Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»15 คำสั่งใน Android Developer Options ที่คุณปรับได้โดยไม่ส่งผลต่อแอปธนาคาร
    Android Platform

    15 คำสั่งใน Android Developer Options ที่คุณปรับได้โดยไม่ส่งผลต่อแอปธนาคาร

    EDDYBy EDDY31 พฤษภาคม 2023
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    15 คำสั่งใน Android Developer Options ที่คุณปรับได้โดยไม่ส่งผลต่อแอปธนาคาร
    15 คำสั่งใน Android Developer Options ที่คุณปรับได้โดยไม่ส่งผลต่อแอปธนาคาร
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    Android Developer Options เป็นชุดคำสั่งที่ถูกซ่อนเอาไว้บนระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งจะมีคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับปรับระบบให้ดียิ้งขึ้นได้ ในวันนี้เราจะขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ 15 คำสั่งที่ปรับแล้วไม่มีผลต่อแอปธนาคาร

    15 คำสั่งใน Android Developer Options ที่คุณปรับได้โดยไม่ส่งผลต่อแอปธนาคาร
    15 คำสั่งใน Android Developer Options ที่คุณปรับได้โดยไม่ส่งผลต่อแอปธนาคาร

    Android มีการปรับแต่งมากมายในแอปการตั้งค่าหลักหรือ Settings เช่นเดียวกับแผงตัวเลือกในแอปต่างๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเมนูตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือ Developer options ซ่อนเครื่องมือเพิ่มเติมที่คุณสามารถลองใช้ได้

    โดยปกติแล้วส่วนตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer options) จะถูกตั้งค่าให้ซ่อนเอาไว้เป็นค่าเริ่มต้น แต่ทว่าในการเปิดใช้งานจริงนั้นเป็นเรื่องง่ายซึ่งเมื่อเปิดออกมาแล้วนั้นคุณจะได้พบกับชุดคำสั่งการตั้งค่อพิเศษอีกมากมายที่ถูกซ่อนเอาไว้

    และในวันนี้เราได้รวม 15 คำสั่งเด็ดๆ ที่คุณสามารถปรับได้ใน Android Developer Options โดยที่จะไม่ส่งผลกับการใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบางธนาคาร ที่ต้องบอกว่าบางธนาคารนั้นเนื่องจากมีแอปพลิเคชันของบางธนาคารนั้นเริ่มทำการตรวจสอบแล้วว่าคุณได้ทำการเปิด Android Developer Options เอาไว้หรือไม่เช่น SCB Easy App ดังนั้นหากเจอแอปไหนที่ไม่สามารถใช้งานได้ก็ทำการปิดฟีเจอร์ Android Developer Options ไปก่อนแล้วค่อยทำการเปิดใหม่อีกครั้งหลังจากที่ใช้งานแอปธนาคารนั้นๆ เสร็จแล้วก็ได้


    • วิธีเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer Options) ใน Android
    • Stay Awake
    • OEM Unlocking
    • Running Services
    • USB Debugging
    • Feature Flags
    • Force Peak Refresh Rate
    • Mobile Data Always Active
    • Default USB Configuration
    • Disable Absolute Volume
    • Show Taps and Pointer Location
    • Animation Scales
    • Override Force-Dark
    • Don’t Keep Activities
    • Standby Apps
    • Select Mock Location App

    วิธีเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer Options) ใน Android

    Android ซ่อนเมนูตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer options) ไว้เป็นค่าเริ่มต้น เนื่องจากตัวเลือกนี้ไม่จำเป็นสำหรับการใช้งานตามปกติทั่วไป สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์เปลี่ยนการตั้งค่าซึ่งอาจทำให้เสียประสบการณ์ในการใช้งานและส่งผลกระทบโดยรวมต่อระบบปฏิบัติการทั้งหมดได้ แม้ว่าเราจะอธิบายการตั้งค่าแต่ละรายการใน Developer options ขอให้คุณทำอย่างระมัดระวังเพราะว่าคุณอาจจะเผลอไปเปิดการตั้งค่าอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบได้

