หนึ่งในไฮไลท์ของงานครั้งนี้คงไม่พ้นกับ Galaxy Note II ที่นำมาขายเป็นครั้งเเรก ซึ่งถือว่านำมาขายเร็วพอๆ กับในต่างประเทศเลยทีเดียว ซึ่งในงานนั้น Galaxy Note II ถือเป็นเครื่องหนึ่งที่ขายดี (มาก) จนของนั้นถึงกับขาดต้องจองกันเลยทีเดียวสำหรับบางบูธ ส่วนคนที่ต่อคิวก็มีเยอะไม่เเพ้กันเพราะทีมงานก็ต้องยืนต่อคิวเพื่อรอเล่นกันนานทีเดียว
Samsung Galaxy Note II นั้นทางด้านสเปคใช้โครงของ Galaxy S III เป็นหลัก เเต่ได้เพิ่มความเร็วของซีพียูไปอีก 200 MHz เพิ่มเเรมเป็น 2 GB (จากเดิม 1 GB) มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้วเเต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่ไปกว่าเดิมมากนัก ถ้าเทียบกับ Galaxy Note ตัวเเรกก็ปากกามีขนาดใหญ่ขึ้นเเละหยิบจับได้ถนัดกว่าเดิม ตำเเหน่งปุ่มต่างๆ ก็เหมือนกับ Galaxy S III เเทบทุกอย่าง เเละเพิ่มช่องเก็บปากกาด้านล่างของเครื่องนั่นเอง
หน้าจอเเบบใกล้ๆ
ถ้าถือด้วยมือเดียวก็คืออย่างที่เห็นในรูป สามารถใช้นิ้วโป้งสั่งงานได้ถึงบริเวณกลางจอเท่านั้น เหมาะกับการใช้งานสองมือเป็นหลักมากกว่า เเต่ก็พอสามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้ด้วยคีย์บอร์ดออกเเบบพิเศษ สามารถเลือกชิดซ้ายเเละชิดขวาได้ อันนี้มีความคิดสร้างสรรค์ดีครับ เพราะปกตินิ้วโป้งเราจะเอื้อมไปไม่ค่อยถึงบริเวณอีกด้านเท่าไร คือยังสามารถใช้พิมพ์เเละโทรออกได้ด้วยมือเดียวอยู่ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เราใช้งานด้วยมือเดียวบ่อยที่สุด ส่วนการทำหน้าที่อื่นๆ อย่างจดโน้ต ก็ต้องใช้งานสองมืออยู่เเล้ว
ส่วนตัว Galaxy Note II นั้นมากับ Android 4.1 Jelly Bean มาจากกล่องเลย เเละมีการเพิ่มฟีเจอร์จาก Galaxy S III หลายส่วนทีเดียว ความเร็วในการใช้งานไม่ต่างกับ Galaxy S III มากนัก ตอบสนองต่อคำสั่งต่างๆ ได้รวดเร็ว หน้า Notification มี Toggle ที่ใช้งานกันบ่อยๆ เเละเพิ่มส่วนการปรับความสว่างมาให้ด้วย มีทั้งหมดนี้ก็เเทบไม่ต้องเข้าหน้า Setting เเล้ว ตรงนี้ Samsung เลือกออพชันออกมาได้ดีมากเพราะเป็นส่วนที่เราใช้บ่อยๆ ทั้งนั้น
การเเสดงผลบนจอ 5.5 นิ้วนั้นทำได้ดี ตัวนี้ผมว่าจอสวยกว่า Galaxy S III นะครับ เเต่อาจจะคิดไปเองก็ได้ไม่ได้เอาเครื่องอื่นมาเทียบ ถ้าดูเดี่ยวๆ ก็ถือว่าโอเคดีครับ สีสดตามสไตล์ Super AMOLED เเต่ไม่ถึงกับจัดมากเกินไปเเบบ Galaxy S II ตัวหนังสืออ่านง่าย สบายตาเพราะหน้าจอใหญ่มาก
