หลังจากปีที่แล้ว Google ได้เปิดตัวแท็บเล็ต Nexus 7 รุ่นแรกออกมา ซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่ทาง Google ร่วมมือกับ ASUS ในการผลิตและจัดจำหน่าย โดยเสียงตอบรับก็ออกมาในทิศทางที่ดี เหตุผลหลักๆ ก็คือเรื่องของราคาที่คุ้มค่า (ในต่างประเทศ) และการอัพเดตเวอร์ชัน Android ที่ได้รับการอัพเดตจาก Google ทันทีที่มีเวอร์ชันใหม่ออกมาตามธรรมเนียมปกติของเครื่องตระกูล Nexus
และแน่นอนว่าเมื่อ Google เปิดตัว Nexus 7 รุ่นที่ 2 ออกมา ก็ย่อมได้รับความสนใจอีกเช่นเคย แถมปีนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มในหลายๆ ด้านเพื่อลบจุดอ่อนของ Nexus 7 รุ่นแรกได้ดีทีเดียว ทางเราก็จะไม่พลาดที่จะหา Nexus 7 2 ตัวใหม่มีรีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ เริ่มเลยแล้วกัน
ก่อนอื่นขอเกริ่นให้ทราบเกี่ยวกับตัว Nexus ก่อนนะครับ โปรเจ็กต์เครื่องในตระกูล Nexus นั้นเป็นโปรเจ็กต์จากทาง Google ที่ต้องการตั้งมาตรฐานให้กับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android ในตลาด ว่าควรจะเป็นอย่างไร ถึงจะใช้งาน Android ได้ดี อีกทั้งเป็นการกำหนดทิศทางอนาคตของอุปกรณ์ Android ในรอบปีนั้นด้วยว่าควรจะมีฟีเจอร์อะไรบ้างเป็นมาตรฐาน ซึ่ง Google จะทำหน้าที่ในส่วนการออกแบบและวางแผนเป็นหลัก (แต่ในภายหลังก็เปิดขายผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเองด้วย) ส่วนพาร์ทเนอร์จะเป็นฝ่ายผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องออกไป
จุดเด่นของเครื่องในตระกูล Nexus ก็เช่น
- ราคาคุ้มค่ามาก เมื่อเทียบสเปคกับรุ่นอื่นในตลาดที่สเปคใกล้เคียงกัน
- ในเครื่องจะมีแต่ตัว Android และแอพพื้นฐานจากบริการบางส่วนจาก Google เพียวๆ ไม่มีแอพส่วนเกินมาให้เกะกะเครื่อง
- ถ้ามี Android เวอร์ชันใหม่ออกมา เครื่องตระกูล Nexus จะได้รับการอัพเดตเป็นกลุ่มแรก และได้ระยะเวลาการซัพพอร์ตด้านการอัพเดตเวอร์ชัน Android ไม่น้อยกว่า 2 ปีแน่นอน (ถ้าให้ชัวร์ก็คือ 1 ปีครึ่ง) อย่างเช่น Galaxy Nexus ตอนนี้ก็ได้ใช้งาน Android 4.3 แล้ว ส่วนรุ่นก่อนหน้าก็ยังมีนักพัฒนาทำรอมโมของเวอร์ชันใหม่ๆ ให้ใช้กันอยู่ หรืออย่าง Nexus One ก็ยังมีคนทำรอมโมของ 4.2.2 และ 4.3 ให้อยู่
- อารมณ์จะคล้ายกับ iPhone/iPad คือเป็นเครื่องที่ Google จัดการปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ได้ดีที่สุด เพราะสเปคต่างๆ Google เป็นผู้กำหนดเองทั้งหมด รับรองว่าใช้งานได้ลื่นไม่แพ้ iPhone/iPad เลยทีเดียว
ทีนี้ เรามาชมรีวิว Nexus 7 2 กันดีกว่าครับ