    สำหรับวิธีการปลดล็อกตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer options) นั้นให้เปิดการตั้งค่าและเลื่อนลงไปจนสุดที่ส่วนเกี่ยวกับโทรศัพท์ใกล้กับด้านล่าง หลังจากนั้นให้เลือกเข้าไปที่ตัวเลือกนี้แล้วทำการไปต่อตรงที่ใกล้กับด้านล่างของหน้าแสดงผล คุณจะเห็นรายการ Build Number ให้ทำการแตะหลายๆ ครั้งจนกว่าคุณจะเห็นข้อความที่ระบุว่าคุณเป็นนักพัฒนาแล้ว(หากคุณตั้งค่ารหัสตัวเครื่องเอาไว้คุณจะต้องใส่รหัสเดียวกันกับรหัสที่ตั้งไว้ก่อนเพื่อทำการเปิดตัวเลือก Developer options)

    เมื่อดำเนินการแล้วให้กลับไปที่หน้าการตั้งค่าหลักแล้วแตะหมวดหมู่ System แล้วเลื่อนลงไปด้านล่างเกืิอบสุดคุณจะเห็นรายการเมนูตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาหรือ Developer options ปรากฎขึ้นมาใหม่

    หลังจากขั้นตอนนี้(ตัวเลือกในเมนูและชื่อ) อาจแตกต่างกันหากคุณใช้โทรศัพท์จากผู้ผลิตรายอื่นหรือใช้ Android เวอร์ชันอื่น(ระบบปฏิบัติการ Android ที่ใช้ในการเชียนบทความนี้เป็นระบบปฏิบัติการ Android 12) นอกจากนี้ บางครั้งผู้ผลิตบางแบรนด์อาจจะเปลี่ยนการตั้งค่าในเมนูตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา(Developer options) ดังนั้นสิ่งที่อยู่ในบทความนี้อาจจะหายไปก็ได้ในอนาคต

    เมื่อคุณได้เปิดเมนูโหมดนักพัฒนา(Developer options) แล้วคุณจะเห็นตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาหลายตัวเลือกเพราะมันมีเอาไว้สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ จงจำเอาไว้เสมอว่าไม่ใช่ทุกตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ทั่วไป ดังนั้นสำหรับตัวเลือกที่จะสามารถลองเปิดใช้งานดูได้นั้น คุณควรจะทำการเปิดตัวเลือกที่มีแนะนำเฉพาะในบทความนี้เท่านั้น


    Stay Awake

    เมื่อเปิดใช้งานตัวเลือกนี้ หน้าจอโทรศัพท์ของคุณจะยังสว่างอยู่เสมอเมื่อเสียบเข้ากับที่ชาร์จ สำหรับนักพัฒนาสิ่งนี้มีประโยชน์ในการจับตาดูแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาเป็นระยะเวลานาน แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เช่นกัน

    หากคุณต้องการเปิด Twitter หรือแอปพลิเคชันที่คล้ายกันไว้เพื่อรับการอัปเดตโดยไม่ต้องแตะหน้าจอเป็นประจำเพื่อเปิดหน้าจอให้ใช้งานอยู่เสมอ การตั้งค่านี้สามารถช่วยได้ อย่างไรก็ดีโปรดทราบเอาไว้ว่าหากคุณมีหน้าจอ AMOLED คุณควรระมัดระวังเกี่ยวกับการเปิดหน้าจอทิ้งไว้นานเกินไปเพราะมันอาจจะทำให้เกิดอาการหน้าจอเบิร์นอิน(หน้าจอมีอาการภาพซ้อน) ขึ้นมาได้


    OEM Unlocking

    อย่างที่คุณทราบอุปกรณ์ Android ส่วนใหญ่ให้อิสระแก่คุณในการติดตั้ง ROM แบบกำหนดเองตามที่คุณต้องการได้ ซึ่ง ROM ใหม่นั้นจะเข้ามาแทนที่ระบบปฏิบัติการเริ่มต้นของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนด้วยระบบปฏิบัติการใหม่ ในการทำเช่นนี้คุณต้องปลดล็อกโปรแกรมโหลดบูต(OEM Unlocking)ของคุณก่อน หากไม่ทำเช่นนั้นกระบวนการแฟลชซึ่งจะเขียนทับระบบปฏิบัติการปัจจุบันจะไม่สามารถที่จะทำงานได้

