หลังจากที่เทียบประสิทธิภาพเครื่องจนหายอยากกันไปเเล้วกับ Samsung Galaxy S III เเละ iPhone 5 ครั้งนี้ก็มาดูกับส่วนที่เราใช้งานกันเป็นประจำอย่างหน้าจอกันบ้าง โดยผลจากการวิเคราะห์ครั้งนี้มาจาก DisplayMate ที่ทำการเปรียบเทียบหน้าจอกันอย่างละเอียดกันอยู่เเล้วทุกปีสำหรับมือถือรุ่นใหม่ๆ ซึ่งผลออกมาว่า iPhone 5 นั้นมีหน้าจอที่จัดว่ามีคุณภาพสูงที่สุดตั้งเเต่ที่ Apple เคยทำมาทีเดียว
เเน่นอนว่าทั้งหน้าจอของ Galaxy S III ก็ไม่ได้เเย่ เเต่เมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone 5 เเล้วหน้าจอของ Galaxy S III มีคุณสมบัติที่ด้อยกว่าหลายอย่าง ซึ่งเหตุผลหนึ่งคือหน้าจอ Super AMOLED ที่ Samsung ใช้ยังมีเทคโนโลยีด้อยกว่าหน้าจอ IPS LCD ที่ iPhone ใช้อยู่นั่นเอง
ข้อได้เปรียบของ iPhone 5 คือการเรียงพิกเซลเเบบ RGB เเบบปกติทำให้เเสดงผลได้คมเเละชัดเจนกว่า ในขณะที่จอของ Samsung Galaxy S III นั้นใช้การเรียงเเบบ Pentile ที่จะมีพิกเซลสีเเดงเเละน้ำเงินน้อยกว่าสีเขียวทำให้มีการเเสดงสีเขียวมากกว่าปกติจึงทำให้สีเพี้ยนไป อีกส่วนที่ต่ำกว่าคือ Samsung Galaxy S III นั้นมีความสว่างน้อยกว่า iPhone 4 เเละ 5 ถึงสองเท่า นอกจากนี้เเล้วจอของ Samsung Galaxy S III ยังใช้พลังงานมากกว่า iPhone 5 เกือบ 2 เท่าเช่นกัน เเต่เมื่อเทียบกับ iPhone 4 เเล้วจอของ iPhone 5 ใช้พลังงานสูงขึ้นเนื่องจากมีค่าขอบเขตสี (color gamut)ที่สูงกว่า
ทาง DisplayMate ได้สรุปว่าจอ OLED มีมีข้อจำกัดของมันเองในการทำหน้าจอขนาดใหญ่ขนาดใน Galaxy S III ทำให้คุณภาพของจอนั้นต่ำเมื่อเทียบกับ iPhone 5 (ถ้ามองย้อนกลับไป Galaxy S III เป็น Super AMOLED RGB ขนาด 4.3 นิ้ว เเต่พอหน้าจอเป็น 4.8 นิ้วกลับต้องมาเป็นเเบบ Pentile) เเละ Samsung ควรจะปรับค่าสีของจอใหม่เพื่อให้เเสดงสีได้ตรงกว่าเดิม เพราะจอของ Galaxy S III ในปัจจุบันนี้จะออกสีเขียวมากเกินไปซึ่งเป็นข้อจำกัดของหน้าจอเเบบ Pentile ใครต้องการอ่านชาร์ตค่าเต็มดูได้จากที่มาเลยครับ
ที่มา : Displaymate