Nexus 7 2 หรือที่มีโค้ดเนมว่า Razor นั้น Google ยังคงเลือกให้ ASUS เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายให้เช่นเดิม และก็ยังคงมาในชื่อเดิมด้วยนั่นคือ Nexus 7 ส่วนเลข 2 ที่ต่อท้ายนั้น เป็นเลขที่ใส่กันเพื่อให้เข้าใจง่ายว่าเป็นรุ่นที่สอง ซึ่งบางครั้งเราอาจจะเห็นการเรียกชื่อเป็น Nexus 7 (2013) ที่ใช้เลขปีในการบอกรุ่นก็เป็นได้ เพราะทาง Google เองก็บอกชื่อแค่ว่าเป็น Nexus 7 เท่านั้น ซึ่งการเลือกใช้ชื่อเดิม ก็แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า Nexus 7 รุ่นแรกจะถูกนำออกจากตลาดทันทีเมื่อ Nexus 7 2 เริ่มวางจำหน่าย (ซึ่งในหลายประเทศก็เอาออกไปเรียบร้อยแล้ว)
สเปค Nexus 7 2 (2013)
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 Pro APQ8064-1AA ความเร็ว 1.5 GHz ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนชิปภายในให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่า APQ8064 ปกติ (คาดว่าน่าจะเป็น Snapdragon 600 ที่ลดคล็อกความเร็วลงมา)
- มาพร้อมชิปกราฟิก Adreno 320
- แรม 2 GB
- หน้าจอพาเนล IPS ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล (ระดับ Full HD) มีค่าความหนาแน่นพิกเซลอยู่ที่ 323 PPI
- กระจกหน้าจอใช้เป็น Gorilla Glass
- พื้นที่เก็บข้อมูลในตัวมีให้เลือกทั้ง 16 และ 32 GB
- มีกล้องหลังมาให้แล้ว กับความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- ติดตั้ง Android 4.3 มาให้ตั้งแต่เริ่ม
- รองรับ NFC และรองรับการชาร์จไฟแบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi
- มีลำโพงสองจุดบน/ล่าง
- แบตเตอรี่ 3950 mAh
- น้ำหนักเครื่อง 290 กรัม
- มีจำหน่ายทั้งรุ่น WiFi และ WiFi+Cellular (ใช้ไมโครซิม) ที่ใช้งานได้แค่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ไม่สามารถใช้เป็นโทรศัพท์ได้
- ราคา Nexus 7 2 รุ่น WiFi 16 GB อยู่ที่ $229 แปลงแล้วอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท ส่วนรุ่น 32 GB อยู่ที่ $269 (8,300 บาท) ปิดท้ายด้วยรุ่น cellular อยู่ที่ $349 (10,000 บาท) แต่ทั้งนี้ ยังไม่เปิดราคาและกำหนดการจัดจำหน่ายในไทย
- สเปค Nexus 7 2 เต็มๆ
ถ้าในด้านของสเปคแล้ว Nexus 7 2 เรียกว่าเป็นแท็บเล็ต 7 นิ้วที่จัดเต็มที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดปัจจุบัน ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือชิปประมวลผลที่เลือกใช้ชิปไลน์บน แล้วมาปรับปรุงส่วนคอร์ภายในให้ดีขึ้นกว่าเก่า ซึ่งเรื่องผลการทดสอบ จะอยู่ในส่วนท้ายๆ ของรีวิว Nexus 7 2 นะครับ อีกจุดที่เห็นได้ชัดก็คือหน้าจอที่ปรับขึ้นไปใช้ความละเอียดสูงถึง 1920 x 1200 อัตราส่วน 16:10 จัดว่าเป็นแท็บเล็ตขนาดเล็กที่จอคมชัดที่สุดตัวหนึ่งในตลาดเลยทีเดียว
ภายในกล่องของ Nexus 7 2 ก็มีอุปกรณ์มาให้เท่าที่จำเป็น ได้แก่เอกสารคู่มือ, สาย Micro USB และอะแดปเตอร์ชาร์จไฟเท่านั้น สำหรับใครที่ต้องการใช้หูฟัง คงต้องไปหาซื้อเพิ่มเติมเองภายหลัง
หน้าเครื่องของ Nexus 7 2 นั้นใช้เป็นกระจก Gorilla Glass ทั้งแผง ตัวกระจกนั้นสะท้อนแสงภายนอกพอสมควร แต่เนื่องด้วยความสว่างจอที่ค่อนข้างโอเค ทำให้สามารถใช้งานเครื่องกลางแจ้งได้อย่างไม่ลำบากนัก