    โปรดทราบว่าการเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ไม่ได้เป็นการปลดล็อก bootloader อย่างแท้จริง มันเป็นเพียงการทำให้โทรศัพท์สามารถทำการปลดล๊อค bootloader ได้ในภายหลังโดยใช้คำสั่งผ่านทาง fastboot ดังนั้นคุณไม่ควรเปิดใช้งานสิ่งนี้เว้นแต่ว่าคุณวางแผนที่จะติดตั้ง ROM แบบกำหนดเองบนอุปกรณ์ของคุณ ให้พึงระวังไว้เสมอว่าการเปิดคำสั่งนี้เอาไว้จะทำให้โทรศัพท์ของคุณมีความเสี่ยงมากขึ้นให้การโดนติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่รวมถึงการปลดล๊อค bootloader จากผู้ไม่ประสงค์ดี


    Running Services

    ใน Windows คุณสามารถใช้ Windows Task Manager เพื่อตรวจสอบกระบวนการของงานในปัจจุบันที่กำลังทำงานอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังได้ Android ไม่มีแอปพลิเคชันใดๆ ที่เทียบเท่ากับแอปพลิเคชันอย่าง Windows Task Manager นี้ ทว่าหากคุณทำการเปิดตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์เอาไว้นั้นจะมีชุดคำสั่งหนึ่งนั่นก็คือ Running Services ที่ช่วยให้คุณสามารถดูกระบวนการงานที่กำลังทำงานอยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง รวมไปถึงจำนวน RAM หรือหน่วยความจำที่กำลังแอปพลิเคชันนั้นกำลังใช้งานอยู่ ให้คุณทำการแตะทีหนึ่งบนแอปพลิเคชันที่ต้องการเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของกระบวนการและบริการปัจจุบันของแต่ละแอปพลิเคชันนั้นๆ ที่ถูกเปิดทำงานเอาไว้

    แม้ว่านี่จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่คุณก็ไม่ควรกังวลเกี่ยวกับการจัดการสิ่งที่คุณเห็นที่นี่ Android ทำงานได้ดีในการจัดการ RAM หรือหน่วยความจำได้ด้วยตัวระบบปฏิบัติการเองอยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงอะไรกับกระบวนการทำงานที่ถูกเปิดใช้งานที่ปรากฎอยู่ในคำสั่งนี้ก็ได้ เราขอแนะนำให้คุณใช้ข้อมูลในตัวเลิือกนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการดูข้อมูลของการใช้งานปรัพยากรของตัวเครื่องโทรศัพท์ของคุณเท่านั้น หากดูเหมือนว่าแอปพลิเคชันต่างๆ ใช้ RAM หรือหน่วยความจำมากเกินไปอย่างสม่ำเสมอ ให้ดูวิธีจัดการหน่วยความจำบนโทรศัพท์ Android อีกครั้งเพื่อทำการจัดการอย่างเช่นการปิดแอปพลิเคชันนั้นอย่างสมบูรณ์หรือการใช้คำสั่ง Force Close ที่ App Info


    USB Debugging

    รายการเคล็ดลับตัวเลือกสำหรับนักพัฒนา Android จะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้กล่าวถึงชุดคำสั่ง USB Debugging ซึ่งมันจำเป็นสำหรับนักพัฒนาและในขณะเดียวกันก็มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปด้วยเช่นเดียวกัน USB debugging ช่วยให้อุปกรณ์ Android ของคุณเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้คำสั่งบางอย่าง เมื่อจับคู่กับ Android SDK(หรืออาจจะรู้จักกันในนามของ ADB) บนคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณสามารถออกคำสั่งไปยังโทรศัพท์ของคุณเพื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน, รวบรวมข้อมูลการบันทึกหรือแม้แต่รูทอุปกรณ์ ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้ควรจะกระทำด้วยความระมัดระวัง

    USB Debugging เป็นฟังก์ชั่นที่ทรงพลัง แต่เพื่อความปลอดภัยคุณควรเปิดใช้งานตัวเลือก USB Debugging นี้เมื่อคุณต้องการเท่านั้น หลังจากที่ใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ปิด USB Debugging เอาไว้ทุกครั้งเพื่อไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้งานฟีเจอร์ USB Debugging ในการจู่โจมหรือขโมยข้อมูลจากโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ Android ของคุณได้

