หลังจากเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา Apple ได้เปิดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในประเทศกลุ่มแรกไปแล้ว เช่นในสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ฮ่องกง เป็นต้น ทางทีมงานเราก็ไปเก็บภาพบรรยากาศและพรีวิวเครื่องไปแล้วหนึ่งรอบ
ก็พอดีกับที่ในปีนี้ ทาง Apple Store ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ให้กับบุคคลทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวที่อยู่ในญี่ปุ่นช่วงนี้ได้ด้วย ทางเราจึงได้จัดการเข้าไปสั่งจองในเว็บไซต์ของ Apple ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเปิดให้สั่งจองได้ครั้งละ 1 เครื่อง เครื่องที่ได้ก็เป็นเครื่อง unlocked สามารถนำไปใช้ที่ไทยได้ด้วย ก็เลยจัดมาก่อน 1 เครื่องครับ โดยหลังจากกดจองเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับอีเมลยืนยันตามภาพด้านล่าง
ในอีเมลก็จะเป็นการแจ้งว่าเราได้สั่งจอง iPhone รุ่นไหน ความจุเท่าไร เป็นแบบ unlocked+sim free (ไม่ล็อคว่าต้องใช้ในญี่ปุ่นเท่านั้น) นัดจะไปรับเครื่องที่ร้าน Apple Store สาขาไหน ช่วงเวลากี่โมง ซึ่งตรงนี้เราจะเป็นผู้เลือกเองได้เลยครับ ส่วนตัวผมเลยเลือกไปรับของที่สาขาชิบูย่าที่ไปมาเมื่อวันก่อน ในช่วงเวลา 4 โมง – 5 โมงเย็น ซึ่งเราก็ต้องไปที่ร้านภายในช่วงเวลาที่เราแจ้งไว้ ถ้าเลย อาจจะถูกตัดสิทธิ์การจองไปได้เลย สำหรับใครที่จองในหน้าเว็บได้ และมีอีเมลตอบกลับมาตามในภาพด้านบน ก็สบายใจได้เลยครับ ว่าท่านได้เครื่องที่จองแน่นอน เพราะ Apple Store จะเก็บเครื่องไว้ให้ ขอแค่ไปให้ทันเวลา และมีเงินจ่ายเท่านั้นเอง
สำหรับการซื้อเครื่อง iPhone 6 Plus กับ Apple Store รอบนี้ก็ง่ายมากเลย เพียงแค่เข้าไปในร้าน แล้วยื่นมือถือให้พนักงาน Apple ดูอีเมลยืนยันการสั่งจองในภาพด้านบน จากนั้นพนักงานก็จะเช็คข้อมูลการจองของเราโดยใช้ iPhone แล้วก็เดินเข้าไปหยิบเครื่องมาให้ละครับ หลังจากเครื่องมาให้เราเห็นแล้ว พนักงานก็จะใช้ iPhone เครื่องเดิมสแกนบาร์โค้ดเครื่อง และถ้าเราจ่ายด้วยบัตรเครดิต พนักงานก็จะรูดบัตรที่ iPhone ของตนเองเลย (ที่ iPhone จะมีเคสพิเศษอยู่ มีทั้งส่วนสแกนบาร์โค้ดและที่รูดบัตรเครดิต)
คราวนี้เรามาชมการแกะกล่อง iPhone 6 Plus กันบ้างดีกว่า
สำหรับกล่อง iPhone 6 Plus นับว่าพลิกโฉมไปจากกล่อง iPhone รุ่นที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิง จากที่ปกติจะมีรูป iPhone เปิดหน้าโฮมที่รวมแอพเอาไว้อยู่ด้านบนสุดของฝากล่อง คราวนี้เปลี่ยนไปเหลือเพียงแค่หน้ากล่องสีขาวเรียบๆ มีส่วนนูนขึ้นมาเป็นรูปร่างของ iPhone 6 Plus (รวมถึง iPhone 6 ด้วย) เท่านั้น มินิมอลลิสสุดๆ รับรองว่าปลอมง่ายกว่าเดิมแน่นอน
ดูส่วนที่นูนชัดๆ ครับ มีช่องแหว่งลงไปตรงปุ่มโฮมด้วย
ด้านข้างยังมีสกรีนคำว่า iPhone อยู่ แต่ไม่มีบอกชื่อรุ่นแล้ว ซึ่ง Apple คงมีแฝงแนวคิดอะไรซักอย่างเอาไว้แน่ๆ?ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นการนับหนึ่งเริ่มต้นใหม่ของ iPhone กับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมก็เป็นได้
ด้านหลังกล่องครับ เขียนชัดเลยว่าในกล่องจะมีหูฟัง EarPods, สาย Lightning และอะแดปเตอร์ชาร์จ USB มาให้ แน่นอนว่าเป็นเครื่องศูนย์ญี่ปุ่น ก็ต้องมีตัวอักษรญี่ปุ่นกำกับอยู่ ส่วนถ้าเป็นเครื่องไทย ก็จะเป็นภาษาไทยอย่างที่หลายๆ ท่านน่าจะคุ้นเคยกันดี
สำหรับโมเดลของ iPhone 6 Plus ที่เราได้มาครั้งนี้ก็เป็นโมเดล A1524 รหัสรุ่น MGA82J/A สีดำ Space Fray ความจุ 16 GB ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นและสียอดนิยมในไม่ช้า