ในด้านของดีไซน์หน้าจอ เป็นที่พูดถึงกันมาตั้งแต่ช่วงเปิดตัวแล้วครับ นั่นคือจุดของขอบจอบนและล่างของเครื่อง ที่เว้นเนื้อที่ไว้เยอะมากคือด้านละประมาณ 1 หัวแม่มือ ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่ามันกว้างเกินไปจริงๆ แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เช่นเวลาเราถือเครื่องในแนวนอน อย่างตอนเล่นเกม หรือดูวิดีโอในแนวนอน การที่มีขอบจอกว้างๆ มันก็ช่วยป้องกันนิ้วหรือมือเราไปแตะสั่งการหน้าจอโดยบังเอิญได้เหมือนกัน ก็มองซะว่ามันเป็นข้อดีข้อหนึ่งแล้วกันนะ จะได้ไม่คิดมาก
ซึ่งตรงขอบจอแต่ละด้านก็จะมีอุปกรณ์ติดตั้งอยู่ อย่างเช่นด้านบนจะมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์วัดแสงสำหรับปรับระดับความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ ส่วนด้านล่างจะมีจุดไฟ LED Notification ที่ไฟจะกระพริบเมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามา ซึ่งเท่าที่ลองสังเกต พบว่ามีไฟสีขาวอย่างเดียวครับ แต่ดูเหมือนว่าจะมีระดับความสว่างแตกต่างกันในแต่ละการแจ้งเตือน อย่างที่พบก็คือไฟแจ้งเตือนอีเมลจะสว่างกว่าแจ้งเตือนข้อความแชทจาก Facebook แต่อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่สามารถแสดงไฟได้สีเดียว ไม่เหมือนใน Nexus 4 ที่สามารถแสดงได้หลายสี ทั้งยังปรับสีตามแอพได้เองจากแอพ Light Flow อีก (ส่วน Nexus 7 2 ใช้ Light Flow ไม่ได้ผลครับ)
ปุ่มสั่งงานหลักๆ 3 ปุ่มคือ Back, Home และ Recent App จะใช้เป็นแบบ On-screen จากตัว Android ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ซอฟต์แวร์ปรับแต่งได้ (คาดว่าคงจำเป็นต้อง root)
มาพูดถึงหน้าจอกันบ้าง อย่างที่ทราบแล้วว่า Nexus 7 2 มาพร้อมหน้าจอพาเนล IPS ความละเอียด 1920 x 1200 (ระดับ Full HD) ซึ่งด้วยหน้าจอที่มีขนาดเพียง 7 นิ้ว เลยทำให้ค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลบนหน้าจอสูงถึง 323 PPI ในขณะที่ iPad mini จะอยู่ที่ 162 PPI และ iPad 4 จะอยู่ที่ 264 PPI เท่านั้น ทำให้ภาพที่ปรากฏบนจอมีความคมชัดสวยงาม ขอบตัวอักษรแทบไม่มีรอยหยักเลย แม้จะขยายขนาดตัวอักษรให้ใหญ่สุดก็ตาม เหมาะกับการดูภาพถ่ายความละเอียดสูงๆ และรับชมวิดีโอ Full HD เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนมุมมองของจอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะสามารถมองภาพได้ในมุมกว้างมากๆ โดยที่ยังเห็นสีสันไม่ผิดเพี้ยน จัดว่าเป็นส่วนน่าประทับใจอีกส่วนหนึ่งของแท็บเล็ต Nexus 7 2 ตัวนี้เลย และยิ่งเทียบกับแท็บเล็ต 7 นิ้วหลายๆ รุ่นในตลาด รับรองว่าไม่มีรุ่นไหนใส่จอ IPS Full HD ลงมาขายในราคานี้ได้แน่นอนในขณะนี้ แม้เวลามาขายในไทยจะราคาบวกไปจากนี้ก็ตาม
