คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ เเข่งขันกันดุเดือด รุนเเรงมากเเค่ไหน ทั้งเหตุการณ์ระดับโลกอย่างการออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ ของ Android ทีก็เป็นข่าวครึกโครม การเปิดตัวของ iOS 5 ก็เป็นข่าวดังไม่เเพ้กัน การขยับตัวของ Google, Apple, Microsoft ก็ดูจะเป็นข่าวคราวที่ทุกคนให้ความสนใจตลอด เพราะผลการสู้รบยังไม่จบดีว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ถึงเเม้ว่าเราจะเห็นตัวเก็งที่จะได้ส่วนเเบ่งเค้กก้อนโตไปเเล้ว เเต่ก็ดูเหมือนจะว่าไม่มีใครถอดใจง่ายๆ เหมือนกับวลีที่ว่า ?สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร? งาน Thailand Mobile Expo ที่บ้านเราพึ่งจัดไปนี้ก็ดุเดือดไม่เเพ้กัน จึงขอสรุปเหตุการณ์คร่าวๆ ให้ฟังกันครับ
ความสำเร็จของซัมซุงในตลาดสมาร์ทโฟน : สงครามราคาเเละการให้สิ่งที่ชัดเจนกว่า
เหตุการณ์ก่อนหน้าคงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปมากกว่าการที่ Samsung Galaxy S II เปิดตัวมาเพียงราคา 18,900 บาทเท่านั้น ซึ่งโดยปกติสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์จะมาที่ราคา 20,000 บาทขึ้นไปอย่างในปีที่เเล้ว ผลลัพธ์ของมันทำให้ LG ต้องลดราคาของ Optimus 2X มาที่ 16,900 บาท (เเละ 15,xxx ในภายหลัง) เเละทำให้ HTC Sensation ต้องเปิดมาที่ 18,900 ทั้งๆที่ปกติ HTC เปิดตัวสินค้าราคาสูงกว่าคู่เเข่งตลอด เเต่เหตุการณ์นี้บอกถึงอะไร คู่เเข่งทุกคนก็คงรู้อยู่เเกใจเเล้วว่า Samsung Galaxy S II นั้นมีจุดเด่นสองอย่าง ที่ตัวอื่นไม่มีคือ หน้าจอ Super AMOLED Plus เเละ ตัวประมวลผล Exynos 4210 ที่ทำขึ้นมาเองทั้งยังมีความเร็วเหนือกว่า Qualcomm MSM 8260 ของ HTC Sensation เเละ NVIDIA Tegra 2 ของ LG Optimus 2X ทั้งนี้ยังมีกล้องที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย
ถ้ามองที่กลยุทธ์หลักๆ ของซัมซุงคือเพิ่มคุณภาพของสินค้าเเละลดราคาลง ถ้าเราดูในสินค้าไลน์ของ Galaxy ทั้งหมด จะพบว่า Samsung ทำได้ดีเกือบทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Mini, Galaxy SL, เเละ Galaxy S II ซึ่งถ้าตัดในเเง่ของดีไซน์ออกมาเเล้ว Samsung Galaxy S2 โดยไม่ต้องสงสัยว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ดูได้จากปรากฏการณ์ต่อเเถวจองคิว Galaxy S II ในวันเเรก ที่เกือบยาวทะลุไปจนถึง MRT ถึงเเม้ว่าตอนนี้ Samsung จะอาจจะดูด้อยกว่า HTC ไปบ้างในด้านรอม เเต่ถ้าเทียบวงจรการพัฒนาสินค้า จาก Galaxy S ไปยัง Galaxy S II นั้น? การปรับปรุงจุดเด่นเเละลบจุดด้อยนั้นทำได้น่าทึ่งกว่าเเบรนด์อื่นๆ มาก โดยเฉพาะในเรื่องของสมาร์ทโฟนระดับ Hi end ที่คนติดชื่อของ Samsung ไปมากกว่าเเบรนด์อื่นๆ ไปเเล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ Galaxy S ตัวที่เเล้วได้เริ่มเอาไว้ เเต่ Galaxy S II ทำให้จุดเด่นนี้ชัดขึ้น