    Android ต้องการให้คุณอนุมัติการเชื่อมต่อ USB Debugging ทั้งหมดกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ด้วยตนเองเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามคนที่ขโมยโทรศัพท์ของคุณโดยเปิด USB Debugging ไว้อาจยังยุ่งกับมันได้ด้วยการอนุมัติการเชื่อมต่อกับเครื่องของพวกเขาเอง คุณสามารถแตะตัวเลือกเพิกถอนการอนุญาต USB Debugging ที่ด้านล่างแถบเลื่อนเพื่อรีเซ็ตคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่คุณเคยให้เชื่อถือในอดีต


    Feature Flags

    คุณอาจรู้จักคำว่า “flags” จากแอปพลิเคชันอื่นๆ ของ Google เช่น Google Chrome คุณลักษณะเหล่านี้แสดงถึงคุณลักษณะในการทำการทดลองที่ Google อาจเพิ่มลงในรุ่นเสถียรในอนาคตหรืออาจจะถูกยกเลิกทิ้งไปทั้งหมด เมนู Feature Flags เป็นที่ที่คุณสามารถค้นหาคุณลักษณะเหล่านี้สำหรับระบบปฏิบัติการ Android

    ในขณะที่เขียนบทความนี้โดยใช้สมาร์ทโฟน Pixel 4 ที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 เราพบว่าไม่มีชุดคำสั่งใดๆ เลยในฟีเจอร์ flags แต่สำหรับคุณแล้วนั้นอาจเห็นตัวเลือกเพิ่มเติมที่นี่ในช่วงเวลาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ Android เวอร์ชันเบต้า(ซึ่งเป็นไปได้ยากหากคุณไม่ใช่นักพัฒนาที่ได้รับการรับรองจากทางผู้ผลิตสมมาร์ทโฟนแบรนด์ต่างๆ โดยตรง) หากคุณอยากลองเล่นอะไรใหม่ๆ ดูแล้วล่ะก็ให้คุณลองเข้ามาดูชุดคำสั่งที่อยู่ในนี้ซึ่งอาจจะโผล่ขึ้นมาเป็นระยะๆ แล้วดูว่ามีอะไรที่คุณอยากลองเปิดเพื่อใช้งานดูไหม


    Force Peak Refresh Rate

    อุปกรณ์ Android รุ่นใหม่บางรุ่น รวมถึงสมาร์ทโฟนสาย Pixel 6 ขึ้นไปจะมีหน้าจอที่สามารถแสดงผลด้วยอัตรารีเฟรชที่สูงขึ้นกว่าในอดีต(ซึ่งส่วนใหญ่ใช้อัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz เป็นมาตรฐาน) ทว่าในช่วงหลังๆ เป็นต้นมาพาเนลหน้าจอของสมาร์ทโฟน Android ได้รับการปรับปรุงให้มาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสูงขึ้นตามระดับของสมาร์ทโฟน(ยิ่งแพงยิ่งมาพร้อมกับอัตรารีีเฟรชเรทที่มากขึ้นไปด้วย)

    หากโทรศัพท์ของคุณเปลี่ยนอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิกตามเกณฑ์ที่กำหนด(หรือสามารถที่จะทำการปรับรีเฟรชเรทได้เองตามสื่อที่กำลังแสดงผลบนหน้าจอ) เช่นเดียวกับอุปกรณ์ระดับบนในสมัยใหม่เช่น Samsung Galaxy S22 ซีรีย์เป็นต้น คุณสามารถบังคับให้โทรศัพท์ของคุณใช้อัตราการรีเฟรชสูงสุดเสมอได้ด้วยตัวเลือกดังกล่าวนี้ แต่ก็ขอให้พึงระลึกเอาไว้ว่าการดำเนินการเช่นนี้นั้นจะเพิ่มการใช้งานแบตเตอรี่ซึ่งทำให้ระยะเวลาในการใช้งานของโทรศัพท์ของคุณลดลงไปจากเดิมได้

    หากคุณอยากรู้ว่าโทรศัพท์ของคุณใช้อัตรารีเฟรชเท่าใด ให้คุณเปิดใช้งาน แสดงอัตราการรีเฟรช(Show refresh rate) เพื่อแสดงบนอัตรารีเฟรชเรทบนหน้าจออยู่ตลอดเวลาเพื่อทำการเปรียบเทียบดู


