แอพพลิเคชั่นใน iPhone ถือได้ว่ามีมากมาย หลากหลายให้เลือกโหลดมาลงเครื่องกัน ซึ่งก็มีทั้งแบบฟรีไม่เสียเงิน และแบบที่ต้องเสียเงินซื้อผ่าน App Store โดยอย่างที่ทราบกันคือ แอพพลิเคชั่นที่ต้องซื้อเสียเงินมักมีคุณสมบัติ ประสิทธิภาพที่สูงกว่า
แต่ในวันนี้ทาง SpecPhone.com ขอนำเสนอแอพพลิเคชั่นดีๆ และโหลดได้ฟรีๆ ที่มีคุณสมบัติความสามารถที่ไว้โทรฟรีหากันผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตออนไลน์อย่าง Viber (www.viber.com) ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ในหมู่ของคนใช้ iPhone ตั้งแต่ iPhone รุ่นแรก จนไปถึง iPhone 4 ทีเดียว ที่เราสามารถติดตั้งกันได้ง่ายๆ จากการดาวน์โหลดผ่าน App Store ได้ทันที พร้อมทั้งยังรองรับทั้ง iOS 3 และ iOS 4 อีกด้วย ซึ่งมีข้อจำกัดอยู่นิดหน่อยว่าผู้ใช้งานจะต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่นนี้ทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อเราได้ทำการดาวน์โหลดติดตั้งแอพพลิเคชั่น Viber เรียบร้อยแล้ว และเปิดขึ้นมาก็จะพบกับการที่แอพพลิเคชั่นจะให้กรอกเบอร์โทรศัพท์ของเราลงไป ซึ่งจำเป็นต้องใส่เบอร์โทรศัพท์ที่เราใช้งานใน iPhone ของเราจริงๆ เพราะว่าตัวแอพพลิเคชั่นจะทำการส่งรหัส (Code)?ให้เราทำการยืนยัน (Activate) เพื่อลงทะเบียนใช้งานจริงๆ โดยเมื่อเราได้ทำการใส่รหัสผ่านเรียบร้อย ก็จะสามารถใช้งาน Viper ได้ทันที
ให้เราทำการเปิดแอพพลิเคชั่น Viber ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าหน้าตาของตัวแอพพลิเคชั่นจะคล้ายกับการใช้งานโทรศัพท์พื้นฐานใน iPhone มากๆ โดยจะประกอบไปด้วยแถบด้านล่างเมนูอย่าง Favorite / Recents / Contacts / Keypad และ More สำหรับถ้าหากว่าเราอยากรู้ว่าใครมีแอพพลิเคชั่น Viper แบบเราบ้าง ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่แถบของ Contacts ได้ทันที ซึ่งรายชื่อไหนใน Contacts ของเรามีสัญลักษณ์ Viper ที่เป็นอักษรสีม่วงอยู่ นั่นก็หมายความว่าคนๆ นั้น มีแอพพลิเคชั่น Viper เหมือนกัน รวมไปถึงเราสามารถที่จะโทรหาคนๆ นั้น ฟรีอีกด้วย
และเมื่อเราต้องการจะโทรออก เราก็กดเลือกไปในรายชื่อที่มี Viber ก็จะมีเบอร์โทรศัพท์ 2 ส่วนปรากฏขึ้น ซึ่งบรรทัดแรกจะเป็นการใช้แอพพลิเคชั่นโทรฟรี Viber ในการพูดคุย ส่วนอีกบรรทัดจะเป็นการโทรออกผ่านเครือข่ายปกติที่ต้องมีค่าใช้จ่าย
สำคัญว่าตอนจะโทรออกผ่าน Viber อย่าลืมตรวจสอบสัญญาณอินเตอร์เน็ตเสียก่อน เพราะถ้าหากยังไม่ได้เชื่อมต่อจะไม่สามารถใช้งานได้ และจะมีข้อความขึ้นเตือน ว่าให้ทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทันที
ถัดมาจากเป็นในส่วนของหน้าตาเมนูที่คล้ายๆ กับการใช้งานโทรศัพท์พื้นฐานทั่วไปของ iPhone แต่ก็ยังมีส่วนต่างที่เราสามารถเพิ่มเติมที่จะเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายโทรศัพท์ แทนที่การใช้แอพพลิเคชั่น Viber ได้ อีกทั้งเมื่อเราใช้งานเรียบร้อยแล้วก็สามารถเลือกวางสายหรือจะโทรศัพท์คุยกันได้หลายคนได้
จากการใช้งานจริง และทดสอบหลายๆ ครั้ง ถ้าเราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตออนไลน์ผ่าน WiFi หรือ 3G ผลที่ได้ออกมาสัญญาณ ความคมชัดของเสียงจะใกล้เคียงกับการใช้งานโทรศัพท์ปกติ ส่วนกรณีที่เราเชื่อมต่อด้วย Edge จะมีอาการ Delay เล็กน้อยของเสียงสนทนากับปลายทาง เพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้าจะใช้งาน Viber เมื่อไหร่ ก็ให้เลือกเชื่อมต่อ WiFi หรือ 3G ไว้ก่อนก็แล้วกันครับ
อีกอย่างก็คือเมื่อเราโทรออกโดยใช้ Viber และสัญญาณติดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราควรจะรอเสียงรอสายประมาณ 2 ครั้ง เพราะว่าทางปลายสายถึงจะได้รับสัญญาณว่ามีการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่น Viber มาจากต้นทาง ข้อควรระวังก็คือไม่ต้องรีบวางสายไปเสียก่อนล่ะครับ
สุดท้ายสำหรับสาวก Android คงต้องรอกันไปก่อนกับแอพพลิเคชั่นดีๆ ฟรีๆ อย่าง?Viber ที่พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ให้ชาวหุ่นกระป๋องเขียวได้ลองใช้งานกันบ้าง 🙂