ในวันนี้ ตามกำหนดแล้วก็เป็นวันแรกของการเริ่มเปิดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus อย่างเป็นทางการ ซึ่งในช่วงเช้า ทีมงานเราก็ไปสำรวจบรรยากาศที่ร้าน Apple Store สาขาชิบูย่าในญี่ปุ่นมาเรียบร้อยแล้ว (บทความเก่า) คราวนี้ มาชมพรีวิว iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus เครื่องจริงกันบ้าง แต่รอบนี้เรามาถ่ายจากช็อปของเครือข่าย Softbank แทนนะครับ เพราะเป็นทางผ่านโรงแรมที่พักพอดี
ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่าที่ช็อปของเครือข่ายที่นี่ก็มีขายกันแล้ว เรียกว่าขายพร้อมกันทั่วประเทศเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถหาซื้อ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้ค่อนข้างง่าย ตอนที่เราเข้าไปในร้าน ก็ยังมีลูกค้ากำลังซื้อเครื่องใหม่กันอยู่เลย
ปล. ภาพอาจจะไม่ชัดบ้าง สีสันไม่ค่อยดีบ้าง เพราะเป็นการถ่ายด้วยกล้องมือถือนะครับ ไม่กล้ายกกล้อง DSLR มาถ่ายในร้าน เดี๋ยวโดนหิ้วเอา 555
สเปคคร่าวๆ ของ Phone 6 และ iPhone 6 Plus ครับ ซึ่งก็คงทราบกันอยู่แล้ว หรือถ้าอยากชมสเปคเต็มๆ ก็ดูจากเราได้เลย
พรีวิว iPhone 6
มาเริ่มกันที่รุ่นเล็กอย่าง iPhone 6 จอ 4.7 นิ้วกันก่อน สำหรับสีของเครื่องโชว์จะเป็นรุ่นสีดำนะครับ เห็นตัวเครื่องครั้งแรก เรื่องของหน้าจอก็ยังเป็นจุดที่ทำให้ประทับใจอยู่ จอสวย ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน iPhone เลย
จุดที่ทำให้ iPhone 6 แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าในส่วนของจอนั้น นอกจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้ว ส่วนของขอบจอก็มีลักษณะโค้งมนด้วย คล้ายๆ กับในมือถือ Nokia Lumia หลายๆ รุ่นเลย ซึ่งนอกจากให้ในเรื่องของความสวยงาม ดูเป็นเงางามแล้ว ยังช่วยให้การจับใช้งานดูถนัดและกระชับมือยิ่งขึ้นด้วย เพราะมันจะเข้ารูปกับบริเวณง่ามนิ้วหัวแม่มือเวลาใช้งานจริงพอดี จุดนี้ถือว่าทำได้ดีกว่า iPhone 5s และ iPhone 5 มากๆ
หน้าจอก็ยังมีมุมมองที่กว้างเหมือนเดิม
ข้อมูลในหน้า About ของ iPhone 6 เครื่องญี่ปุ่นจากเครือข่าย Softbank ครับ ใช้งาน 4G LTE ความจุ 16 GB เหลือให้ใช้งานได้จริง 12.2 GB ส่วนพื้นที่ที่เห็น 8.7 GB นั้น ในตัวเครื่องมีการติดตั้งแอพและเกมเพิ่มเข้ามาด้วย ตัวเครื่องมาพร้อมกับ iOS 8 สมบูรณ์มาจากโรงงานแล้ว
หันมาดูด้านหลังกันบ้าง อย่างที่บอกข้างต้นว่าเป็นเครื่องรุ่นสีดำ ฝาหลังนั้นจะเป็นโทนสีเทาๆ ซึ่งมองด้วยตาแล้ว โทนสีจะดูอ่อนกว่า iPhone 5s สีดำนิดหนึ่ง ตรงเส้นที่ตัดตัวเครื่องก็เป็นสีเทาที่จางลงมาอีก เนื้อวัสดุเนียนมือมากๆ คล้ายๆ กับใน iPhone 5s เลย
ส่วนความรู้สึกในการจับเครื่องนั้น ยอมรับเลยว่ามันบางและเบามากๆ รู้สึกเหมือนจะเบากว่า iPhone 5s ด้วยซ้ำไป แต่ทั้งนี้มันยังมีตัวล็อกติดอยู่หลังเครื่องอีก ดังนั้นถ้าได้จับเครื่องเปล่าจริงๆ แล้ว อาจจะเบากว่าที่จับตอนนี้ก็ได้ด้วยนะ
มาถึงส่วนที่มีเสียงบ่นกันทั่วโลกแล้ว นั่นคือส่วนของเลนส์กล้องหลังที่ยื่นออกมา ซึ่งก็ยื่นออกมาจริงๆ ตามภาพครับ แนะนำว่า ถ้าจะใช้จริง ก็คงต้องซื้อเคสมาใส่ล่ะนะ
ด้านล่างตัวเครื่องครับ มีช่องแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ช่องไมค์, พอร์ต Lightning และก็ลำโพง
ด้านซ้ายก็มีสวิทช์เปิด/ปิดเสียงแล้วก็ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงตามปกติ ส่วนด้านขวาก็จะมีปุ่ม Power ที่อยู่เหนือถาดใส่ซิมขึ้นไปหน่อย ตำแหน่งพอเหมาะกับการใช้นิ้วหัวแม่มือกด (เมื่อถือเครื่องด้วยมือขวา)
พรีวิว iPhone 6 Plus