    Mobile Data Always Active

    เมื่อเปิดตัวเลือกนี้แม้ว่าโทรศัพท์ของคุณจะเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ก็จะทำให้การเชื่อมต่อข้อมูลของมือถือผ่านไปยังเครือข่ายยังคงเปิดใช้งานอยู่ไปด้วย การเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้นั้นจะเป็นการทำให้การสลับเครือข่ายสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งมันจะสะดวกมากหากคุณสลับไปมาระหว่างสองเครือข่ายคือข้อมูลผ่านเครือข่ายผู้ให้บยริการและ Wi-Fi อยู่บ่อยๆ คุณควรใช้คำสั่งนี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของคุณ การเปิดข้อมูลมือถือในพื้นหลังจะทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่นานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีการรับสัญญาณเครือข่ายไม่ดีคุณอาจต้องทำการปิดตัวเลือกนี้เอาไว้

    อย่างไรก็ตามหากคุณใช้ฟีเจอร์การโทรผ่าน Wi-Fi (Wi-Fi Calling) คุณควรปล่อยให้คำสั่งดังกล่าวนี้เปิดใช้งานเอาไว้ หากไม่มีความสามารถในการโทรศัพท์จะลดลงหากคุณเปลี่ยนประเภทเครือข่ายสลับไปมาระหว่างสัญญาณจากผู้ให้บริการเครือข่ายและ Wi-Fi นอกจากนี้หากคุณยังคงใช้งาน MMS เพื่อส่งข้อความรูปภาพบ่อยๆ อยู่ล่ะก็คุณไม่ควรปิดตัวเลือกนี้เนื่องจาก MMS ใช้งานไม่ได้บน Wi-Fi ในผู้ให้บริการเครือข่ายบางราย หากจะให้ดีที่สุดคือให้เปิดคำสั่งนี้ทิ้งเอาไว้และปิดเฉพาะเมื่อคุณต้องการอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น


    Default USB Configuration

    Android มีหลายโหมดที่คุณสามารถใช้เมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB โดยค่าเริ่มต้นจะเป็้นการชาร์จเฉพาะอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น หากคุณต้องการเลือกโหมดการถ่ายโอนข้อมูลในแต่ละครั้งที่เชื่อมต่อโทรศัพท์ของคุณกับคอมพิวเตอร์ คุณจะต้องทำการปรับคำสั่งนี้เองเพื่อที่จะเป็นการเปิดใช้งานความสามารถในการโอนถ่ายข้อมูลซึ่งจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหากคุณเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อโอนถ่ายข้อมูลบ่อยๆ

    ในตัวเลือกนี้คุณสามารถที่จะทำการเลือกโหมดเริ่มต้นในการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ซึ่งจะประกอบไปด้วย PTP, การปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านทาง USB ไปยังคอมพิวเตอร์และอื่นๆ อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยสูงสุดคุณควรปล่อยคำสั่งนี้เอาไว้เป็นคำสั่งตั้งต้นที่เครื่องตั้งมา


    Disable Absolute Volume

    ตามค่าเริ่มต้นระดับเสียงบลูทูธแบบสัมบูรณ์หรือ Absolute Volume จะเปิดใช้งานบน Android เป็นค่าตั้งต้นซึ่งหมายความว่าปุ่มปรับระดับเสียงบนโทรศัพท์และอุปกรณ์บลูทูธจะควบคุมด้วยระดับเสียงเดียวกัน โดยทั่วไปวิธีนี้สะดวกแต่อาจทำให้เกิดปัญหากับอุปกรณ์ Bluetooth บางอย่างได้

    การปิดระดับเสียงสัมบูรณ์(Absolute Volume) หมายความว่าระดับเสียงโทรศัพท์ของคุณและอุปกรณ์ Bluetooth จะใช้ระดับเสียงสองระดับแยกกัน ให้คุณลองทำการเปิดคำสั่งนี้ดูหากระดับเสียงของอุปกรณ์ Bluetooth ของคุณใช้งานกับโทรศัพท์ได้ไม่ถูกต้องหรือหากเสียงดังมากหรือเงียบเกินไป เมื่อปิดใช้งานระดับเสียงสัมบูรณ์(Absolute Volume) คุณสามารถตั้งค่าระดับเสียงของอุปกรณ์ Bluetooth ให้อยู่ในระดับที่คุณต้องการได้ โดยใช้ปุ่มปรับระดับเสียงของโทรศัพท์เพื่อปรับแต่งอย่างละเอียด(เวลาเปิดคำสั่งนี้เอาไว้เมื่อคุณกดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงจะมีแถบเสียงระหว่างลำโพงของตัวเครื่องและ Bluetooth แยกกันออกมาให้คุณปรับเองได้ต่างหาก)