เเต่หลังๆ LG ก็มาเเนวนี้เช่นเดียวกันก็ต้องดูกันต่อไปว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน LG Optimus Black เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ว่าถ้าคุณทำทุกอย่างออกมาเหมาะสม ทั้งรอม กล้อง จอภาพ ความเร็ว ที่สามารถเห็นการใช้งานได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งสเปคบนกระดาษ (จริงๆ ก็มีเรื่องคู่เเข่งในตลาดขณะนั้นด้วย)
ผมไม่ได้พูดว่า HTC เเย่กว่า Samsung ถึงเเม้ว่าผมเองจะชอบ HTC มากกว่า (ดีไซน์เเละวัสดุล้วนๆ) เเต่หลังจากที่ไปจับ Samsung Galaxy S II มาเเล้ว ผมรู้สึกได้ว่าผมเอนไปทาง Galaxy S II มากกว่า โดยทำใจยอมรับในข้อเสียเรื่องวัสดุเเละดีไซน์ของมัน เพื่อเเลกกับความเร็ว หน้าจอ เเละกล้อง ทำไมมือถือระดับ Hi end ที่ถือวางเป็น Flagship ของเเบรนด์นั้นๆถึงทำไม่ได้ระดับสุดอย่างที่มันควรจะเป็น ยกตัวอย่างเรื่อง LG Optimus 2X ที่กล้องเเย่กว่า Optimus Black ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องอดีตที่ผิดพลาดในการกำหนดสเปคของ Optimus 2X เเละเเก้ไขมาในตัว Black เเล้วก็ได้
HTC Sensation จัดเป็นสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไม่มีข้อสงสัย ถ้าไม่เทียบกับ Samsung Galaxy S II ความเร็วเเละอนิเมชั่นต่างๆของ Sensation ไม่ต่างกับรุ่นก่อนหน้าเท่าไหร่นัก เรียกว่าพอๆกับ Incredible S หรือ Deise S ทั้งๆที่เป็น Dual Core ? การเเขวนอนาคตไว้กับผู้ผลิตชิปเจ้าเดียวอย่าง Qualcomm ซึ่งทำได้ไม่ค่อยดีนัก จะดูเป็นการเสี่ยงไปในระยะยาวหรือเปล่า? Exynos เเละ Super AMOLED Plus ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของ Samsung เพราะมันทำให้ตัว Galaxy S II เเตกต่างงจากตัวอื่นอย่างชัดเจน
ต่อจากนี้ไปเเล้ว คงจะยากที่จะมีใครตั้งราคาสมาร์ทโฟนระดับสูงมามากกว่า 18,900 บาท ยกเว้น Samsung จะเป็นคนกำหนดราคามาสูงกว่า จากอดีตที่ผ่านมาเราเเทบไม่เห็นจะมีเเบรนด์ไหนที่เปิดราคาตัวไฮเอนด์มาได้ต่ำกว่า Samsung
สกัดขาคู่เเข่ง หรือ ลดล้างสต็อก
เหตุการณ์นี้เริ่มมาจาก Acer ที่ได้เปิดตัว Acer Iconia Tab A500 ไปเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา จากราคาที่เริ่มมาที่ 19,xxx (รวมเเว็ตเเล้ว) เเต่หลังจากที่เริ่มมีผู้ผลิตหลายเจ้าเตรียมประกาศขายเเท็บเล็ต Android 3.0 ทั้ง Samsung Galaxy Tab 10.1 เเละ Asus Eee Pad Transformer ที่ประกาศราคาออกมาเเล้ว ก็ทำให้ Acer รีบตัดความต้องการของตลาดลงด้วยการลดราคา Acer Iconia Tab A500 เหลือเพียง 14,900 เเละ 15,900 บาท (ต่ำสุดเพียง 9,900 บาทสำหรับโปรโมชั่น) เพื่อเป็นการตัดความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจเเละดึงให้คู่เเข่งหลายรายที่เตรียมจะออกขาย จำหน่ายสินค้าได้น้อยลงเนื่องจากผู้บริโภคส่วนหนึ่งได้ซื้อสินค้าไปก่อนหน้าเเล้ว
LG เองก็เหมือนกัน ในระหว่างที่ Dual Core ยังไม่มีตัวไหนวางจำหน่ายในตลาดอย่างเป็นทางการ จากการเปิดตลาดมาที่ราคา 20,900 บาทจากนั้นสักระยะก็ลดราคามาเหลือ 18,900 เเต่พอในงาน Thailand Mobile Expo ที่ผ่านมา ก็มีราคาลดมาเหลือเพียง 16,900 บาทเเละลดจนเหลือ 15,000 นิดๆ ได้ ซึ่งก็ทำให้ LG Optimus 2X เป็นมือถือ Dual Core ที่ขายดีที่สุดในงาน (เพราะรุ่นเดียว ฮา) เเต่โดยรวมเเล้วในงาน Thailand Mobile Expo 2011 Hi end นี้ LG เป็นบูทที่ประสบความสำเร็จมากในงาน พอๆกับปรากฏการณ์คนต่อเเถวซื้อ Samsung Galaxy S II ของซัมซุง