ต่อกันด้วย iPhone 6 Plus จอ 5.5 นิ้วกันบ้าง สังเกตจากภาพด้านบน จะเห็นว่าเต็มมือมากๆ สำหร้บเครื่องโชว์ที่เราพรีวิวครั้งนี้ เป็นเครื่องสีทองนะครับ
ส่วนของขอบจอ หน้าจอ รายละเอียดต่างๆ ต้องบอกว่าเหมือนกับใน iPhone 6 เป๊ะๆ เลย
จอสวยจริงๆ ถ้าจ้องดูใกล้ๆ จะพบว่าหน้าจอมันดูละเอียด ภาพดูเนียนกว่า iPhone 6 เล็กน้อย เพราะค่า PPI (ความหนาแน่นต่อพิกเซล) ของ iPhone 6 Plus มันสูงกว่านั่นเอง
ลองเอียงเครื่องดู อินเตอร์เฟสของ iOS 8 ก็จะพลิกหน้าจอมาเป็นแนวนอนตาม (ชาว Android ใช้กันมานานละเนาะ)
ลองวางนิ้วเพื่อจะลากแถบ notification ดูครับ ปรากฏว่าสุดเอื้อมจริงๆ นะ ต้องขยับมือที่รองตัวเครื่องขึ้นมานิดนึงด้วย ถ้าจับเครื่องไม่ดี มีสิทธิ์ทำเครื่องหลุดมือได้เหมือนกัน
มาดูฝาหลังกันบ้าง สำหรับโทนสีทอง ก็จะยังคล้ายๆ กับใน iPhone 5s อยู่ แต่คราวนี้เป็นทองทั้งเครื่อง มีแค่แถบขาวๆ คาดเป็นบางจุดเท่านั้นเอง และลองดูที่บริเวณนิ้วหัวแม่มือในภาพดูครับ จะเห็นว่าเป็นรอยขีดข่วนไปเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนผมมาเล่นแล้ว นี่ขนาดว่าเอามาตั้งโชว์วันแรกนะ ดังนั้นก็มีแววสูงเหมือนกันว่า iPhone 6 และ iPhone 6 Plus สีผิวฝาหลังจะถลอกและเป็นรอยง่าย (แต่ยังไงก็คงใส่เคสกันอยู่แล้วเนอะ)
ซูมดูกันชัดๆ เส้นตัดสีขาวจะอยู่เรียบไปกับฝาหลัง ไม่มีส่วนนูนขึ้นมานะครับ
เรื่องของปุ่มและพอร์ตเชื่อมต่อของ iPhone 6 Plus จะเหมือนกับ iPhone 6 เลย แต่ขยายสเกลออกไปนิดหน่อยตามขนาดเครื่องที่ใหญ่ขึ้น แต่ในการวางนิ้วเพื่อกด ก็แทบไม่แตกต่างกันเท่าไร
ส่วนภาพชุดนี้ เป็นการเทียบความแตกต่างในการวางนิ้วบน iPhone 6 Plus (บน) และ iPhone 6 (ล่าง) ครับ โดยทดสอบให้วางนิ้วบนแถบ notifications ด้านบนพอดีๆ จากนั้นก็วาดนิ้วลงมา 90 องศาด้วยมือของผม พบว่าสามารถวาดบนจอ iPhone 6 ได้สุดขอบล่างจอพอดี ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าเราสามารถใช้งาน iPhone 6 จอ 4.7 นิ้วด้วยมือเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่พอมาเป็น iPhone 6 Plus นี่เห็นข้อแตกต่างชัดเจนมากๆ เพราะผมไม่สามารถวาดนิ้วลงมาได้สุดขอบจอ ได้แค่บริเวณแถวที่ 5 ของไอคอนเท่านั้น ทำให้การใช้งานด้วยมือเดียวบน iPhone 6 Plus ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากจะต้องขยับมือขึ้นลงตามการใช้งาน ซึ่งก็ทำให้เสี่ยงต่อการทำเครื่องหลุดมืออีก หรือจะแก้ปัญหาอีกวิธีก็คือใช้งานด้วยสองมือไปเลย ให้สมกับขนาดเครื่องที่จัดอยู่ในกลุ่มแฟ็บเล็ตได้สบายๆ หรือจะมองเป็น iPad mini ขนาดย่อส่วนก็ยังได้เลย
เทียบขนาดสองเครื่องดูบ้างครับ iPhone 6 เล็กกว่า iPhone 6 Plus พอสมควรเลย
ระหว่าง iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ซื้อรุ่นไหนดี?
สำหรับข้อนี้ ถ้าใครที่เน้นคำนึงถึงการใช้งานที่สะดวก คล่องตัวเป็นหลัก แนะนำว่าซื้อ iPhone 6 ก็พอแล้วครับ รับรองว่าใช้งานได้สบายๆ แถมหน้าจอ 4.7 นิ้วก็ถือว่าไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไปสำหรับการเป็นโทรศัพท์มือถือแล้ว เรื่องของฟังก์ชัน ฟีเจอร์นั้นก็เทียบเท่า iPhone 6 Plus จะมีต่างกันก็ในบางจุด เช่น OIS แต่ถ้าเราเน้นถ่ายรูปกลางวันมากกว่า จุดนี้ OIS ก็ไม่ค่อยได้ทำงานซักเท่าไรอยู่ดี
แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องขนาดเครื่อง ก็จัด iPhone 6 Plus เลยก็ได้ครับ ฟีเจอร์มาเต็ม สบายใจ ไม่ต้องกลัวขาดตกอะไร (แต่ไม่สบายกระเป๋าตังค์เท่าไหร่นะ)
ก็แค่นี้ก่อนนะครับสำหรับพรีวิว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เดี๋ยวถ้าทางเราได้เครื่องมาเมื่อไหร่ จะจัดการรีวิวแบบจัดเต็มให้ชมอีกทีแล้วกันนะ ^^