องถ่ายรูปที่ปกติจะอยู่ตรงแถบด้านล่างของจอ แต่ใน Note Edge จะย้ายไปอยู่ที่จอด้านข้าง (Edge screen) แทน ทำให้หน้าจอดูโล่งมากๆ มีแค่ไอคอนโทรศัพท์กับไอคอนเข้าหน้ารวมแอพอยู่เท่านั้นเอง ก็ดูแปลกตาไปอีกแบบนะ
ทีนี้มาดูจอ Edge screen กันบ้าง สำหรับจอนี้ เป้นส่วนที่ใช้แสดงผลข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าจอหลักครับ เช่นใช้แสดงไอคอน แสดงข้อความ แสดงทวิตจากทวิตเตอร์ แสดงไม้บรรทัด เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนได้ ภาพจากแอพบนหน้าจอหลักจะไม่มาแสดงบนนี้ โดยในเครื่องที่โชว์ในงาน ค่าเบื้องต้นของมันจะให้แสดงเป็นคำว่า Samsung ไว้ครับ พอกดปุ่มโฮม ก็จะแสดงไอคอนขึ้นมาตามในภาพด้านบน เมื่อไม่ได้ใช้ส่วน Edge screen ซักระยะ ก็จะกลับไปแสดงคำว่า Samsung เหมือนเดิม
เมื่อมาดูด้านข้างจะเห็นชัดเลยว่าจอ Edge screen ของ Note Edge นั้นมีลักษณะโค้งมนรับกับการถือเครื่องด้วยมือขวา หลายท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วระหว่างใช้งานเครื่อง มันจะไม่กลายเป็นการสัมผัสสั่งงานที่จอเหรอ ตรงจุดนี้ ถ้าจอ Edge screen มันกลับไปเป็นสถานะแรกเมื่อไร (อย่างเครื่องนี้เป็นสถานะที่มันแสดงคำว่า Samsung) ส่วนขอจอ Edge screen จะปิดรับการสั่งงานไปเลย ไม่สามารถสัมผัสสั่งการได้ แต่ผมว่ามันน่าจะมีการตั้งค่าอย่างอื่นได้อีกนะครับ จุดนี้ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดเท่าไร เพราะมีคนรอต่อคิวเยอะเหมือนกัน
ตัวอย่างการแสดงข้อความทวิตเตอร์บนจอ Edge screen ครับ สำหรับการสลับข้อมูลที่จะแสดงผลนั้น ก็ใช้การปาดซ้าย-ขวาที่จอด้านข้างได้เลย
ส่วนเวลาเปิดแอพกล้อง ตรงจอด้านข้างนี้ก็จะกลายเป็นปุ่มเมนูต่างๆ รวมถึงเป็นปุ่มกดถ่ายภาพด้วย ถามว่ากดถนัดมั้ย? ส่วนตัวผมว่าทำออกมาเป็นปุ่มกดจริงๆ จะถนัดกว่านะ โดยเฉพาะในแนวตั้ง ที่ปุ่มอยู่ตรงกลางจอ Edge screen อันนี้ผมกดไม่ค่อยถนัดเท่าไร แต่ถ้าเป็นแนวนอน อันนี้โอเค กดง่ายกว่าเยอะเลย
รวมๆ แล้ว จอ Edge screen ก็ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้พอสมควรครับ แต่อาจจะยังไม่ชินเท่าไร เพราะปกติเราก็มักจะมองหน้าจอหลักแต่เพียงอย่างเดียวซะมากกว่า
มาดูฝาหลังกันบ้าง เนื้อวัสดุก็ยังคงใช้เป็นวัสดุที่ทำให้ได้ผิวสัมผัสของหนังอยู่
สำหรับ Samsung Galaxy Note Edge เองก็มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจมาให้เหมือนกับใน Galaxy S5 และ Galaxy Note 4 เช่นกันครับ โมดูลกล้องจะนูนขึ้นมาจากพื้นฝาหลังเล็กน้อย
ด้านล่างเครื่องก็มีช่องรับเสียงของไมค์ ช่อง Micro USB และก็ปากกา S Pen ครับ
ข้างซ้ายก็มีแค่ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงเท่านั้น
ด้านบนมีปุ่ม Power, ช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงรบกวนและก็พอร์ตรับส่งสัญญาณอินฟราเรด
มาดูกล้องหลังกันชัดๆ ครับ มันนูนขึ้นมาพอสมควรเลย แถมไม่มีขอบนูนขึ้นมาเหนือกระจก เพื่อกันการกระแทกเวลาวางเครื่องกับพื้นด้วย ก็ระวังๆ หน่อยแล้วกัน
มุมปากกา S Pen ครับ เหมือนๆ กับซีรี่ส์ Note ตามปกติ
พรีวิว Samsung Gear S