เปิดฝากล่องออกมา ก็จะพบกับ iPhone 6 Plus นอนรออยู่ โดยในภาพนี้ เป็นภาพตอนเปิดใช้งานเครื่องไปแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าแกะกล่องมาก็เจอหน้าจอนี่เลย สำหรับสติํกเกอร์ปิดหน้าจอของ iPhone 6 Plus เครื่องใหม่จะใช้เป็นสติ๊กเกอร์ใส มีส่วนเชื่อมเป็นแผ่นเดียวกันทั้งส่วนที่ปิดด้านหน้าจอและด้านหลัง เปลี่ยนจากเดิมที่เคยใช้เป็นสติ๊กเกอร์ที่สกรีนหน้าโฮมของ iPhone เอาปิดหน้าจอไว้มาตลอด
สำหรับการเปิดฝากล่องออก?ต้องระวังให้มากนะครับ?ถ้าเปิดแรง รีบเปิด หรือเปิดแบบไม่ระวัง ตัวแผ่นรองเครื่อง iPhone จะหลุดตามฝาออกมาด้วย ซึ่งก็หมายความว่า iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus จะตกพื้นเต็มๆ เหมือนกับผู้ที่ซื้อ iPhone เป็นคนแรกของโลกได้ทำเครื่องตกพื้นไปแล้วนั่นเอง ดังนั้นแนะนำว่าตอนเปิดฝากล่องออกมา ให้ระวังให้มากเป็นพิเศษหน่อย อันนี้ส่วนตัวผมก็ทำหล่นมาแล้วครับ แต่ยังดีที่ตัวเครื่อง iPhone กำลังใช้งานอยู่ เลยไม่ได้อยู่ในกล่อง ส่วนตัวลิ้นแผ่นรองเครื่องก็หล่นลงมาบนพื้นเลย
สำหรับอุปกรณ์ในกล่องที่ให้มาก็คือหูฟัง EarPods, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟและสาย Lightning หัวอีกด้านเป็น USB ตามปกติ ไม่ได้เป็นแบบที่เสียบได้สองด้านตามข่าวลือก่อนหน้านี้แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ก็หวังว่าสาย Lightning จะไม่ขาดง่ายเหมือนที่หลายๆ ท่านประสบปัญหามาแล้วล่ะนะ
จุดที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องของ iPhone 6 Plus ก็คืออะแดปเตอร์ชาร์จไฟครับ เพราะมันสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 5V 1A เท่ากับอะแดปเตอร์ iPhone รุ่นก่อนหน้า แต่แบตเตอรี่ของ iPhone 6 Plus นั้นให้ความจุมาถึงเกือบ 3000 mAh รับรองว่าชาร์จกันนานแน่ๆ ทางที่ดีก็หาซื้ออะแดปเตอร์ iPad มาชาร์จก็ได้นะ ถ้าต้องการชาร์จแบตเร็วๆ
สำหรับเครื่องญี่ปุ่น หัวปลั๊กก็จะเป็นแบบ 2 ขาแบนเหมือนบ้านเราครับ รองรับไฟแรงดันได้ตั้งแต่ 110 – 240V เลย ใช้งานในบ้านเราได้แน่นอน
ส่วนในซองเอกสารก็จะพบกับคู่มือภาษาญี่ปุ่น สติ๊กเกอร์โลโก้ Apple เอกสารการรับประกัน และก็ยังมีเข็มจิ้มถาดใส่ซิมมาให้เหมือนเดิม ข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ไม่แถมเข็มจิ้มถาดซิมก็ไม่เป็นความจริงนะครับ สบายใจได้
หน้าตา iPhone 6 Plus จ้า ยอมรับเลยว่าจอยังสวย ทำได้ตามมาตรฐานของ iPhone ที่แล้วมาจริงๆ สีสันสวยสด แต่ไม่สดเกินไป อีกทั้งการอัพความละเอียดหน้าจอไปเป็น Full HD บนหน้าจอ 5.5 นิ้ว ทำให้ได้จอที่มีค่าความหนาแน่นของพิกเซลต่อ 1 ตารางนิ้วสูงถึง 401 PPI รับรองว่าภาพสวยเนียน มองไม่เห็นเม็ดพิกเซลแน่ๆ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วในพรีวิว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นะครับ ว่าทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอที่มีขอบโค้ง ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย จับถือได้สะดวก ทั้งยังได้ความสวยงามโค้งมนไปอีกแบบด้วย
สำหรับฝาหลังของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus สีดำ Space Gray จะใช้สีเทาที่โทนอ่อนกว่า iPhone 5s ลงมาอีก แต่สีก็ยังเข้มกว่าสีเครื่อง MacBook ดีไซน์ปัจจุบันอยู่เล็กน้อย ส่วนแถบพลาสติกที่คาดอยู่ตรงหัวบน-ล่างของเครื่องนั้น จะใช้เป็นสีเทาอ่อนจนเกือบขาว ทำให้ดูตัดกับสีตัวเครื่องอยู่มาก โมดูลกล้องก็ยื่นออกมาจากฝาหลัง กะด้วยสายตาก็ประมาณ 1 มิลลิเมตร
ก็เท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ สำหรับบทความแกะกล่อง iPhone 6 Plus ยังไงก็รอชมกันในรีวิว iPhone 6 Plus ฉบับเต็มได้เลย รับรองว่าไม่นานเกินรอ ^^
ปิดท้ายด้วยตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง iPhone 6 Plus หน่อยแล้วกัน