กล่องแอนดรอยด์คืออะไร ราคาเท่าไหร่ และซื้อกล่อง Android Box ยี่ห้อไหนดีในปี 2021
ในยุคสมัยที่ใครๆ ก็อยากอยู่ที่บ้าน เนื่องด้วยสถานการ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้เด็กนักเรียน คนทำงาน และอีกหลายๆ คนออกไปนอกบ้านกันไม่ค่อยได้ ถึงแม้ว่าจะต้องเรียนออนไลน์ หรือว่านั่งทำงานอยู่ที่บ้านของตัวเองก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเบื่อ หรือความเครียดได้นั้น ก็คือความบันเทิง ทั้งการเล่น Social Media หรือว่าการดูหนัง ฟังเพลง และถึงแม้ว่าเราจะสามารถดูหนังผ่านมือถือได้ก็ตาม แต่ถ้าได้ดูผ่าน TV จอใหญ่กว่า ก็เป็นอะไรที่ช่วยสร้างอรรถรสในการดูหนัง หรือดูอย่างอื่นได้มากขึ้น สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อ โหลดแอพต่างๆ มาบน TV ได้ก็คงจะหนีไม่พ้นกล่องแอนดรอยด์ ที่เป็นตัวช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อ และเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้กับ Smart TV ให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น เว้นแต่ว่าจะใช้งาน TV Android อยู่แล้ว (อ่านต่อ Android TV ต่างจาก Smart TV อย่างไร) สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่ากล่อง Android Box คืออะไร ราคาแพงหรือไม่ มีราคาถูกเท่าไหร่บ้าง และจะซื้อยี่ห้อไหนดีในปี 2021 วันนี้ทาง Specphone จะมาแนะนำกล่องแอนดรอยด์ยี่ห้อต่างๆ ที่มีวางขายอยู่ มาลองดูกันว่ามี Android Box ตัวไหนที่เหมาะกับเรา และน่าใช้งานบ้าง
กล่องแอนดรอยด์ (กล่อง Android Box) คืออะไร
กล่องแอนดรอยด์ หรือว่า Android Box คือกล่องรับสัญญาณขนาดเล็ก ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Smart TV เพื่อทำให้ TV ทั่วไปนั้นสามารถเข้าถึงแอพ และแสดงหน้าจอออกมาได้เหมือนกับ Android TV หรือถ้าให้พูดกันง่ายๆ ก็คือการเปลี่ยน Smart TV ให้เป็นเหมือนกับมือถือที่เราใช้งานกันอยู่ โดยการโหลดแอพต่างๆ ผ่าน Google Play Store เหมือนกันทั้งหมด ส่วนการเชื่อมต่อนั้น ส่วนใหญ่จะใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย HDMI หรือสายอื่นๆ แล้วแต่ว่ารุ่นนั้นทำออกมาให้ใช้งานแบบไหน
ที่สำคัญก็คือ ถึงแม้ว่าจะเป็นกล่องแอนดรอยด์ และทำหน้าที่ได้คล้ายกับมือถือ หรือ Android TV ก็ตาม แต่ความลื่นไหลของหน้าจอนั้น ขึ้นอยู่กับตัว Smart TV ในแต่ละรุ่นที่รองรับด้วย ดังนั้นถ้ารุ่นไหนที่เก่าเกินไป ก็อาจจะทำให้การใช้งานมีความช้า และสะดุดบ้างในบางตอนที่เลือกเมนู และการรองรับแอพต่างๆ ก็ยังไม่เยอะเท่ากับมือถือหรือ Android Tv ด้วย