    อย่างไรก็ตามในการเปิดใช้งานคำสั่งนี้ คุณอาจต้องยกเลิกการเชื่อมต่อและเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth ที่มีปัญหานั้นๆ ใหม่หรือในบางครั้งคุณอาจจะต้องทำการรีบูตโทรศัพท์เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงระดับเสียงมีผล


    Show Taps and Pointer Location

    ตัวเลือกคู่นี้ช่วยให้คุณเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสัมผัสบนโทรศัพท์ของคุณ เมื่อเปิดใช้ Show Taps วงกลมเล็กๆ จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอทุกที่ที่นิ้วของคุณสัมผัส สิ่งนี้มีประโยชน์ในสองสถานการณ์ ประการแรกคือการช่วยสำหรับการเข้าถึงของผู้ที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวนิ้วมือที่แม่นยำซึ่งอาจชื่นชอบการแสดงตำแหน่งที่พวกเขาสัมผัสด้วยภาพ การมีวงเหล่านี้ยังมีประโยชน์หากคุณกำลังสร้างภาพหน้าจอจากโทรศัพท์ของคุณเช่นกำลังทำการวาดภาพผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้ว่าตอนนรี้คุณแตะอยู่ที่ตรงไหนของหน้าจออยู่

    สำหรับข้อมูลการสัมผัสเพิ่มเติม ให้ลองเปิดใช้งานตำแหน่งตัวชี้ซึ่งจะแสดงเส้นบนหน้าจอโดยมันจะทำการแสดงถึงตำแหน่งที่คุณแตะพร้อมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับอินพุตของคุณที่ด้านบนของหน้าจอ สิ่งนี้อาจมีประโยชน์หากคุณกำลังทดสอบเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่หน้าจอ Android ของคุณไม่ทำงานหรือทำงานเป็นบางจุดได้


    Animation Scales

    คุณอาจไม่สังเกตเห็นความเร็วของโทรศัพท์(เพราะมันขึ้นอยู่กับความเร็วของโทรศัพท์ของคุณว่าเทพมากแค่ไหน) แต่ Android จะเล่นภาพเคลื่อนไหวเมื่อเปิดหรือสลับระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ การใช้สเกลแอนิเมชั่นหน้าต่าง, สเกลแอนิเมชั่นการเปลี่ยนและสเกลระยะเวลาของแอนิเมเตอร์ เป็นตัวเลือกที่คุณสามารถปรับระยะเวลาในการแสดงผลเพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอนิเมชันเหล่านี้ได้

    ลองตั้งค่าเหล่านี้ที่ 0.5x จากความเร็วเติม(ค่าที่ต่ำกว่าจะเร็วกว่าในขณะที่ค่าที่มากขึ้นจะช้ากว่า) หากคุณต้องการให้อุปกรณ์ Android ของคุณให้ความรู้สึกว่ามีความเร็วมากขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวลแล้วนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วของฮาร์ดแวร์บนอุปกรณ์ของคุณด้วย ภาพเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจทำหน้าที่ปกปิดเวลาโหลดที่ซ่อนอยู่เมื่อสลับระหว่างแอปพลิเคชัน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะเปลี่ยนกลับเป็นปกติหากโทรศัพท์ของคุณดูเหมือนจะเกิดอาการช้าลงหลังจากเร่งความเร็วตัวเลือกต่างๆ เหล่านี้