ภาพด้านบนนี้เป็นภาพเปรียบเทียบให้เห็นขนาดเม็ดพิกเซลที่แตกต่างกัน ที่สื่อด้วยความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลบนหน้าจอ โดยในภาพซ้ายมาจากจอของ Nexus 7 2 ที่มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซล 323 PPI (1920×1200 บนจอ 7 นิ้ว) เทียบกับ iPad mini ซึ่งอยู่ที่ 162 PPI (1024×768 บนจอ 7.9 นิ้ว) จะเห็นได้ชัดว่าเม็ดพิกเซลของจอ Nexus 7 2 มีขนาดเล็กกว่าบน iPad mini ร่วมเท่าตัว โดยเม็ดพิกเซลที่เล็กกว่า ก็จะทำให้ขอบโค้ง/เส้นเฉียงของภาพหรือตัวอักษรมีรอยหยักน้อยลงจนสังเกตได้ยาก ถ้าใครเคยใช้งานจอ iPhone 4, iPad 3 ขึ้นมาหรือเครื่องที่มีหน้าจอ PPI สูงๆ ก็น่าจะเห็นภาพได้ดีครับ ว่าจอที่ค่า PPI สูงๆ ภาพมันเนียนขนาดไหน
ซึ่งจุดนี้ น่าจะเป็นที่ทำให้หลายๆ คนอยากได้จอระดับ Retina Display บน iPad mini เสียที
ลองใช้งาน Nexus 7 2 ในแนวนอนดูบ้างครับ อินเตอร์เฟสทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ดี
แต่ในช่วงแรกๆ นี้ ดูเหมือนจะมีผู้ใช้ Nexus 7 2 พบปัญหาระบบมัลติทัชของหน้าจอเพี้ยนๆ ตามคลิปด้านล่างนี้
ซึ่งเท่าที่ผมรีวิว Nexus 7 2 มา ก็พบปัญหาอยู่บ้าง บางทีก็มีการสั่งงานหน้าจอเองทั้งที่ไม่ได้แตะจอ โดยคาดว่าน่าจะมีปัญหาเฉพาะเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน JSS15J เท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นปัญหาในส่วนของซอฟต์แวร์ก็คงแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแต่รอการอัพเดตจากทาง Google เท่านั้นเอง
*** ล่าสุด Google ปล่อยอัพเดตแก้ปัญหาดังกล่าวใน Nexus 7 2 แล้ว ***
พลิกมาด้านหลัง จะเห็นโลโก้คำว่า nexus คาดยาวอยู่ตรงกลางเครื่อง ที่น่าแปลกใจหน่อยก็คือโลโก้จะพาดเป็นแนวนอน
ผิวสัมผัสของฝาหลังใช้การเคลือบด้วยซอฟท์ทัช ติดมือ ช่วยให้สามารถจับเครื่องได้ถนัดและไม่น่าจะหลุดมือง่ายๆ แต่ด้วยความเป็นซอฟท์ทัช จึงทำให้มีคราบรอยนิ้วมือติดค่อนข้างง่าย ดังนั้นอาจจะต้องทำความสะอาดบ่อยหน่อย หรือไม่ก็หาเคสมาใส่ซะ ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มมีเคสขายหลังจาก Asus ในไทยเปิดวางขาย Nexus 7 2 ได้ไม่นาน ใครที่ซื้อเครื่องหิ้วช่วงนี้ ก็คงต้องหาเคสหิ้วมาใช้งานกันไปก่อนนะครับ
อ้อ ใช้งานเคสของ Nexus 7 รุ่นแรกไม่ได้ด้วยนะ เพราะขนาดตัวเครื่องแตกต่างกันเล็กน้อย
ฟีลลิ่งการจับถือจากการทดสอบรีวิว Nexus 7 2 มานั้น ต้องบอกว่าดีมาก สามารถถือใช้งานด้วยมือเดียวได้สบายๆ ขอบมุมที่ลู่โค้งลงรับกับอุ้งมือ ช่วยให้จับได้ถนัดมือกว่า Nexus 7 ตัวแรกมาก อีกทั้งตัวเครื่องที่บางลงกว่าเดิม น้ำหนักที่ไม่มากนัก รับรองว่าได้จับแล้วน่าจะมีหลายคนติดใจแน่ๆ
มุมซ้ายบนสุดมีกล้องหลังติดตั้งอยู่ภายในกระจกใส ที่ออกแบบมาเป็นเบ้าลึกลงไปจากผิวฝาหลังเล็กน้อย
ลำโพงของ Nexus 7 2 จะมีติดตั้งอยู่ทั้งส่วนบนและล่างสุดของจอในระบบสเตอริโอ ช่วยให้พลังเสียง surround ออกมาได้ดีกว่าเดิม โดยเลือกใช้ระบบเสียงจาก Fraunhofer เสียงที่ได้ออกมาจากการฟังเพลงระหว่างรีวิว Nexus 7 2 พบว่าก็มีคุณภาพที่ค่อนข้างโอเค ที่เห็นได้ชัดก็คือเรื่องความดังของเสียงที่ดีกว่าแท็บเล็ตลำโพงเดี่ยว หรือถ้าใครอยากได้พลังเสียงที่ดีขึ้น ก็สามารถต่อหูฟังหรือลำโพงผ่านทางช่องเสียบแจ็คขนาด 3.5 มิลลิเมตรได้เช่นเคย
