หน่วยความจำภายในที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะเราต้องใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชั่น, รูปถ่าย, เพลง, วิดีโอ ซึ่งหน่วยความจำภายในจะมีขนาดความจุและราคาที่แตกต่างกันไป รวมถึงความเร็วในการเขียน/อ่านข้อมูล
ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีหน่วยความจำที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟนจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ eMMC และ UFS
eMMC คืออะไร?
eMMC ย่อมาจาก embedded MultiMedia Card เป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ทโฟนปัจจุบัน โดย eMMC มีการพัฒนาในแต่ละปีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดคือ eMMC 5.1 มีความเร็วในการเขียนอ่าน-เขียน อยู่ที่ประมาณ 250/125MBps แต่ไม่สามารถการอ่าน-เขียนพร้อมกันได้ หากกำลังอ่านข้อมูลอยู่ก็ต้องรอให้อ่านเสร็จถึงเริ่มเขียนข้อมูลได้ ทำให้เกิดความล่าช้าในการใช้งาน
UFS คืออะไร?
UFS ย่อมาจาก Universal Flash Storage เป็นหน่วยความจำที่พัฒนาขึ้นจาก eMMC สามารถอ่าน-เขียนข้อมูลในเวลาเดียวกันได้ และมีความรวดเร็วกว่า eMMC
โดย UFS ใช้มีมาตั้งแต่ปี 2011 เป็น UFS 1.0 และในปี 2013 ก็ได้ปรับปรุงเป็น UFS 2.0 แต่ได้ใช้จริง ๆ ในปี 2015 กับ Samsung Galaxy S6 เป็นรุ่นแรก ต่อมาก็ได้พัฒนามาเป็น UFS 2.1 ลงในสมาร์ทโฟนบางรุ่นในปัจจุบัน สามารถทำความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลได้สูงถึง 700-800MBps
ความแตกต่างระหว่าง UFS และ eMMC ก็คือ UFS สามารถรับส่งข้อมูลได้ 2 ทาง เขียนและอ่านได้ในเวลาเดียวกัน ต่างจาก eMMC ที่ทำได้ทีละอย่างไม่สามารถเขียนและอ่านในเวลาเดียวกันได้ทำให้ตัว UFS ทำงานได้เร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่านั้นเอง
ตารางเปรียบเทียบความเร็วของ eMMC กับ UFS
ผลการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench – UFS 2.1 , UFS 2.0 และ eMMC 5.1
ผลการทดสอบความเร็วของที่เก็บข้อมูลรุ่นต่าง ๆ มีผลดังนี้
- UFS 2.1 มีความเร็วในการอ่าน 749 MB ความเร็วในการเขียน 142 MB
- UFS 2.0 มีความเร็วในการอ่าน 569 MB ความเร็วในการเขียน 137 MB
- eMMC 5.1 มีความเร็วในการอ่าน 282 MB ความเร็วในการเขียน 95 MB
จะเห็นได้ว่าหน่วยความจำแบบ eMMC นั้นช้ากว่า UFS 2.0 เกือบ ๆ 2 เท่า และช้ากว่า UFS 2.1 ประมาณ 2 เท่ากว่า ๆ ซึ่งในการใช้งานจริงจะเห็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยสำหรับหน่วยความจำแบบ eMMC 5.1 ส่วน UFS 2.0 และ UFS 2.1 นั้นถึงจะมีความเร็วที่ต่างกันบ้าง แต่ในการใช้งานจริง ๆ นั้นก็แยกแทบไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็น UFS 2.0 และ UFS 2.1 เพราะถือว่ามีความเร็วในการอ่านเขียนที่สูงมากอยู่แล้ว
ประโยชน์ในการใช้งานของ UFS
ประโยชน์ของ UFS คือการโอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็ว เหมาะกับเอาไปใช้เก็บรูปความละเอียดสูง การบึนทึกวีดีโอความละเอียด 4K หรือเก็บไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ โดยการใช้ UFS นั้นจะทำให้การใช้งานโทรศัพท์โดยรวมเร็วขึ้นมาก ชนิดที่ว่าเห็นความแตกต่างกับ eMMC อย่างเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ UFS ยังกินพลังงานที่ต่ำมากถ้าเอามาเทียบกับ eMMC ทำให้โทรศัพท์ของเราประหยัดพลังงานมากขึ้น
โทรศัพท์รุ่นไหนใช้ UFS บ้าง
UFS ส่วนมากนั้นจะถูกใช้กับโทรศัพท์เรือธงบางรุ่นเท่านั้น เพราะเนื่องจากมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงและผลิตได้ในจำนวนจำกัด โดยโทรศัพท์ที่ใช้ UFS ที่ขายในไทยจะมี HTC U11 , Samsung Galaxy s8/s8+ , Huawei P10/10 Plus, Huawei Mate 9 Pro Series และ Sony Xperia XZ Premium
สรุป จากที่อธิบายมาเทคโนโลยีหน่วยความจำแบบ UFS นั้นจะเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาแทนที่ eMMC ในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะหน่วยความจำแบบ UFS อ่าน/เขียนข้อมูลได้รวดเร็วกว่าแบบ eMMC หลายเท่า สามารถอ่าน-เขียนข้อมูลพร้อมกันได้ทั้งสองทาง และหน่วยความจำแบบ UFS ยังใช้พลังงานน้อยกว่าแบบ eMMC ทำให้ช่วยประหยัดการใช้แบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนไปได้พอสมควร
แต่จากที่อธิบายมาไม่ใช่ว่า eMMC นั้นไม่ดี เพราะว่าโทรศัพท์ส่วนใหญ่นั้นก็ยังใช้หน่วยความจำชนิดนี้เป็นหลักอยู่ เพียงแต่ว่าการมาของ UFS นั้นเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการใช้หน่วยความจำบนโทรศัพท์มือถือนั่นเอง