ตั้งแต่ Apple เปิดตัว iPAd มา iPad ในแต่ละรุ่นก็มักถูกมองว่าเป็น Tablet ที่ดีที่สุดแบบไร้คู่แข่งมาหลายปี แถม Tablet Android แต่ละยี่ห้อที่ออกมาก็ไม่ได้ทำขึ้นมาแข่งกับ iPad เลย มีแต่ออกมาเน้นราคาไม่แพงเพื่อมห้เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้ง่ายเป็นหลัก ทว่าในที่สุด iPad ก็มีคู่แข่งออกมาแล้วนั้นก็คือ Samsung Galaxy Tab S6 ที่วางตัวเองเอาไว้ในระดับเดียวกับ iPad Pro เลยทีเดียวเพราะนอกจากตัวเครื่องที่มีความแรงเป็นอย่างมากแล้วยังมีการรองรับปากกาและ smart keyboard อีกด้วย และด้วยความสงสัยผมเลยเอาทั้งสองมาวัดกันไปเลยว่าใครจะดีกว่ากัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันครับ
เทียบสเปค Samsung Galaxy Tab S6 และ Apple iPad Pro
| Apple iPad Pro 11 | Samsung Galaxy Tab S6 | |
| หน้าจอ | Liquid Retina IPS ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2388 x 1668 120Hz | Super AMOLED ความละเอียด 1600 x 2560 ขนาด 10.5 นิ้ว |
| CPU | Apple A12X Bionic | Snapdragon 855 |
| RAM | 4GB / 6GB | 6GB / 8GB |
| ความจุ | 64GB / 256GB / 512GB / 1TB | 128GB / 256GB |
| กล้องหลัง | 12MP f/1.8 | 13MP f/2.0 + 5MP f/2.2 (ultrawide) |
| กล้้องหน้า | 7MP f/2.2 | 8MP f/2.0 |
| แบตเตอรี่ | 7,812 mAh รองรับชาร์จไวแบบ PD 27W | 7,040 mAh รองรับชาร์จไว 15W |
| ราคา | 28,900 – 52,900 บาท | 25,900 – 28,900 บาท |
ก่อนอื่นในเรื่องวัสดุนั้นทั้งคู่ใช้เป็น Aluminum Unibody ด้วยกันทั้งคู่ แต่ทางด้านน้ำหนักนั้น Galaxy Tab S6 ที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 420 กรัม นั้นชนะ iPad Pro ที่มีน้ำหนัก 468 กรัม ไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งส่วนต่างนี้ไม่ค่อยจะมีผลเท่าไรนัก
หน้าจอ : iPad ใช้หน้าจอ IPS ที่เรียกว่า Liquid Retina ส่วน Galaxy Tab S6 นั้นใช้จอแบบ Super AMOLED ซึ่งทั้งสองให้สีที่ค่อนข้างตรง แต่สิ่งที่ต่างกันคือ iPad Pro จะเป็นจอ 120Hz ขนาด 4:3 ส่วน Galaxy Tab S6 เป็นจอ 60Hz แต่รองรับ HDR10+ ขนาด 16:10 ซึ่งทั้งสองนั้นจะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ
- iPad Pro จะมีจอเหมาะกับการตกแต่งรูป รวมถึงเป็นจอเล่นเกมที่มีความลื่นไหล
- Galaxy Tab S6 เป็นจอสำหรับสายมัลติมีเดียหรือดูหนัง เนื่องด้วยการที่หน้าจอรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+