ด้านบนของ Nexus 7 2 มีเพียงช่องเสียบแจ็คขนาด 3.5 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนด้านล่างนั้นมีช่อง Micro USB ที่ทาง Google เรียกชื่อว่า SlimPort อยู่เพียงช่องเดียว
ฝั่งซ้ายของเครื่องไม่มีปุ่มใดๆ อยู่เลย เพราะปุ่มสั่งงานต่างๆ ไปอยู่ทางด้านขวากันหมด ตามในรูปขวาล่าง ด้านบนสุดเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดเครื่องและล็อคหน้าจอ ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ส่วนช่องเล็กๆ นั้นคือช่องรับเสียงของไมค์ในตัวเครื่อง
ตำแหน่งของปุ่ม power นั้น เท่าที่ลองใช้งานในระหว่างการรีวิว Nexus 7 2 ถ้าจับด้วยมือขวาโดยให้นิ้วหัวแม่มืออยู่บนจอ แล้วใช้นิ้วชี้ขวากดปุ่ม ก็สามารถกดได้ถนัดดี แต่ถ้าหากถือเครื่องไว้ให้ฝาหลังอยู่ในอุ้งมือ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกดปุ่ม จะค่อนข้างลำบาก เพราะด้านข้างของเครื่องจะโค้งเป็นสโลปลู่ลงไปหาด้านหลัง ไม่ได้ตัดเป็นเหลี่ยมเหมือนในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ ทำให้นิ้วหัวแม่มือมีโอกาสลื่นจากปุ่มได้ง่าย
ลองจับ Nexus 7 2 มาเทียบกับ iPad mini ดู ขนาดหน้าจอต่างกันพอสมควรทีเดียว ส่วนของความยาวนั้นเท่าๆ กัน
ทีนี้ก็จับ Nexus 4 มาเทียบขนาดกันซักเล็กน้อย
อินเตอร์เฟสกล้องจะเป็นในแบบของ Nexus ที่เป็น Pure Android แบบเดียวกับใน Nexus 4 มาพร้อมกับฟีเจอร์การถ่ายหลักๆ 4 รูปแบบได้แก่ถ่ายรูปแบบธรรมดา, พาโนรามา, ถ่ายวิดีโอและถ่ายในโหมด Photo Sphere ที่สามารถเก็บภาพได้ 360 องศารอบตัว
ด้านของการปรับแต่งสำหรับการถ่ายภาพ สามารถปรับค่าพื้นฐานต่างๆ ได้แก่
- Exposure
- Location Tag
- ตั้งเวลานับถอยหลัง
- ความละเอียดภาพถ่าย
- White balance
- Scene mode
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจากการรีวิว Nexus 7 2
จากภาพที่ถ่ายมาทั้งหมด มีเพียงภาพเดียวที่จำเป็นต้องปรับ white balance คือภาพ onion ring เพราะไฟในร้านเป็นสีส้มเหลือง ซึ่งตัวกล้องวัดและเฉลี่ย white balance แบบอัตโนมัติได้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ถ้าสภาพแสงปกติ ระบบการวัดและชดเชยแสงถือว่าทำได้ดีเลย
ภาพตัวอย่างอินเตอร์เฟสจากการรีวิว Nexus 7 2
ในตัว Android สำหรับแท็บเล็ต จะมีฟีเจอร์การสร้างบัญชีผู้ใช้ภายในเครื่องด้วย จะเหมาะกับแท็บเล็ตที่ต้องใช้ร่วมกันหลายคน เพราะระบบเปิดให้ผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถกำหนดสิทธิ์การใช้งานแอพได้ ว่าจะให้ผู้ใช้แต่ละคนมองเห็นและเรียกใช้งานแอพอะไรได้บ้าง
ผลทดสอบประสิทธิภาพจากการรีวิว Nexus 7 2
ถ้าดูข้อมูลจาก CPU-Z จะพบว่าข้อมูลชิปประมวลผลจะเห็นเป็น APQ8064 ปกติ แต่จะไปเห็นผลต่างจริงๆ ก็คือตอนเทสประสิทธิภาพครับ?
