ช่วงหลังๆ มานี้ มักจะมีรายงานและผลสำรวจออกมาอยู่เสมอว่ายอดขายสมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์ของแต่ละแบรนด์ มีแนวโน้มลดลงกว่าปีก่อนๆ แต่กลุ่มที่มีการเติบโตสูงกลับเป็นกลุ่มของสมาร์ทโฟนรุ่นกลางไล่ไปถึงรุ่นล่างที่มีราคาประหยัด ซึ่งแนวโน้มนี้ต่างก็สอดคล้องกันในหลายประเทศ นอกจากในไทยที่เรามองเห็นกันในตลาดอยู่แล้ว แม้แต่ในสหรัฐฯ ก็ยังเป็นไปในแนวทางเดียวกันด้วย
โดยจากข้อมูลรายงานและการประมาณการของยอดขายของสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์ จะพบว่าสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ต่างก็มีอัตราการเติบโตของยอดขายไม่สูงอย่างที่ตั้งเป้าไว้ เช่น Samsung Galaxy S4 ที่มียอดขายต่ำกว่าที่คาดเอาไว้พอสมควร อัตราการเติบโตของยอดขายก็ค่อนข้างช้า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ Galaxy S4 ขาดปัจจัยดึงดูด และดูไม่มีจุดที่ทำให้อยากซื้อหาเพราะตัวเครื่องไม่ค่อยจะมีความแปลกใหม่อย่างที่เห็นได้ชัด แถมสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ก็ตอบสนองการทำงานได้ดี ใช้งานได้เร็วอยู่แล้ว
ส่วนในรายของ Apple นั้น แม้ยอดขาย iPhone 5 จะออกมาได้ดี แต่ที่น่าตกใจก็คือ ถึง iPhone 5 จะวางขายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ปรากฏว่ายอดขาย iPhone 4 และ iPhone 4S กลับยังจัดว่าสูงอยู่ มีบางไตรมาสที่ยอดขายของ iPhone 4 + iPhone 4S รวมกันคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขาย iPhone ทั้งหมดในไตรมาสนั้นเลยทีเดียว อีกทั้งช่วงที่ผ่านมา มีรายงานว่าเริ่มเห็นราคา iPhone 5 มือหนึ่งในสหรัฐฯ ลดลงมาขายอยู่ที่ราวๆ 600 กว่าเหรียญเท่านั้น (ช่วง 18,000 – 20,000 บาท) เท่านั้น นับว่าเป็นรุ่นที่มีราคาตกเร็วมากทีเดียว เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อนๆ
ซึ่งจากแนวโน้มของตลาดที่สมาร์ทโฟนรุ่นกลาง-ล่างได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็นับว่าเป็นช่องที่ Apple น่าจะเข้ามาตีตลาดเพิ่มได้อีก เช่นการส่ง iPhone ราคาประหยัดลงมาในตลาด ด้วยการออกแบบตัวเครื่องให้มีความพรีเมียมน้อยลง เช่นเปลี่ยนฝาหลังไปใช้โพลีคาร์บอเนต ส่วนราคานั้น แม้ว่าจะเป็น iPhone ราคาประหยัดก็จริง แต่ตามปกติของ Apple ที่มักจะตั้งราคาสินค้าไว้สูงกว่าที่หลายคนคิด เราจึงน่าจะได้เห็น iPhone ราคาประหยัดที่ราคาไม่ประหยัดจริงๆ ซักเท่าไร (แต่ก็ยังถูกกว่า iPhone รุ่นปกติของแต่ละปี) และก็น่าจะเจาะกลุ่มผู้ต้องการใช้ iPhone แต่ไม่อยากจ่ายแพงได้แน่ๆ
ที่มา : Apple Insider