CPU : iPad Pro ใช้ชิปเป็น A12X Bionic ส่วน Galaxy Tab S6 ใช้ชิปเป็น Snapdragon 855 โดยทั้งสองนั้นผลิตด้วยขนาด 7nm ทั้งคู่ แต่ที่แตกต่างกันคือความเร็ว clock โดย A12X นั้นจะเป็น 4core 2.49GHz + 4core 1.6GHz ส่วน Snapdragon 855 จะเป็น 1core 2.84GHz + 3core 2.42GHz + 4core 1.8GHz ซึ่งจากที่ว่ามา Snapdragon 855 นั้นจะมีความเร็วในการประมวลผลที่สูงกว่า ทว่าเวลาใช้งานจริงนั้นความแตกต่างในส่วนนี้นั้นจะสังเกตุได้ยาก ซึ่งความแตกต่างของตัว CPU จะไปเห็นได้ชัดในช่วงที่กำลังใช้แอปต่าง ๆ มากกว่า
แรม : สำหรับ iPad Pro นั้นโดยพื้นฐานจะมีแรมอยู่ที่ 4GB นอกจากจะเป็นรุ่น Top ที่จะมีแรม 6GB ส่วน Galaxy Tab S6 นั้นจะมีให้เลือกอยู่ 2 ขนาดคือ 6GB และ 8GB ถึงแม้ iPad Pro จะมีแรมน้อยกว่าแต่ด้วย OS ที่จัดการแอปได้ดีกว่าทำให้ใช้งานแรมไม่เยอะเท่า
กล้อง : iPad Pro นั้นมีกล้องหลังเพียงตัวเดียวความละเอียด 12MP f/1.8 ส่วน Galaxy Tab S6 จะมีกล้องหลังถึง 2 ตัวความละเอียด 13MP f/2.0 และ 5MP f/2.2 ที่เป็นกล้อง Ultrawide ซึ่งตรงนี้ทำให้ Galaxy Tab S6 นั้นสามารถถ่ายภาพได้ดีกว่า iPad Pro เพียงแต่ในด้านการใช้งานจริงแล้วกล้องหลังเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่ากล้องหน้า
ในส่วนของกล้องหน้า iPad Pro ให้มา 7MP f/2.2 ส่วน Galaxy Tab S6 ให้มา 8MP f/2.0 ซึ่งในที่นี้ Galaxy Tab S6 นั้นจะมีกล้องหน้าที่ดีกว่าด้วยการที่มีรูรับแสงที่กว้างกว่า อีกทั้งยังมีความละเอียดสูงกว่าด้วย
แบตเตอรี่ : iPad Pro ให้แบตเตอรี่มา 7,812 mAh รองรับชาร์จเร็ว 27W และแถมหัวชาร์จเร็ว 18W มาให้ในกล่อง ส่วน Galaxy Tab S6 นั้นให้แบตเตอรี่มา 7,040 mAh พร้อมหัวชาร์จเร็ว 15W ซึ่งจากที่ว่ามีนี้ iPad Pro นั้นมีดีกว่า Galaxy Tab S6 เยอะ ถึงแม้จะเป็นเพียงของที่มาพร้อมเครื่องก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถเอา iPad Pro ไปใช้กับที่ชาร์จของ Macbook ได้อีกด้วย ถึงแม้จะจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ของ Apple เท่านั้นก็ตาม แต่ของ Galaxy Tab S6 นั้นถึงแม้ระบบชาร์จเร็วจะเป็น Adaptive Fast Charge แต่ก็สามารถใช้ที่ชาร์จที่รองรับ Quick Charge ของ Qualcomm ได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มความหลากหลายทั้งยี่ห้อและราคาเป็นอย่างมาก
อุปกรณ์เสริม : อุปกรณ์เสริมนับเป็นส่วนสำคัญที่มำให้ทั้งคู่สามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้งสองนั้นหลัก ๆ จะมีปากกาและคีย์บอร์ด แต่ทว่าอุปกรณ์เหล่านี้นั้นก็จำเป็นจะต้องซื้อเพิ่มต่างหาก ทำให้ราคาโดยรวมนั้นเพิ่มขึ้นพอสมควร ซึ่งทั้งสองนี้ใช้ชื่อเรียกปากกาและคีย์บอร์ดต่างกัน รวมถึงราคาที่แตกต่างกันพอสมควรด้วยดังนี้
| APPLE | Samsung | |
| ปากกา | Apple Pencil (gen 2) ราคา 4,490 บาท | S Pen ฟรี (ติดมากับเครื่อง) |