ประสิทธิภาพของชิป Snapdragon S4 Pro APQ8064-1AA ใน Nexus 7 2 นั้น จัดว่าน่าประทับใจมากทั้งด้านการคำนวณและด้านกราฟิกครับ เรียกว่าสามารถเอามาเล่นเกมได้สบาย ถือเป็นอุปกรณ์ Android ที่แรงที่สุดรุ่นหนึ่งในขณะนี้เลยทีเดียว
แนบผลการทดสอบอื่นๆ ที่น่าสนใจลงไปด้วยครับ จะมีแปลกๆ หน่อยก็คือในหลายๆ ที่ยังมองเห็นว่า Nexus 7 เครื่องนี้ใช้ชิปเป็น Tegra 3 จาก Nexus 7 รุ่นแรกอยู่เลย เนื่องมาจากมันยังไม่มีข้อมูลของ Nexus 7 2 รุ่นปัจจุบัน แต่ยังดีที่ผลเทสออกมาค่อนข้างตรงกับความเป็นจริง
การใช้งานจริง สามารถใช้งานได้ลื่นไม่ต่างจาก iPad เลยทีเดียว ไม่ว่าจะความลื่นในการเลื่อน (transition), อนิเมชันต่างๆ รวมไปถึงการเรียกใช้งานแอพก็ทำได้เร็ว ตอบสนองได้ทันใจ อ่าน PDF ได้ลื่น ใช้เวลาในการโหลดหน้าไม่นานเหมือนแท็บเล็ต Android หลายๆ รุ่นที่เคยจับมาเลยทีเดียว เอาเป็นว่าใครอยากใช้งานแท็บเล็ต Android ลื่นๆ Nexus 7 2 จะเป็นทางเลือกที่ดีอย่างแน่นอน
ส่วนปัญหา GPS หลุด ตัวผมเองยังไม่เจอ เพราะยังไม่ค่อยได้ใช้งาน GPS นอกบ้านซักเท่าไรนัก (ไม่ได้แชร์เน็ตตลอดเวลา ตรงจุดนี้ถ้ามีโอกาส จะมาเพิ่มเติมให้ภายหลังครับ)
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่
ด้านของการใช้งานแบตเตอรี่ เท่าที่ผมรีวิวมา ด้วยรูปแบบการใช้งานทั่วๆ ไป คือต่อ WiFi ตลอด เปิดหน้าเว็บ เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค เล่นเกมบ้าง เปิด YouTube ผลก็คือแบตสามารถใช้งานได้สองวันกว่าๆ แต่ถ้าใช้งานแบบหนักๆ ก็น่าจะได้ประมาณ? 1 วันนะครับ
สรุปรีวิว Nexus 7 2 (2013)
น่าจะครบถ้วนกันแล้วนะครับ สำหรับรีวิวแท็บเล็ต Nexus 7 2 (2013) รุ่นใหม่ล่าสุดตัวนี้ ที่น่าจะกลายเป็นแท็บเล็ต Android ที่แรงและคุ้มค่าที่สุดแห่งได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยสเปคในตัวที่เรียกได้ว่าจัดเต็มแทบทุกองค์ประกอบ ถ้าให้ข้ามไปเทียบกับสมาร์ทโฟน ก็จัดอยู่ในกลุ่มท็อปราคาสองหมื่นกว่าบาทได้เลย ยิ่งถ้ามองในกลุ่มแท็บเล็ตด้วยกันก็ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่า Nexus 7 2 แรงมากจริงๆ ส่วนเรื่องราคา ถ้ามองด้วยราคาในสหรัฐฯ ที่เริ่มต้นเพียงราวๆ 7,000 บาท ก็นับว่าเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับแท็บเล็ตสเปคนี้ แม้ในไทยอาจจะมีบวกเพิ่มขึ้นไป แต่ก็คาดว่าน่าจะยังอยู่ในระดับคุ้มค่าแน่ๆ