ซึ่งการทุ่มลดราคาเเบบนี้ โดยปกติเเล้วถ้าผู้ค้าไม่มีของในสต็อกเป็นจำนวนมากคงไม่ทำราคาออกมาดึงดูดใจผู้บริโภคขนาดนี้ ซึ่งก็ถือเป็นส้มหล่นของผู้บริโภคไปครับ : )
การควบคุมตัวเเทนจำหน่ายให้อยู่ในลู่ทาง
ปัญหาที่กล่าวมานี้ เเบรนด์ที่โดนหนักสุดคือ HTC Thailand เกี่ยวกับกรณี HTC Mozart ที่ราคาดิ่งฮวบๆจาก 17,500 บาท ลงมาทำจุดต่ำสุดได้ถึง 6,900 บาทในระยะเวลาเพียงสองถึงสามเดือน (สุดท้ายในงานราคาเขยิบมาเป็น 8,900 บาท) ปัญหาตรงนี้ไปตามอ่านในบทความเก่าก็เเล้วกันครับ เเต่เหมือนกับว่า ตัวเเทนจำหน่ายเเต่ละเจ้าก็สต็อกของเเตกต่างกันไปตามการคาดการของตลาด รุ่นที่มีปัญหาราคาดิ่งส่วนมากก็เนื่องจากว่าสั่งสต็อกของไว้เยอะ เเต่เวลาขายกลับขายไม่ได้อย่างที่คาด ซึ่งเราก็มักจะเห็นกันถี่ๆ สำหรับรุ่นเด่นราคาดิ่งกันหลายๆ ตัว ตรงนี้เหล่าเเบรนด์ก็ไม่อยากจะให้ลดราคากันจนคนที่ซื้อไปก่อนต้องเสียความรู้สึก ครั้งจะขายราคาเดิมก็ขายไม่ออก กลายเป็น paradox ของปัญหากันไป ในกรณีของ LG Optimus 2X ก็ไม่ต่างกับกรณีนี้นักเพราะมีตู้ในงานได้ตัดราคาลงมาเหลือ 15,900 ทำให้สุดท้ายบูท LG เองก็ต้องลงมาทำราคานี้เช่นเดียวกัน
Android เข้าถึงกลุ่มคนใช้ทั่วไปมากขึ้น
ณ เวลานี้นั้นฟีเจอร์โฟนกลายเป็นโทรศัพท์ที่เเทบไม่มียอดขายในระดับหมื่นกว่าบาท จากที่สองสามปีก่อนเราจะยังพอเห็นฟีเจอร์โฟนเเต่วัสดุดีๆ อยู่ในราคาระดับนี้บ้าง อย่าง LG Chocolate BL40 (ชอบเป็นการส่วนตัว) เเต่ตอนนี้ Android เล่นระบาดไปทุกหัวระเเหง ทำให้นิยามของ ?สมาร์ทโฟน? ที่เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถติดตั้งเเอพลิเคชั่นเพิ่มได้ตามความต้องการใช้งาน กลายเป็นสินค้าธรรมดาๆ ไปเเล้ว ทำให้ฟีเจอร์โฟนกลายเป็นตลาดระดับล่างถึงล่างมาก จนคนไม่คิดสนใจที่จะซื้อ ตอนไปในงานผมยังเห็นมีผู้หญิงวัยกลางคนมาถามผมว่าจะซื้ออะไรดีระหว่า HTC Sensation กับ Samsung Galaxy S II จนทำให้เรารู้สึกว่า Android ที่จากเดิมเป็นคนเล่นที่เฉพาะกลุ่มจริงๆ นั้น ณ วันนี้มันได้มาเป็นสมาร์ทโฟนของมหาชนไปเรียบร้อยเเล้ว ผู้ผลิตเเต่ละเจ้าก็พยายามทำอินเตอร์เฟซให้ดูสวยงามน่าใช้
ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากความสับสน
จากหลายๆ เหตุการณ์ที่กล่าวมาด้านต้น ก็ถือเรียกว่างัดกลยุทธ์มาใช้กันทุกด้าน? เเละความผิดพลาดในการอ่านทิศทางของผู้บริโภค ก็เจ็บตัวกันไปค่อนข้างเยอะจากการเเข่งขันที่รุนเเรงเนื่องจากสมาร์ทโฟนมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ทำให้ใครๆ ก็อยากเข้ามามีส่วนเเบ่งในตลาด เเละการเปลี่ยนเเปลงรุ่นที่วางขายออกมาในตลาดนั้นเร็วมาก ยังไงบทความนี้ก็เป็นเพียงมุมมองหนึ่งของผู้เขียนเท่านั้น บางท่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็เเล้วเเต่ ลองเเชร์ความคิดเห็นกันได้ครับ ^^