| คีย์บอร์ด | Smart Keyboard Folio ราคา 6,490 บาท | Book Cover Keyboard ราคา 2,990 บาท |
ในส่วนของปากกานั้นมีความสามารถที่หลากหลายพอ ๆ กัน แต่ที่แตกต่างกันอย่าชัดเจนคือ Apple Pencil ต้องซื้อเพิ่ม ส่วน S Pen นั้นมีแถมมาในกล่องเลย ซึ่งมันช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควร
ในส่วนของคีย์บอร์ดนั้น Smart Keyboard Folio ของ Apple นั้นจะมีความสะดวกในด้านการวางมากกว่า Book Cover Keyboard เพียงแต่ Book Cover Keyboard ของ Samsung นั้นมี TouchPad ทำให้ใช้งานได้ค่อนข้างง่ายกว่าหากเอามาใช้งานแบบทดแทนคอมพิวเตอร์พกพา
หากต้องการใช้ทั้งปากกาและคีย์บอร์ดแล้วผู้ที่จะซื้อ iPad Pro จะต้องจ่างเงินเพิ่มค่า Appel Pencil และ Smart Keyboard Folio ถึง 10,980 บาท (ไม่รวมค่า Apple Care+ เพื่อขยายระยะประกัน + ลดค่าซ่อม) แต่สำหรับ Galaxy Tab S6 นั้นจะเสียเพิ่มเพียงแค่ค่า Book Cover Keyboard ที่มีราคา 2,990 บาทเท่านั้น
สรุปแล้วตัวไหนเหมาะกับใคร
ในการเลือกซื้อ Tablet นั้นจะต้องมองที่การใช้งานเป็นหลัก เนื่องจากมันไม่ได้มีความสามารถครอบคลุมรอบด้าน โดยแต่ละตัวนั้นจะมีจุดเด่นของตัวเอง ซึ่งจะช่วยกำหนดลักษณะงานที่สามารถทำได้ดี สำหรับ Tablet แล้วลักษณะงานหลัก ๆ จะมีอยู่ไม่กี่อย่างคือ แต่งรูป ตัดต่อวีดีโอ งานเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น ซึ่งพวกนี้เป็นงานมาตราฐานที่ iPad Pro และ Galaxy Tab S6 นั้นทำได้ดีด้วยกันทั้งคู่ ทีนี้ก็ขะขึ้นอยู่กับราคา และแอปในระบบปฏิบัติการนั้นจะสามารถใช้งานเครื่องได้ดีแค่ไหน
- iPad Pro นั้นด้วยตัวเครื่อและแอปใน iOS นั้นทำให้ iPad Pro เหมาะกับงานรูปแบบแต่งภาพ, ตัดต่อวีดีโอ, งานออกแบบ, และงานเอกสาร รวมถึงการเล่นเกมก็ทำได้ดีด้วยจอ 120Hz อีกทั้งหากเป็นเจ้าของ Macbook ด้วยแล้วจะยิ่งสามารถใช้ประโบชน์จาก iPad เพิ่มได้อีกมากมายเลย สรุปสั้น ๆ ก็คือ iPad Pro นั้นเหมาะกับงานสายอาชีพมากกว่านั่นเอง
- Samsung Galaxy Tab S6 นั้นได้ความสามารถเรื่องปากกามาจากตระกูล Note ซึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องการจดโฯ๊ตที่ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเอาฟีเจอร์นี้มาใส่ในเครื่องจอใหญ่แล้วทำให้การจดโน๊ตยิ่งง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ด้วยการที่ใช้ Snapdragon 855 ทำให้ Galaxy Tab S6 สามารถตัดต่อ แต่งรูปได้อย่างรวดเร็วขึ้น อีกทั้งชิป Snapdragon ยังขึ้นชื่อเรื่องความแรงของชิปประมวลผลและชิปกราฟฟิกอีกด้วย สรุปง่าย ๆ ก็คือ Galaxy Tab S6 เหมาะกับสายมัลติมีเดียมากกว่านั่นเอง
