ในปีที่ผ่านมา Apple ยังคงวางจำหน่าย iPhone ที่มีความจุเริ่มต้นที่ 16 GB อยู่ ซึ่งไม่มีสามารถเพิ่มความจุ microSD ได้ด้วยอีกต่างหาก ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานประมาณสิบกว่า GB เท่านั้น หากหักลบพื้นที่ของซอฟต์แวร์ในเครื่องออกไป ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนที่ซื้อไปเกิดปัญหาพื้นที่ใน iPhone เต็มอย่างรวดเร็ว เพราะตอนแรกอาจจะคิดว่าไม่ได้ใช้งานอะไรมากมาย แต่ปัจจุบันนนั้นส่วนประกอบในสมาร์ทโฟนพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่นกล้องที่มีความละเอียดมากขึ้นก็ต้องมีขนาดไฟล์มากขึ้น หรือแอพพลิเคชั่นที่ต้องอัพเดทไปเรื่อย ๆ ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นต้น ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนต้องตัดสินใจซื้อ iPhone 7 รุ่นใหม่ในที่สุด เนื่องจากเหตุผลที่ว่าความจุ iPhone รุ่นเดิมไม่เพียงพอ
หลังจากที่ iPhone 7 เปิดตัวมาพร้อมกับความจุเริ่มต้นขนาด 32 GB ในราคาเท่าเดิมนั้น ทำให้มาตรฐานความจุพื้นฐานของสมาร์ทโฟนทั่วโลกยกระดับขึ้นไปเป็น 32 GB ที่สำคัญยังมีให้เลือกสูงสุดที่ 256 GB และในปีนี้เองมีรายงานมาว่า Apple จะเปลี่ยนความจุพื้นฐานของ iPhone เป็น 64 GB เนื่องจากจุดด้อยของ iPhone ที่ไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้ และในอนาคตขนาดไฟล์ข้อมูลต้องยิ่งเพิ่มขนาดขึ้นไปอีกและ ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ในเวลา 1 นาทีนั้น จะทำให้ขนาดไฟล์ใหญ่ถึง 375 MB !! และถ้าถ่ายที่เวลา 1 ชั่วโมง จะมีขนาดไฟล์อยู่ที่ 22 GB เลยทีเดียว
จากกราฟด้านบนแสดงผลโหวตของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนประมาณ 3,000 คนในเว็บไซต์ Phonearena ได้โหวตให้ความจุ 64 GB เป็นความจุพื้นฐานที่ต้องการมากที่สุด
ไม่ใช่เพียง Apple ที่เปลี่ยนขนาดพื้นที่เก็บภายในให้มากขึ้น แต่เหล่าบรรดาสมาร์ทโฟน Android หลายรุ่นได้เริ่มเปลี่ยนความจุพื้นฐานเป็น 64 GB เรียบร้อยในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ที่เพิ่งเปิดตัวไป รวมถึง LG G6 , Huawei Mate 9 และ P10 เป็นต้น แต่สมาร์ทโฟน Android ไม่น่าเป็นห่วงเพราะสามารถเพิ่ม microSD ได้
ที่มา Phonearena