และด้วยความที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เหมือนมือถือ Smart Phone ที่เราใช้งานกันอยู่ เราจึงสามารถสะท้อนหน้าจอ (Chromecast) จากหน้าจอมือถือ ขึ้นไปยังหน้าจอ Smart TV ที่มีกล่องแอนดรอยด์ได้ด้วย (อ่านต่อ วิธีต่อมือถือเข้าทีวีไร้สาย) เพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้อย่างดีเลยทีเดียว ส่วนคุณสมบัติและความจำที่มีมาให้ จะขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อของกล่องแอนดรอยด์ ที่ทำออกมาแตกต่างกันไป บางตัวก็สามารถเพิ่มความจำให้กับเครื่องได้อีก หรือมีฟีเจอร์ที่ต่างกันออกไปอีกด้วย ก่อนจะซื้อมาใช้งานก็ควรที่จะต้องคำนึงถึงการใช้งานของตัวเองก่อน ว่าจะซื้อมาใช้งานอะไรบ้าง รวมไปถึงราคาที่มีตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่นเลย ส่วนยี่ห้อที่น่าสนใจและมีขายอยู่ในตอนนี้จะมียี่ห้อไหนบ้างลองไปดูกันได้เลย
ซื้อกล่องแอนดรอยด์ (กล่อง Android Box) ยี่ห้อไหนดีในปี 2021
สำหรับกล่องแอนดรอยด์หรือ Android Box แต่ละยี่ห้อที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ จะเป็นยี่ห้อที่มีวางขายอยู่บนร้านค้าออนไลน์ หรือว่าร้านค้า IT ชั้นนำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าจะนำมาใช้งานแบบไหน รวมไปถึงราคาที่มีตั้งแต่ราคาถูก ไปจนถึงราคาแพงๆ เลย ซึ่งเราไม่สามารถแนะนำได้ว่าควรซื้อยี่ห้อไหนดี เพราะว่าการตัดสินใจนี้ ขึ้นอยู่กับการใช่งานของแต่ละคนเป็นหลัก พร้อมแล้วก็ไปกันเลย
1. Google Chromecast
มาเริ่มกันที่กล่องแอนดรอยด์ ที่จะพูดว่าเป็นกล่องก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าพูดถึงคุณสมบัติ และการใช้งานต่างๆ ก็ต้องบอกเลยว่าทำได้เหมือนกันแน่ๆ ซึ่งตัว Google Chromecast นั้นทำออกมาอยู่หลายรุ่น ตั้งแต่รุ่นธรรมดาถึง Ultra แถมยังมีรูปร่างที่เล็กกะทัดรัด จะจัดวางตรงไหนก็ง่ายและสะดวก ซึ่งในรุ่นสูงๆ นั้นสามารถรองรับภาพได้ถึงระดับ HD 1080p แบบ 60fps และระดับ 4K สามารถเชื่อมต่อได้ด้วยสาย HDMI ที่มีมาให้เลย และยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือไม่ว่าจะเป็น Android หรือว่า iOS ได้ทั้งหมดเลย อีกทั้งยังสามารถโหลดแอพความบันเทิงต่างๆ ทั้งหนัง หรือแอพเล่นเกมต่างๆ ได้อีกมากมาย โดยรวมแล้วตัว Google Chromecast นี้ค่อนข้างมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน และมีราคาเริ่มต้นจากร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada ประมาณ 800-2,500 บาท แล้วแต่ว่าจะซื้อรุ่นไหน
2. Xiaomi Box หรือ Mi Box
มาต่อกันที่ Android Box ราคาประหยัด และคุ้มค่าการใช้งานมากที่สุดตัวหนึ่งกันบ้าง กับกล่องแอนดรอยด์จากแบรนด์ Xiaomi ที่มีรุ่นนิยมอย่าง Mi Box S (4K) ที่มาพร้อมปฏิบัติการณ์ Android 8.1 Oreo และยังมีการอัพเดทออกมาเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน รองรับความละเอียดภาพได้สูงสุด 4K และระบบเสียง Dolby Audio ให้ภาพและเสียงคมชัดสมจริง มาพร้อมกับ RAM 2GB และ ROM 8GB เชื่อมต่อได้ง่ายและสะดวกด้วยสาย HDMI แถมยังมี Google Assistant ในตัว ช่วยให้เราได้ใช้งานกันอย่างสะดวกมากขึ้น สามารถเชื่อมต่อกับมือถือด้วย Chromecast ได้สบายๆ จะโหลดแอพหรือใช้งานผ่านรีโมท ก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาคอนเทนต์ต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งตัวนี้ถือว่าเป็นรุ่นยอดนิยมของคนใช้งานเลยก็ว่าได้ เพราะมีราคาที่ไม่แพงมาก แต่ได้คุณสมบัติที่ครบใช้ได้เลย ราคาเริ่มต้นในร้านค้าออนไลน์ Shopee, Lazada จะมีราคาประมาณ 1,100-2,500 บาทเท่านั้น