ทั้งสถานการณ์ของ Nexus 7 2 เองก็ดีกว่า Nexus 7 ของปีที่แล้วอยู่มาก เพราะรุ่นของปีที่ผ่านมา มาพร้อมกับสเปคที่ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าแท็บเล็ต Android จากแบรนด์อื่นเท่าไรนัก จะมีเรื่องราคาถูกกว่าที่เป็นจุดเด่นหลัก แต่กับใน Nexus 7 2 ที่มาพร้อมสเปคล้ำกว่าแท็บเล็ตอื่นๆ ในช่วงขนาดเดียวกัน (หรือจะยกขึ้นไปวัดกับแท็บเล็ตจอใหญ่ๆ ก็ยังได้) ไม่ว่าจะเรื่องหน่วยประมวลผล, หน้าจอความละเอียดระดับ Full HD, การรองรับ NFC และการชาร์จไฟแบบไร้สาย แถมคราวนี้ยังมีกล้องหลังติดมาให้ใช้งานอีก ซึ่งภาพที่ออกมาก็จัดว่าอยู่ในระดับน่าพอใจและน่าจะถูกใจหลายๆ คน นับว่าคราวนี้ Google กับ Asus ทำการบ้านมาดีจริงๆ กับ Nexus 7 รุ่นสองตัวนี้
เชื่อได้ว่าน่าจะมีหลายคนกำลังสนใจจะหาซื้ออยู่แน่ๆ ในด้านของราคาและกำหนดการวางจำหน่ายแบบเป็นทางการในไทย อันนี้คงยังตอบไม่ได้ครับ เพราะจะขึ้นอยู่กับทาง Asus ประเทศไทยเป็นผู้กำหนด แต่ก็น่าจะพอประมาณการณ์จาก Nexus 7 ตัวแรกได้ คือจะวางจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้ ในช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาทครับ ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าจะออกมาเท่าไหร่ ส่วนเครื่องหิ้วจากต่างประเทศ ก็พอมีจำหน่ายตามร้านขายเครื่องหิ้วชื่อดังกันบ้างแล้วครับ
ล่าสุด Google เริ่มปล่อยอัพเดตแก้ปัญหาทัชสกรีนและ GPS แล้วนะครับ
ว่าแต่ ถ้าทาง SpecPhone จะขายเครื่องที่รีวิวนี้ต่อ มีใครสนใจหรือเปล่าครับ ?
โดยทางเราจะขายต่อในราคา 9,000 บาท ใครที่สนใจจะซื้อหรือสอบถาม รบกวนส่งอีเมลมาที่?webmaster@specphone.com?ซึ่งในกรณีที่มีผู้ให้ความสนใจหลายคน ทางเราจะยึดตามคิวของอีเมลที่เข้ามานะครับ
ข้อดี
- เร็ว แรง ลื่น ….นี่ซิ แท็บเล็ต Android ที่ควรจะเป็น
- งานประกอบ วัสดุ และรูปร่างตัวเครื่องทำออกมาได้ดี ถือง่ายกว่าเดิม
- หน้าจอสวย เป็นแท็บเล็ตจอ 7 นิ้วที่ภาพคมชัดที่สุดในปัจจุบัน
- ถ้ามองจากราคาและสเปค ถือเป็นแท็บเล็ตที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด
- ภาพถ่ายจากกล้องหลังสวย ระบบ process ภาพทำออกมาได้ดี
- สามารถชาร์จไฟแบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi ได้ ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายของสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นได้
ข้อสังเกต
- ขอบหน้าจอบน/ล่างค่อนข้างกว้างไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้งาน