    Override Force-Dark

    ตั้งแต่ Android 10 เป็นต้นมา ระบบปฏิบัติการ Android มีโหมดมืดทั้งระบบใน ซึ่งใน Android นั้นหากคุณเปิดไว้โฆมดหน้าจอมือเอาไว้ที่การตั้งค่า > จอแสดงผล > ธีมสีเข้ม(Settings > Display > Dark theme) แอปพลิเคชันที่ใช้งานร่วมกันได้กับโหมดมืดควรเปลี่ยนรูปแบบของหน้าจอเป็นโหมดมืดด้วย แต่ทว่าบางแอปพลิเคชันนั้นยังไม่รองรับโหมดดังกล่าวนี้(เช่น Shopee) ดังนั้นการเปิดใช้งานคำสั่งดังกล่าวนี้จะทำให้แอปพลิเคชันนั้นๆ ทั้งหมดใช้โหมดมืดซึ่งดีมากถ้าคุณไม่ชอบโหมดสว่างหรืออยากให้หน้าจอสว่างน้อยลงในช่วงเวลากลางคืน

    อย่างไรก็ตามโปรดทราบเอาไว้ว่าผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับนั้นจะแตกต่างกันไปตัวอย่างเช่น บางแอปพลิเคชันจะยังคงใช้องค์ประกอบแสงหรือมีข้อความที่อ่านยากบนพื้นหลังสีเข้ม ดังนั้นให้คุณลองดูว่าแอปพลิเคชันโปรดที่คุณใช้ประจำมีหน้าตาเป็นอย่างไรหากเปิดใช้คำสั่งนี้


    Don’t Keep Activities

    เรารวมตัวเลือกนักพัฒนา Android นี้ไว้เป็นตัวอย่างเพื่อการศึกษา เมื่อคุณเปิดใช้งานแถบเลื่อนนี้ Android จะทำลายทุกกระบวนการของแอปพลิเคชันทันทีที่คุณทำการปิดมัน โดยปกติแล้วนักพัฒนาสามารถใช้งานคำสั่งดังกล่าวนี้เพื่อทดสอบว่าแอปพลิเคชันของตนเองทำงานอย่างไรภายใต้สถานการณ์ต่างๆ สำหรับผู้ใช้งานปกติทั่วไปแล้วนั้นการใช้งานคำสั่งดังกล่าวนี้สามารถใช้เพื่อทำการปิดแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ Android ของคุณตลอดเวลาที่ใช้งานเสร็จ(ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นไม่มีความจำเป็นเลย)

    การปิดแอปพลิเคชันด้วยตนเองเป็นประจำหรือใช้ task killer จะทำลายกระบวนการที่ทำงานเบื้องหลังของแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ Android ใช้งานได้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถเปลี่ยนกลับไปใช้แอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว การทำเช่นนี้จะบังคับให้โทรศัพท์ของคุณมีภาระต้องทำงานมากขึ้นหากคุณจะทำการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ถูกปิดไปนั้นใหม่ซึ่งการใช้ทรัพยากรนั้นจะมากกว่าปกติหากคุณปล่อยคำสั่งนี้ให้ปิดเอาไว้

    คุณสามารถเปิดใช้การตั้งค่านี้หากคุณต้องการสัมผัสกับประสิทธิภาพอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ทุกแอปพลิเคชันหยุดทำงาน แต่คุณไม่ควรเปิดทิ้งไว้เมื่อคุณได้ลองใช้งานแล้ว


    Standby Apps

    Android เวอร์ชันใหม่จะคอยติดตามว่าแอปพลิเคชันใดที่คุณใช้บ่อยที่สุด ทำให้โทรศัพท์ของคุณสามารถจัดสรรทรัพยากรให้กับแอปตามเวลาที่คุณใช้ไปกับแอปเหล่านั้นได้ สิ่งนี้มักจะเกิดขึ้นในพื้นหลังแต่ถ้าคุณสงสัยว่าโทรศัพท์ของคุณกำหนดความถี่ให้กับแต่ละแอปพลิเคชันไว้อย่างไรหรือต้องการเปลี่ยนแปลงความถือในการให้ทรัพยากรนั้นๆ ให้คุุณทำการเปิดเมนูนี้ หลังจากนั้นถัดไปจากแต่ละแอปพลิเคชัน คุณจะเห็นค่าใดค่าหนึ่งจากค่าต่างๆ และสามารถแตะรายการใดก็ได้เพื่อปรับการตั้งค่าซึ่งจะมีดังต่อไปนี้