3. GMM Z
Android Box ยี่ห้อต่อมานี้ ก็ค่อนข้างได้รับความนิยมและมีขายอยู่เยอะมากทั้งร้านค้าออนไลน์ และร้านค้า IT ชั้นนำ ด้วยราคากลางๆ และทำออกมาให้ใช้งานอยู่หลากหลายรุ่น ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีทั้งรุ่น Stream 2-4 แต่รุ่นที่น่าใช้งานที่สุดก็คงเป็นรุ่นที่ 3-4 ที่มีการอัพเดทและพัฒนาออกมาได้ดีกว่าทั้งสเปคที่มี RAM 2GB และ ROM 16GB จึงทำให้การทำงานของตัวนี้ทำได้เร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าดูหนัง หรือว่าการโหลดแอพต่างๆ มาใช้งานบนเครื่องนี้พร้อมกับ Smart TV ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้ง Wi-Fi และสาย LAN ได้ตามปกติ แถมในรุ่นที่ 4 ยังมีช่อง USB ,ให้ถึง 2 ช่องเพื่อต่อเข้ากับเมาส์ คีย์บอร์ดได้ ส่วนพอร์ตจะมีทั้ง AV, HDMI, Optical และ TF Card มาให้ใช้งานเลย สุดท้ายคือราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น มีราคาตั้งแต่ 600 บาท (รุ่นที่ 2) ถึง 2,000 บาทในรุ่น 4K
4. MXQ
กล่องแอนดรอยด์หรือ Android Box ในราคาที่ประหยัดที่สุดแล้วก็ว่าได้ ซึ่งตัวนี้แนะนำว่าให้ซื้อรุ่น MXQ Pro-4K ที่สามารถเล่นความละเอียดได้สูงสุดถึง 4K มีความจุให้เลือกหลายแบบ ทั้งความจุ RAM 1GB – 4GB และ ROM 8GB – 64GB โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไปอีก ตามแต่ละขนาดความจุที่ได้มา แต่ถ้ามุมมองเรื่องการใช้งานให้เป็น Smart TV ที่สามารถเชื่อมต่อมือถือ และเข้าถึงแอพต่างๆ ได้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งตัวนี้สามารถโหลดแอพบน Google Play ได้ตามปกติ แต่ก็จะมีแอพบางตัวที่มีมาให้เลยเช่นกัน แถมยังมีช่องต่อ USB มาให้หลายช่อง พร้อมกับการเชื่อมต่อได้ทั้งสาย LAN และ Wi-Fi ส่วนการเชื่อมต่อกับ TV นั้นจะมีทั้งช่อง HDMI, AV, SPDIF และช่องเพิ่ม SD Card มาให้ด้วย ถึงจะเป็นตัวเล็กแต่ก็ใช้งานได้พอๆ กับตัวใหญ่เลย ราคาจากร้านค้าออนไลน์ Shopee, Lazada จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 400-900 บาทเท่านั้น คุ้มค่ามากๆ
5. True ID TV
มาที่กล่องแอนดรอยด์หรือ Android Box อันต่อมาที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน เพราะว่าเป็นตัวที่ทำออกให้ใช้งานสำหรับคนที่ใช้ TrueMove H อยู่แล้ว และมีวางขายปกติด้วย ซึ่งกล่อง True ID TV ต่างก็ใช้เป็นชิปของตัว Amlogic ที่ชิปตัวนี้จะมีอีกหลายรุ่นมากๆ ซึ่งความเร็วแรงของสเปคต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นรุ่นอะไร เพราะบางตัวรองรับความละเอียดได้ถึง 8K กันเลยทีเดียว ส่วนใครที่ใช้งาน TrueMove H อยู่แล้วจะใช้กล่อง True ID TV ก็มีคุณสมบัติที่ดี และใช้งานได้อย่างหลากหลาย โหลดแอพจาก Google Play Store