มาต่อกันที่นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวกันไป นั่นคือ Samsung Gear S นับเป็นนาฬิกากลุ่ม smartwatch รุ่นแรกเลยที่สามารถใส่ซิมได้ในตัวครับ ทำให้มันสามารถใช้งานได้แทบจะไม่ต่างกับโทรศัพท์มือถือเลย คือสามารถโทรออก รับสาย ใช้งาน 3G/4G LTE ได้ในตัว รับส่งข้อความ SMS/MMS ได้ เรียกว่ามันเป็นมือถือที่ย่อลงมาเป็นนาฬิกาข้อมูลก็ว่าได้
จากบอดี้ด้านข้าง จะเห็นเลยว่าหน้าจอเป็นแบบโค้งงอไปกับตัวเรือน
ด้านหลังตัวเรือนส่วนที่แนบกับข้อมือก็จะมีส่วนที่สำคัญมากมายทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดที่มีฝาปิดอยู่ สามารถแงะออกมาได้ไม่ยากนัก, แถบเซ็นเซอร์ที่มีฟีเจอร์หลักๆ ก็คือเอาไว้วัดอัตราการเต้นหัวใจจากข้อมือ รวมถึงมีจุดทองเหลือง 4 จุดสำหรับใช้ชาร์จแบตเตอรี่กับแท่นชาร์จด้วย
หน้าจอของ Samsung Gear S จัดว่ามีสีสันที่โอเคเลยครับ สดใสใช้ได้ แต่การสัมผัส การปาดนิ้วเพื่อสั่งงานอาจจะไม่ค่อยชินซักเท่าไร เพราะสมาร์ทโฟนที่เราใช้ๆ กันจะใช้เป็นหน้าจอแบบแบนเรียบ พอมาใช้จอโค้งก็รู้สึกแปลกๆ นิดนึง สำหรับการเข้าถึงแอพและฟีเจอร์ต่างๆ ก็ใช้การเลื่อนหน้าจอซ้าย-ขวาเป็นหลัก ส่วนปุ่มกดด้านล่างหน้าจอคือปุ่มโฮม ใช้สำหรับกลับมายังหน้าแรก
ตัวอย่างแอพและฟีเจอร์ที่มีติดตั้งมาในเครื่องครับ เริ่มด้วยฟีเจอร์การนับก้าวเดิน ที่สามารถนับได้ทั้งจำนวนก้าว, ระยะทางและแคลอรี่ที่เผาผลาญได้
สามารถฟังเพลงจากใน Gear S ได้ด้วยนะ โดยใช้หูฟัง Bluetooth
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แปลกใหม่ของ Samsung Gear S ก็คือมันสามารถวัดความเข้มของรังสี UV ได้ด้วยนั่นเอง สำหรับการวัด ให้หันหน้าจอ Gear S เป็นมุม 90 องศากับแหล่งกำเนิดแสง เช่นดวงอาทิตย์ เป็นต้น
ผ่านไปไม่นาน หน้าจอก็จะแสดงความเข้มข้นของรังสี UV มาเป็นแบบกราฟแท่งให้เข้าใจง่ายๆ ครับ สีเขียวคือไม่เข้มข้นมาก เดินเล่นได้สบายๆ จากนั้นก็ค่อยๆ แรงขึ้นตามลำดับ โดยจากในภาพนี้ ผมลองวัดจากในตึกครับ รังสี UV เลยน้อยหน่อย เพราะแสงสว่างมาจากหลอดไฟเท่านั้นเอง
พรีวิว Samsung Gear Circle
ชิ้นต่อมาที่มีโชว์ในงานก็ Samsung Gear Circle ครับ เป็นชุดหูฟังตัวใหม่ที่เปิดตัวมาพร้อมๆ Galaxy Note 4 กับ Galaxy Note Edge ด้วย สำหรับฟีเจอร์หลักๆ เลยก็เหมือนกับหูฟัง smalltalk ทั่วไปครับ ฟังเพลง รับสาย คุยโทรศัพท์ มีปุ่มรีโมทในตัวเอง เน้นจุดเด่นในเรื่องดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แต่หรูหรา
ตัวของหูฟังจะสามารถเกาะติดกันได้ด้วยแม่เหล็กที่มีอยู่ทั้งสองฝั่งของหูฟังครับ แน่นพอตัวเลยล่ะ
ตัวหูฟังจะเป็นแบบ in-ear สอดเข้าไปในหู มีส่วนบอดี้ภายนอกที่ช่วยกั้นเสียงให้อีก รับรองว่าไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอกอย่างแน่นอน
พรีวิว Samsung Gear VR
สำหรับในงาน TGS 2014 รอบนี้ Samsung ได้นำ Gear VR มาโชว์ด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยสนับสนุนการเล่นเกมแห่งยุคอนาคต โดยมีเครื่องจริงให้ลองเล่นกันด้วย แต่ต้องต่อคิวกันนานเลยทีเดียว ตัวผมเลยไม่ได้เข้าไปเล่นนะครับ ถ่ายมาแต่ตัวเครื่องจากบูทข้างนอกแทน