    • ใช้งานอยู่(Active): ทำให้แอปพลิเคชันนั้นๆ ทำงานอยู่ตลอดเวลาเสมอๆ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่มันจะกินทรัพยากรของเครื่องของคุณอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นเดียวกัน
    • ชุดการทำงาน(Working Set): แอปพลิเคชันที่ทำงานบ่อยแต่ไม่ได้ใช้งานจะถูกตั้งค่าเอาไว้ในโหมดนี้ โดยปกติแล้วแอปพลิเคชันเหล่านี้คือแอปพลิเคชันที่คุณใช้งานอยู่ทุกวัน ตัวระบบปฏิบัติการ Android จะมีข้อจำกัดเล็กน้อยบางประการเกี่ยวกับการตั้งค่านี้เอาไว้เช่นไม่ให้ใช้งานบางทรัพยากรของเครื่องในช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำงานอยู่
    • หายาก(Rare): แอปพลิเคชันที่คุณไม่ได้ใช้บ่อยเลยเช่นแอปพลิเคชันที่คุณใช้เฉพาะในบางสถานที่ ตัวระบบปฏิบัติการ Android จะสร้างข้อจำกัดมากมายสำหรับแอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ให้ใช้ทรัพยากรอยู่ตลอดเวลา
    • ถูกจำกัด(Restricted): แอปใช้ทรัพยากรจำนวนมาก, แทบไม่เคยใช้เลยหรือดำเนินการในลักษณะที่น่าสงสัยถูกตั้งค่านี้เอาไว้เพื่อไม่ให้ใช้ทรัพยากรใดๆ ของเครื่องเลยเวลาไม่ได้เปิดใช้งาน

    หากคุณปิดใช้งานการเพิ่มประสิทธิภาพ Doze ของ Android สำหรับแอปพลิเคชันใดๆ คุณจะเห็นว่าเป็นสีเทาและแสดงสถานะการยกเว้นเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีรายการ Never ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะใช้กับแอปพลิเคชันที่คุณติดตั้งแต่ไม่เคยเปิดเท่านั้น ตัวระบบปฏิบัติการ Android จะจำกัดแอปพลิเคชันเหล่านี้เอาไว้มากกว่าหมวดหมู่อื่นๆ


    Select Mock Location App

    เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความลับใดๆ อีกต่อไปแล้วกับการที่โทรศัพท์ของเราจะติดตามตำแหน่งของเราเป็นประจำ ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ทว่าคุณรู้หรือไม่ว่า Android สามารถรายงานตำแหน่งปลอมแทนตำแหน่งที่คุณอยู่จริงๆ ได้ การตั้งค่านี้กำหนดให้คุณต้องติดตั้งแอปพลิเคชันแยกต่างหากที่สามารถสร้างตำแหน่งจำลองได้เช่น Location Changer.Location ChangerLocation Changer

    เมื่อคุณติดตั้งแอปพลิเคชันและเลือกจากตัวเลือกนักพัฒนาซอฟต์แวร์นี้แล้ว คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันนี้เพื่อทำให้โทรศัพท์ของคุณรายงานว่าคุณอยู่ที่ใดก็ได้ที่คุณต้องการ อย่างไรก็ตามโปรดทราบว่านี่เป็นเพียงการหลอกพิกัด GPS เท่านั้น แอปพลิเคชันและเว็บไซต์สามารถตรวจจับตำแหน่งที่คุณอยู่จริงผ่านจุดข้อมูลอื่นๆ เช่น IP address ของคุณ ซึ่งคุณอาจต้องการใช้งาน VPN แทนเอา

    ที่มา : makeuseof

    Android Android Developer Options Android Smartphone Developer options แอปธนาคาร
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    EDDY

    Related Posts

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 10 แท็บเล็ต Lenovo รุ่นไหนดีในปี 2025 สเปคดี มีปากการองรับ ใช้เรียนใช้ทำงานได้คุ้มๆ

    8 พฤษภาคม 2025

    วิธีแก้ไลน์ไม่แจ้งเตือน Android, iPhone ไลน์ไม่ดังต้องเข้าแอพทำยังไงได้บ้างในปี 2568

    7 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    เตรียมพบ “realme 14T 5G” จอเทพ เกมลื่น แบตอึดยันเช้า! Performance Dominator น้องใหม่ของสายเกมตัวจริง เปิดตัว 15 พฤษภาคมนี้

    9 พฤษภาคม 2025

    ลือ Snapdragon 8 Elite 2 จะใช้คอร์ Oryon Gen 2 พร้อม NPU ระดับ 100 TOPS

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X