และเชื่อมต่อได้ทั้งสาย LAN และ Wi-Fi รวมไปถึงการเชื่อมต่อเข้ากับ TV และการ Chromecast ได้เหมือนกับกล่องแอนดรอยด์ทั่วไปเลย ใครที่ใช้งาน Truemove H อยู่ก็น่าจะได้ใช้กล่งอนี้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้ จะซื้อมาใช้งานก็ได้เหมือนกันนะ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,500 บาท ส่วนใครอยากได้รุ่นอื่นๆ ของชิป Amlogic มองหาอยู่แนะนำว่าให้พิมพ์ชื่อ Amlogic เข้าไปที่เว็บร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada ได้เลย ก็จะมีกล่องรุ่นต่างๆ ขึ้นมาให้เลือกมากมาย มีราคาตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักพันแล้วแต่รุ่นและสเปคของแต่ละกล่องเลย
6. NVIDIA
ปิดท้ายกันที่กล่องแอนดรอยด์หรือ Android Box ตัวโหดจากค่าย NVIDIA ที่มีรุ่น NVIDIA Shield TV Pro ออกมาให้เหล่าคนที่ต้องการทั้งการเชื่อมต่อ TV เพื่อใช้แอพต่างๆ รวมไปถึงสายเกมเมอร์ ที่ต้องการเชื่อมต่อเข้ากับ TV และสามารถเล่นเกมได้อย่างพลิ้วไหว ด้วยความจุของ RAM ถึง 16GB และ ROM 500GB พร้อม Android 9.0 จึงทำให้การโหลดแอพอะไรก็ตาม ทั้งแอพดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็สามารถทำได้อย่างไหลลื่น ไม่มีสะดุดแน่นอน จะ Chromecast หรือใช้งาน Google Assistant ก็ทำได้ง่ายๆ ส่วนความละเอียดและความคมชัดของภาพ ก็ปรับได้ตั้งแต่ HD ไปจนถึง 4K เลย พร้อมทั้งระบบเสียงและภาพระดับ Dolby Vision HDR และ Dolby Atmos สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสาย หรือจะเชื่อมต่อแบบไร้สายก็ทำได้อย่างรวดเร็ว พร้อมช่อง Gigabit Ethernet, HDMI, HDCP, CEC และ USB อีก 2 พอร์ตเพื่อการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ที่สำคัญคือการดีไซน์ของตัวกล่องแอนดรอยด์ของ NVIDIA ทำออกมาได้สวยล้ำสมัยมาก แต่ด้วยความเทพระดับนี้จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูงประมาณ 10,000-25,000 บาทเลยทีเดียว
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นกล่องแอนดรอยด์หรือ Android Box ทั้งหมด 6 ยี่ห้อที่เราได้นำมาแนะนำกันในวันนี้ ความจริงแล้วก็ยังมีกล่องแอดรอยด์อีกหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นมากกว่านี้อีก แต่โดยหลักๆ ที่น่าสนใจและเป็นตัวที่ได้รับความนิยม ก็จะมีประมาณนี้ที่เราได้บอกไป ซึ่งรายละเอียดการใช้งานของแต่ละรุ่น ก็ต้องดูการใช้งานของตัวเองเป็นหลักด้วย รวมไปถึงสเปคของกล่องแต่ละแบบ ที่จะมีความแตกต่างกันไป หลักๆ แล้วก็จะเป็นความจุ RAM, ROM และเวอร์ชันของ Android ที่มีอยู่ในเครื่อง เพราะว่าเวอร์ชันของ Android ในกล่องแบบนี้มักจะมีการอัพเดทที่ช้ากว่า Android TV ใครที่สนใจจะซื้อกล่องแอนดรอยด์มาใช้งาน ก็ควรที่จะต้องอ่านรายละเอียดให้ดีก่อนทุกครั้ง ถ้าไม่ได้ต้องการการใช้งานที่สูงมากนักก็เลือกเป็นรุ่นธรรมดาก็พอ แต่ถ้าอยากได้เทพๆ ก็ต้องแลกมากับราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