?โหมดการห้าม? ภาษาอังกฤษไม่เเน่ใจว่าใช้คำไหน เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Android 4.1 TouchWiz (คิดว่าถ้า Galaxy S III อัพเดทเป็น 4.1 คงได้เหมือนกัน) คือจะทำการปิดไม่ให้มีสายโทรเข้า เเจ้งเตือน ตามเวลาที่เราตั้งไว้ เหมาะไว้สำหรับเวลาเราต้องการทำงานหรืออะไรที่ใช้สมาธิ จะได้ไม่ถูกรบกวนครับ จะว่าไปก็คล้ายๆ Airplane Mode นะเเต่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่โหมดนี้จะปิดการเตือนของพวก LED เเละ Notification ด้วย
พื้นที่ไว้ลงเเอพเเละข้อมูลอื่นๆ 10 กว่ากิ๊ก เเรม 2 GB ใช้ไป 1.2 GB เยอะทีเดียว เเต่ก็เป็นเพราะฟีเจอร์ต่างๆ ในเครื่องเยอะด้วย เหลือประมาณ 500 เม็กกว่าๆ ถือว่าเหลือเยอะมากครับ ทำให้การสลับเเอพลิเคชันทำได้ไวเเละรวดเร็วทีเดียว
ส่วนนี้จำชื่อเเอพไม่ได้อะไร Sketch นี่เเหละ เป็นการเรียกรูปมาใส่ฟิลเตอร์ต่างๆ อย่างที่เห็นเป็นการนำรูปตัวอย่างมาทำให้เหมือนระบายสีน้ำ ทำได้เนียนโอเคเลย โหมดกล้องก็มีฟิลเตอร์มาให้ด้วย
อันนี้เป็น Gallery ใหม่ใน Android 4.1 ของ Samsung ครับ มีระบบการจัดอัลบั้มใหม่ด้วย อันนี้รอดูในวีดีโอจะเห็นภาพกว่า
S-Planner หนึ่งใน S-Suite ไว้จดบันทึกนัดหมายต่างๆ ดูเเผนที่เป็นรายปีได้ด้วย เหมือน Organizer เลยทีเดียว
ส่วน S-Note นี้ฟีเจอร์เยอะมากครับ ลองจับๆ ดูเเล้วทำอะไรได้หลายอย่าง ปากกามีให้เลือกหลายหัว หลายสี เเถมดูดสีได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถเลือกใส่ภาพ วีดีโอ พวกสัญลักษณ์ต่างๆ มาให้ สามารถย่อ ขยาย จัดวางเลเยอร์ทับด้านหน้าหรือนำไปไว้ด้านหลังได้สะดวกครับ
วีดีโอการใช้งานส่วนของ Gallery เเละการใช้งาน S-Note จะเห็นว่า Handwriting ทำงานค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว เเต่ต้องปรับให้ชินหน่อยน่าจะใช้งานได้ดีขึ้น
โดยสรุปเเล้วก็ถือว่า Galaxy Note II นี้มีจุดเด่นที่เหนือกว่า Galaxy S III ค่อนข้างมาก เพราะมันไม่ได้อยู่ในฐานะเครื่องเอาไว้เสพย์คอนเทนท์อย่างเดียว เช่นเล่นอินเตอร์เน็ต Facebook, Social Network หรือเล่นเกมทั่วไป เเต่ยังมีความสามารถในการสร้างคอนเทนท์อยู่ในระดับที่ดีมากเหนือเครื่องอื่นๆ เเทบทุกรุ่นในตอนนี้ที่มีสไตลัสด้วยกัน เนื่องจาก Samsung ได้พัฒนาไลน์ Galaxy Note มาก่อนหน้านี้ถึง 1 ปี Galaxy Note II นั้นดูเเล้วสามารถทำหน้าที่เป็น Organizer ได้ถ้าใช้งานไปซักระยะหนึ่งจนชิน
หน้าจอใหญ่ขนาด 5.5 นิ้วเเต่ก็ไม่ได้ใหญ่เกินจนพกใส่กระเป๋าไม่ได้ เเถมยังมีหน้าจอใหญ่ถึงขนาดที่เอาไว้อ่านอะไรเเบบไม่ต้องซูมได้หลายอย่าง (เช่นไฟล์เอกสาร หรือการ์ตูนก็ได้) เเละเทียบกับ Galaxy S III ที่เเพงกว่าเเค่ 1000 บาท เเต่ได้ความสามารถที่เยอะกว่ามาก (เเรมเยอะขึ้นเป็นสองเท่า ซีพียูเร็วกว่าเดิมนิดหน่อย) ถ้าใครไม่คำนึงกับขนาดที่ใหญ่กว่าปกติเเละรอ Galaxy Note II มาอยู่เเล้วก็หาซื้อกันได้เลยครับ